เปิดสาเหตุคำสั่งห้าม MISS UNIVERSE กลับเข้าประเทศ
ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่แฟน ๆ นางงามหลายคนติดตามกันอย่างใกล้ชิดสำหรับเหตุการณ์ที่รัฐบาลของสาธารณะรัฐนิการากัวได้ออกมาแบน เชย์นิส ปาลาซิโอส (Sheynnis Palacios) Miss Universe 2023
ซึ่งเป็นสาวงามจากสาธารณะรัฐนิการากัว ถึงขั้นที่ห้ามเข้าเธอกลับเข้าประเทศบ้านเกิด และตรวจคนเข้าเมืองของนิการากัวก็ตีกลับเธอพร้อมทั้งทีมงานให้บินกลับไปยังสหรัฐเม็กซิโก ประเทศล่าสุดที่เธอเพิ่งเดินทางจากสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ประเทศเจ้าภาพในการจัดการประกวดในปีนี้ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่แรกในฐานะ Miss Universe คนล่าสุด
ซึ่งก็ทำเอาแฟน ๆ นางงามถึงกับงงไปตาม ๆ ว่า อิหยังวะ เขามีแต่ต้อนรับคนมงอย่างยิ่งใหญ่ จัดงานเฉลิมฉลองกันในระดับประเทศ แต่นี่กลับแบนและให้บินออกนอกประเทศไป
ซึ่งก็มีหลายคนออกมาให้ความเห็นว่าอาจจะเป็นเพราะเธอเคยลงถนนร่วมประท้วงกับประชาชนในนิการากัวเมื่อ 2018 พอเธอมาประกวด Miss Universe ก็ทำให้เกิดกระแสสนับสนุนเธอ จนทำให้รัฐบาลไม่พอใจถึงขั้นสั่งแบนไปรอบนึงแล้ว ทั้งชุดราตรีสีขาวฟ้าซึ่งเป็นสีธงชาติของสาธารณะรัฐนิการากัว ซึ่งเสมือนสัญลักษณ์ทางการเมืองในการต่อต้านรัฐบาลของสาธารณะรัฐนิการากัวในปัจจุบัน ทำให้รัฐบาลกังวลว่าจะมีคนสนับสนุนเธอมากขึ้นอาจทำให้รัฐบาลโดนต่อต้านอีก แต่ความจริงไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เมื่อขุดลงไปก็ทำให้พบความจริงหลาย ๆ อย่าง
สาธารณะรัฐนิการากัว ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง อนุภูมิภาคหนึ่งของทวีปอเมริกา มีนายโฮเซ ดานิเอล ออร์เตกา ซาอาเบดรา (José Daniel Ortega Saavedra) เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ปี 2007 รวมระยะเวลากว่า 16 ปี
ซึ่งในปี 2018 ที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้ปรับเพดานภาษีประชาชนทุกคนให้สูงขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุหลายคนได้รับผลกระทบในเรื่องของเงินบำนาญที่ทำงานหามาทั้งชีวิต แต่กลับไม่ได้ใช้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จนเกิดความไม่พอใจและได้ออกมาตั้งขบวนประท้วงนโยบายนี้อย่างสันติ
โดยในตอนหลังมีคนหนุ่มสาวและประชาชนชาวนิการากัวที่รู้สึกเห็นใจผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบให้ครั้งนี้และไม่เห็นด้วยกับนโยบายปรับเพดานภาษีให้สูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม ก็ได้ออกมาประท้วงร่วมกับผู้สูงอายุก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งในครั้งนั้นก็มีสาวเชย์นิสเข้าร่วมประท้วงด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ก็บานปลายเป็นการสลายการชุมนุม มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นร่วม 300 ศพ มีผู้ที่ถูกเนรเทศและลี้ภัยการเมืองออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก จนเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2018 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และคณะกรรมาธิการระหว่างชาติอเมริกาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การรัฐอเมริการะบุว่า ออร์เตกามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรง ในขณะที่เจ้าหน้าที่และสื่อของรัฐบาลปฏิเสธการกระทำดังกล่าว และเหมือนว่ารัฐบาลก็จะกวาดขยะเข้าใต้พรมเพื่อปิดข่าวนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็มีข่าวนี้เล็ดลอดออกมาโดยซื่อต่างชาติอยู่ดี
ซึ่งหลังจากที่เชย์นิสได้รับตำแหน่ง Miss Universe Nicaragua 2023 จนได้เดินทางเข้าร่วมประกวด Miss Universe 2023 ณ สาธารณะรัฐเอลซัลวาดอร์ ทางรัฐบาลสาธารณะรัฐนิการากัวก็ได้มีคำสั่งแบนเธอเพราะกลัวกระแสของเธอจะมีผลกระทบกับตัวเอง เกิดกระแสการต่อต้านขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ได้ยกเลิกไปเพราะเห็นแก่ความสามารถของเธอ ซึ่งอาจจะส่งผลดีกับประเทศ แต่หลังจากการประกวดจบลงและเชย์นิสก็ได้รับตำแหน่ง Miss Universe ก็เกิดการแบนเธออีกครั้งจากรัฐบาลสาธารณะรัฐนิการากัว จนกระทั่งเชย์นิสเดินทางจากสหรัฐเม็กซิโกกลับไปยังสาธารณะรัฐนิการากัว เธอก็พบว่าเธอนั้นถูกแบนจากรัฐบาลและห้ามเข้าประเทศ ให้เธอบินกลับไปยังเม็กซิโกแทน พูดง่าย ๆ ว่าก็คือการเนรเทศแล้วนั่นเอง
โดยมีชาวนิการากัวได้ให้ข้อมูลว่า อาจจะเป็นเพราะทั้งชุดราตรีที่เชย์นิสสวมใส่ มันไปเหมือนกับสีของธงชาติ ซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองในการต่อต้านรัฐบาลของนายดานิเอล ที่ใช้ธงสีขาวดำแดง
หรือแม้แต่คำตอบรอบสามคนสุดท้ายที่ว่า ถ้าเกิดเลือกเป็นผู้หญิงคนใดก็ได้ในระยะเวลา 1 ปี จะเลือกเป็นใคร ซึ่งเชย์นิสได้ตอบว่าเธอเลือกที่จะเป็น แมรี โวลสโตนคราฟต์ นักเขียน นักคิด นักปรัชญา และ เฟมินิสต์ (ผู้ที่สนับสนุนสิทธิและความเสมอภาคของสตรี) ผู้ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิความเท่าเทียมของผู้หญิงแห่งยุคศตวรรษที่ 18 ถือเป็นผู้บุกเบิกการต่อสู้เรื่องสิทธิสตรี จนได้รับการยกย่องว่าเป็นมารดาแห่งเฟมินิสต์ ด้วยเหตุผลว่าเธออยากจะลดช่องว่างทางสังคมและให้โอกาสผู้หญิงหลาย ๆ คน และสิ่งที่ฉันจะทำ ฉันอยากลดช่องว่างด้านรายได้ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง เพื่อให้ผู้หญิงสามารถทำงานในสถานที่ใดก็ได้ที่พวกเขาเลือก เพราะไม่มีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิง นั่นคือเมื่อปี 1750 ตอนนี้ปี 2023 แล้ว เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์นั้น ด้วยคำตอบนี้ก็อาจจะทำให้นายดานิเอลเจ็บจี๊ดถึงทรวงใน เพราะนายดานิเอลเองก็เป็นพวกขวาจัดแบบสุดโต่ง แม้แต่นโยบายของรัฐบาลยังเป็นการปฏิรูปฝ่ายซ้าย และก็คงรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ที่เชย์นิสพูดว่า เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์นั้น คงจะทำให้หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2018 จนกลับมาแบนเธออีกครั้ง และเนรเทศเธอไม่ให้กลับเข้าประเทศ แม้แต่การเฉลิมฉลองชัยชนะที่คว้าตำแหน่ง Miss Universe มาได้ก็ไม่ให้จัด แม้แต่รูปวาดเฉลิมฉลองก็ไม่ให้มี เผด็จการสุดโต่งมากนะลุง
แต่ที่ฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็นข่าวอีกกระแสหนึ่งออกมาว่า ทางรัฐบาลของนายดานิเอลได้ยื่นข้อเสนอให้เชย์นิสสละตำแหน่ง Miss Universe ซะ จะได้ไม่มีกระแสการสนับสนุนต่อต้านรัฐบาลของตน ถึงจะยอมให้กลับเข้าประเทศ ซึ่งเรื่องก็มีชาวนิการากัวก็ออกมาให้ความเห็นว่าถึงเธอจะสละตำแหน่งหรือไม่ก็ไม่มีผล เพราะตอนนี้เธอก็ไม่ต่างจากบุคคลที่โดนรัฐบาลเนรเทศ และถึงต่อให้สละตำแหน่งแล้วกลับเข้ามาประเทศได้ ชีวิตของเธออาจจะลำบากกว่าเดิมแน่นอน
ก็แหงล่ะค่ะ ทำกันขนาดนี้แล้ว กลับไปมีหวังโดนกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน ถ้าสงสารนี้ไปถึงหน่วยงานไหนหรือองค์ใดได้ก็อยากจะให้ช่วยเธอสักนิดนึง เธอพูดและทำเพื่อนมนุษย์ด้วยกันขนาดนี้แล้ว อย่าปลอดให้เธอต้องยืนครองมงกุฎอย่างโดดเดี่ยวเลยค่ะ