นิสัยแย่ ๆ ที่คุณไม่ควรใช้ในที่ทำงาน

1. 

   บ้าอำนาจ

        นิสัยข้อนี้มีกันเกือบทุกคน ไม่ใช่ทุกคนที่มีนิสัยข้อนี้ เมื่อคุณมีตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า นิสัยของนี้คุณไม่ควรมีเพราะจะทำให้บรรยากาศในการทำงานตึงเครียด ผู้ใต้บังคับบัญชารู้กดดัน เครียด ไม่อยากมาทำงาน งานที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ยิ่งคุณบ้าอำนาจเท่าไหร่ ผู้ใต้บังบัญชาของคุณจะยิ่งเกลียดคุณ เบื่อขี้หน้าคุณไปเลย

  สำหรับผู้บริหารให้ทบทวนตัวเองสักหน่อยว่าคุณเป็นนายประเภท  ต้องทำตามที่บอกเท่านั้นหรือไม่  ไม่เคยรับฟังเหตุผลของผู้ใต้บังคับบัญชา เด็จการ  นี่คือคำสั่งคุณต้องทำตามที่ผมสั่ง   หากคุณมีนิสัยอย่างนี้รู้ไว้เลยว่าตัวคุณกำลังทำให้องค์กรเกิดความเสียหาย คุณกำลังพ่นพิษร้ายให้กับองค์กร การกระทำของคุณส่งผลเสียให้กับองค์กรขั้นรุนแรง   เมื่อไหร่ที่องค์กรขับเคลื่อนด้วยความกลัว   ผู้ใต้บังคับบัญชากลัวถูกตำหนิเมื่อทำงานพลาดหรือไม่ได้ทำตามคำสั่งของคณอย่างเคร่งครัด กลัวมีความผิดหรืออะไรก็ตามแต่มันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหากเทียบกับการขับเคลื่อนองค์กร

ด้วยพลังบวกที่ใครๆ ก็อยากแสดงความคิดเห็น อยากทดลองทำงานใหม่ ๆ  โดยไม่ต้องกลัวว่าหากทำพลาดไปแล้วจะโดนด่า โดนตำหนิ โดนตัดเงินเดือน ความกระตือรือร้นของผู้ใต้บังคับบัญชาต่างกันอย่างสิ้นเชิงถึงแม้ว่ามันจะง่าย เวลาจะสั่งงานโดยใช้ ความกลัวเป็นแรงขับแต่คุณก็ต้องแลกกับการทำให้องค์กรไม่มีชีวิต ชีวิตวา ขาดการปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ทุกคนอยู่อย่าง หวาดระแวงกลัวว่าถ้าทำผิดแล้วจะโดนดุไม่มีวันที่ทางสร้างอะไรใหม่ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

2. โมโหร้าย เกรี้ยวกราดทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจ

ผู้บริหารคนใดมีนิสัยข้อนี้คงไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาคนไหนอยากเข้าใกล้ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใต้บังคับชา ทำโน้นก็ผิดทำนี้ก็ผิดทำอะไรไม่ได้สักอย่างเพราะไม่รู้ว่าเมื่อทำลงไปแล้วจะเป็นที่พอใจของผู้บังคับบัญชาหรือไม่ ถ้าหากขัดใจหรือทำงานไม่ได้ดั่งใจคุณจะโดนด่าในทันที ไม่รับฟังเหตุผล  แค่หายใจก็ผิดแล้ว เจ้านายประเภทนี้ไม่มีใครต้องการทำงานด้วย

3. เป็นคน ช่างแซะ ช่างแขวะ กัดได้ทุกเรื่อง

เวลาคุณมีเพื่อนร่วมงานนิสัยแบนี้ คุณจะรู้สึกเบื่อไปในทันทีเมื่อมีเพื่อนร่วมงานนิสัยแบบนี้ถึงแม้ว่าการจิกกัด เล็กๆ น้อย ๆ อาจดูเป็นเรื่องตลกขบขัน เป็นเรื่องสนุกแต่ถ้ามันเกินไปมันก็ไม่ดี คุณก็อาจกลายเป็นตัวน่ารังเกียจของคนอื่นๆ ได้เหมือนกันโดยเฉพาะคำพูดเชิงดูถูกเสียดสีให้คนอื่นดูแย่นั้นขอให้เลิกใช้นิสัยนี้เพราะยิ่งคุณว่าคนอื่นมากเท่าไหร่

คุณก็ดูแย่มากขึ้นเท่านั้น เลิกทำนิสัยแบบนี้กับคนรอบข้าง  ถ้าคุณยังอยากมีเพื่อน  ปฏิบัติตัวต่อทุกคนด้วยดี เคารพคนอื่นและบังคับใจตัวเองที่คันปากอยากจะแซะคนอื่นให้ได้  คุณจะได้เป็นที่รักของทุกคนเปลี่ยนจากคำพูดแย่มาเป็นคำพูดที่สร้างสรรค์ แบบนี้มันจะดีกว่า

4. สัญญาก็ไม่เป็นสัญญา ไม่มีสัจจะในคำพูดของตัวเอง

ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้ รับปากอะไรแล้วทำไม่ทำได้อย่างที่พูดได้สักอย่าง  จงรู้ไว้ว่า คุณกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเอง โดยเฉพาะถ้าหากคุณเป็นผู้นำองค์กร พฤติกรรมแบบนี้นั้นจะทำให้ใคร ๆ ไม่เชื่อถือและเชื่อใจคุณ หากคุณต้องการให้ทุก ๆ คนยอมรับ เชื่อถือในตัวคุณ  คุณต้องมีสัจจะในคำพูดของตัวเอง ทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้ให้ได้

5. ไม่มีความอดทน หนักไม่เอาเบาไม่สู้

นิสัยพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องมี นิสัยข้อนี้เป็นหนึ่งหนึ่งในตัวแปร ที่จะส่งผลให้ธุรกิจ หน้าที่การงานของคุณประสบความสำเร็จหัวใจสำคัญคือการรู้ว่าช่วงเวลาใดคุณควรกระโดดหรือควรจะตั้งหลักให้มั่น ถึงแม้ว่าความกระตือร้นเป็นเรื่องดีแต่ก็ต้องรู้หรือเลือกจังหวะให้ถูกด้วยโดยเฉพาะ

ถ้าจะต้องตัดสินใจทำอะไร คุณควรตั้งสติวิเคราะห์เพื่อตัดสินได้อย่างเหมาะสม  ให้คุณลองถอยกลับมาตั้งหลักแล้วให้ทบทวนอย่างรอบคอบให้อดทนพิจารณาซึ่งถ้าหากคุณใจร้อนหรือด่วนตัดสินใจแบบไม่คิดให้ถี่ถ้วนก็อาจส่งผลเสียตามมาก็ได้

6. มนุษย์ที่เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ ( คนที่หลงรักในความสมบูรณ์ ) คนประเภทนี้จะยอมไม่ได้ ถ้าหากเจออะไรไม่เป็นอย่างที่คิดจะรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที

มนุษย์ประเภทนี้จะหาความสุขในชีวิตไม่ได้เมื่อคุณทำไม่ได้ตามที่คุณหวังเอาไว้ ความรู้สึกไม่ดียิ่งทำให้คุณขาดกำลังใจแรงผลักดันในการทำงานครั้งต่อไปเพราะฉะนั้นคุณเลิกใช้นิสัยแบบนี้เพราะในชีวิตคนเราย่อมมีข้อผิดพลาดกันบ้าง ไม่ต้องคาดหวังว่าทุกชิ้นงานของคุณจะสมบูรณ์แบบขอให้คุณทำงานชิ้นนั่นให้ที่สุดก็เพียงพอแล้ว คุณจะได้มีกำลังใจในการทำงานครั้งต่อไป

7. ใจเขาใจเรา

เราไม่ชอบแบบไหน อย่าทำแบบนั้นกับใคร เราไม่ชอบคนอื่นก็ไม่ชอบเหมือนกัน สำหรับบางคนที่ไม่เคยมองหัวใครเลย ทำอะไรไม่เคยสนใจและใยดีความรู้สึกของคนอื่นเลยทำจนติดเป็นนิสัยในทางกลับกันถ้าเรารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราก็ทำให้คุณเป็นที่รักของคนอื่น  .ใคร ๆ ก็อยากอยู่กับคุณ

8. ไม่รู้จัก คำว่า ยืดหยุ่น

ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปดี ระหว่างกลางดีที่สุด  การทำงานทุกอย่างต้องมีการยืดหยุ่น  ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดการรู้จักคิดวิเคราะห์ อะไรๆ ได้ตัวเรานั้นรับฟังคำติชมจากคนอื่น ไปปรับปรุงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้

ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินการทำตามแผนที่วางไว้แล้วแต่หากคุณเข้มงวดจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด ความเชื่อตลอดจนถึงการตัดสินใจใดๆ จะทำให้ตัวเลือกของคุณมีน้อยเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณ องค์กรที่ประสบความสำเร็จในบางครั้ง ต้องมีความยืดหยุ่นโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน วิกฤติก็คือโอกาสได้  อย่างเช่นคำว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

9. ใจแคบ ไม่มีน้ำใจ

เมื่อเกิดความผิดพลาดมักเห็นตัวตนที่แท้จริงของใครบางคนใครคนนั้นมักจะชี้นิ้วใส่คนอื่น ออกคำสั่ง สั่งโน้นสั่งนี้  ไม่เคยรับรู้และรับฟังปัญหาของคนอื่นแต่เมื่อมีอะไรผิดพลาดขึ้นมามักจะมีข้อแก้ตัวในเรื่องนั่นโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมงานและที่สำคัญจะชื่อในเรื่องที่ผิด ๆ ด้วยเหตุผลความคิดตัวเองถูกและไม่ฟังใคร การกระทำของฉันและความคิดของฉันถูกเสมอ

10. หลงตัวเอง

ฉันเก่งที่สุด ไม่มีใครเก่งเท่าฉันอีกแล้ว นิสัยอันไม่พึงประสงค์ที่มีผลต่อองค์กรในสังคมหมู่มากมีผลกระทบต่อการทำงาน  อีโก้ที่คุณมีไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมันทำให้เสียโอกาสที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพราะในโลกใบนี้ยังมีคุณที่เก่งกว่าคุณอีกมากมายหลายคน

11. หงุดหงิด บ่นได้ทุกเรื่อง

บ่นโน้น บ่นนี่ บ่นได้ทุกเรื่อง  โน้นก็ไม่ดี โน้นก็ไม่ชอบมองอะไรก็แย่ไปหมด การกระทำของคุณทำให้คนรอบข้างรู้สึกแย่ไปด้วย ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้นหรือแก้ไขอะไรให้ดีขึ้น  ในขณะเดียวกันคุณก็กำลังทำให้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คุณ