มนตราเพลิงพ่าย ตอนที่ 28
และครั้งนี้ทำให้วิทยาพอใจมากเพราะได้ความสุขอย่างเต็มทีกับเพตา เพตาเหนื่อยเป็นอย่างมากและหลับไป วิทยาแอบมองหน้าเพตาและจูบหน้าผากเพตาอย่าง
แสนรักไม่ยอมให้ใครมาพรากเพตาไปจากตนเองเป็นอันขาด จะทำให้เพตารักตนเองให้ได้
แล้วชลทิศก็มารับฝันที่โรงพยาบาลแล้วพากลับบ้าน โดยมีทุกคนต้อนรับการกลับมาของฝันอยู่ คืนนี้ทุกคนจัดงานฉลองการออกจากโรงพยาบาลของฝัน เลี้ยงคนในบ้านทั้งหมด โดยสั่งเคเอฟซีกับพิซซ่ามากินกัน มีทั้งชุดจุใจและเบอร์เกอร์และพิซซ่าหน่าต่างๆ
ฝันมองทุกคนอยางมีความสุขที่สุด อยากให้ครอบครัวชลทิศอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ตลอดไป ชลทิศเห็นฝันเงียบๆ ไปจึงถามทันที
"ไม่สนุกเหรอไงฝัน งานนี้จัดเพื่อคุณนะรู้ไหม" ชลทิศอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ฝันเงียบไป
"ฉันแค่อยากหายไวๆ จะได้ไปทำงานเสียที"
"จะไปทำงานหรือหาหนุ่มๆ กันแน่" ชลทิศประชด
"ฉันไปทำงานคะไม่ได้ไปหาหนุ่มที่ไหน คุณไม่ต้องกลัวว่าฉันจะทำแผนคุณพังหรอกคะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเต็มใจช่วยคุณเอง คุณเลิกคิดระแวงว่าฉันจะทำให้คุณเสียหน้าจะดีกว่า" ฝันประชดตอบกับไป
"ดีผมก็เตือนให้คุณรู้ไว้เท่านั้นเอง ว่าอย่าลืมหน้าทีที่พึงมี"
"ฉันไม่ลืมหรอกคะ"
แล้วฝันก็เดินไปหยิบไก่เคเอฟซีกินและเอาน้ำส้มมานั่งทานที่โต๊ะเดียวกับชเยนต์ทันที
ชลทิศหงุดหงิดขึ้นมาและนั่งกินเหล้าเมามายชเยนต์จึงสั่งให้ไปพักผ่อนที่ห้อง และนมอุ่นตามมาเช็ดตัวให้แล้วจากไป
รุ่งเช้าฝันเตรียมตัวออกไปทำงาน เจอกับชลทิศรออยู่ตรงโต๊ะอาหารคนเดียว ชลทิศชวนฝันทานข้าวเช้าด้วยกัน ฝันไม่ได้ปฏิเสธและนั่งทานโจ้กด้วยกันก่อนออกไปทำงานกัน ชลทิศได้รับโทรศัพท์จากเพตาชวนชลทิศไปเที่ยวผับคืนนี้ชลทิศนึกอยาก ประชดฝันที่นั่งฟังอยู่จึงตอบตกลงไป ฝันรู้สึกเจ็บปวดที่ชลทิศไม่แคร์ตนเองบางเลยจึงปล่อยเลยตามเลย แล้วขับรถตนไปทำงานทันที
ชลทิศเมื่อเลิกงานก็ไปตามนัดเพตา และบังเอิญฝันกับทรงกลดนัดลูกค้าไว้ที่ผับกันและเจอกัน ชลทิศเห็นทั้งคู่ก็เดือดขึ้นมาทันที แล้วเพตาก็พูดกรอกหูให้ฟังว่าฝันทันที
"ดูสิคะชลดูแม่คู่หมั้นของคุณสิไปไหนมาไหนกับชายอื่น มันดูแล้วไม่ดีนะคะชล สงสัยคงสวมเขาให้กับชลซะแล้วละ" เพตาเยาะเย้ยฝันให้ชลทิศฟังเพื่อเรียกคะแนนให้ตนเอง
"ผมว่าเราไปทักพวกเค้ากันดีกว่าไหมครับ"
"ก็ดีคะ.....ไปกัน" แล้วทั้งคู่ก็เดินไปหาทั้งคู่กัน
"สวัสดีครับคุณทรงกลดคุณฝัน"
"สวัสดีครับคุณชลทิศคุณเพตา นี้พวกคุณมาเที่ยวที่นี้ด้วยเหรอครับ" ทรงกลดถามพลางมองฝันอีกครั้งอย่างเป็นห่วง