นิยายาวาย 'หวนรักนายแฟนเก่า' EP.4 คำตอบ
บทที่ 4
คำตอบ
ผ่านมาสามวันแล้วที่ธนาเดินทางไปต่างประเทศ วันแรกทั้งสองมีโอกาสได้คุยสายกันบ่อย ๆ ธนารายงานกับโตโต้ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน ส่งภาพมาทางไลน์แชทไม่ขาดช่วง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย ติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปไม่ตอบ เลยหนึ่งสัปดาห์ที่เขาบอกว่าจะกลับแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แวว นั่นส่งผลให้โตโต้ต้องนั่งทำหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะทำงาน รุ่นพี่คนสนิทอย่างจุรีสังเกตเห็นก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงเข้ามาถาม
“เป็นไรยะ เมนไม่มาเหรอทำไมมานั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่อย่างนี้ หรือคิดถึงแฟนยะ”
“ก็ใช่น่ะสิพี่ ทำไมถึงติดต่อไม่ได้ ไม่ติดต่อกลับมาเลย ผมกลัวว่าจะโดนหลอกฟันแล้วทิ้ง” เจ้าตัวตอบเสียงอ่อยอย่างไร้พลังงานชีวิต เผลอบอกเรื่องที่ไม่ควรบอกออกมา
“อะไรนะ! แกกับท่านรองได้กันแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโตโต้ก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ หันไปมองหน้าจุรีอย่างรู้สึกโทษตัวเองที่พลั้งปากไป
“พูดอะไรออกไปเนี่ยไอ้โต้” เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ
“บอกมาเลยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนยังไง แล้วที่ว่าฟันแล้วทิ้งคือ...”
“เบา ๆ หน่อยสิพี่จุรี ผมบอกก็ได้ ก่อนเขาจะไปอเมริกาได้พาผมไปที่คอนโดแล้วเราก็...มีอะไรกัน แถมเขายังขอผมแต่งงานอีก ผมบอกว่ารอให้เขากลับมาแล้วถึงจะให้คำตอบ แต่ดูสินี่ยังไม่กลับมาเลยแถมยังติดต่อไม่ได้จะให้คิดยังไงนอกจากโดนหลอก”
“ใจเย็น ๆ นะแก บางทีมันอาจมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น โทรศัพท์คุณธนาอาจจะหายหรือพังก็ได้”
“แต่ควรจะหาช่องทางอื่นมาติดต่อมาสิพี่ คนรอมันก็น้อยใจและคิดมากนะ”
“เอาน่า รออีกนิดเดียว เขาทำงานที่นี่ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี ว่าแต่แกจะแต่งงานกับเขาไหมล่ะ” จุรีเอ่ยถามพลางจ้องหน้ารอลุ้นคำตอบอย่างตั้งใจ
โตโต้เงียบก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ
“อร้ายยย ฉันดีใจด้วยนะที่แกจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนสักที ฉันมั่นใจว่าคุณธนาไม่มีทางหลอกแกแน่ อีกไม่นานก็จะกลับมาแล้วล่ะ”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นครับพี่จุรี”
“เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้วรีบลงไปกินเข้ากันเถอะ เที่ยงพอดี”
ทั้งสองถือโอกาสลงไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหาร เดินลงไปถึงหน้าประตูทางเข้าโรงอาหารก็ได้ยินเสียงเม้ามอยหอยสังข์ของบรรดาสาว ๆ แผนกอื่นแว่วเข้าหู มีใจความว่าตอนนี้ท่านรองประธานกำลังซุ่มเงียบแต่งงานกับแฟนสาวที่เคยคบกันเมื่อตอนเรียนอยู่เมืองนอก ที่หายไปนานหลายวันเพราะถือโอกาสไปเยี่ยมแฟนสาวด้วยนั่นเอง
ได้ยินแค่นั้นโตโต้ก็รู้สึกหน้าชา มือไม้อ่อนแรงแทบทรงตัวไม่อยู่ มันเจ็บและจุกจนน้ำตาแทบจะไหลลงมาเต็มที ได้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างจุรีช่วยพยุงไว้
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ พี่จุรี ผมโดนหลอกแล้ว เขามาแก้แค้นผม ฮือ ๆ”
“แกอย่าร้องสิเดี๋ยวคนก็สงสัยหรอก ไปนั่งที่อื่นกันดีกว่า”
“ผมไม่ไหวแล้วพี่ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวฉันลางานให้ แกกลับไปทำใจที่บ้านก่อนเถอะ”
“ฝากพี่จุรีด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องงานฉันจะดูให้ ขอแค่แกอย่าคิดมากก็พอ”
“ผมจะพยายามครับ”
ในขณะทั้งสองกำลังจะแยกทางกันนั้นก็มีรถคันหรูมาจอดเทียบอยู่ริมฟุตพาทหน้าโรงอาหาร สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปก็พบว่าคนที่ลงมาจากรถนั้นคือธนาและหญิงสาวคนหนึ่ง แต่งตัวดูดีมีระดับ สวยสง่ามีราศีลูกคุณหนู เห็นอย่างนั้นน้ำตาของโตโต้ยิ่งไหลบ่าลงมาไม่หยุด
“มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดก็ได้นะ”
“ไม่ต้องพูดแล้วพี่ ผมจะขึ้นไปเอากระเป๋าแล้วก็กลับเลย”
โตโต้พูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย มีโอกาสสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนที่ธนาจะเป็นเมินแล้วหันไปสนใจผู้หญิงคนนั้น ประคองเจ้าหล่อนราวกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานของผู้บริหาร โตโต้รีบเดินเร็วก้มหน้าขึ้นไปเอากระเป๋าสะพายใบเล็กรีบเดินลงบันไดเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน ขืนอยู่ต่อคงไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานเป็นแน่
แต่เหมือนฟ้าดินช่างกลั่นแกล้งเสียนี่กระไร เดินสวนทางกับคนทั้งสองที่ไม่อยากจะพบหน้าในตอนนี้ เสียงหัวเราะชอบใจหยุดลงเมื่อเห็นโตโต้เดินมา เจ้าตัวก้มหน้าลงแล้วเร่งฝีเท้าเพื่อให้ผ่านพ้นจากคนทั้งสองให้เร็วที่สุดแต่ทว่ามือเรียวกลับถูกรั้งเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมร้องไห้อย่างนี้ล่ะ”
น้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นห่วงยิ่งทำให้รู้สึกสมเพชตัวเอง สลัดมือหนาให้พ้นตัวแล้วเงยขึ้นมองหน้าเพื่อให้เขาเห็นน้ำตา อยากให้รู้ว่าได้ทำร้ายจิตใจคนคนนี้มากเพียงใด
“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ท่านรองประธานไม่จำเป็นจะต้องลดตัวลงมาเป็นห่วงหรอก” โตโต้ตอบกลับเสียงแข็ง
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกฉันได้นะคะ มีใครทำอะไรคุณหรือเปล่า” ผู้หญิงคนนั้นถาม
“โดนผู้ชายเลวบางคนทำร้ายจิตใจมาครับ! ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
กล่าวแล้วก็รีบวิ่งแจ้นตรงไปยังประตูรั้วบริษัท ไม่หันกลับไปมองภาพนั้นให้เจ็บปวดอีก จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ร้องไห้เมื่อตอนสูญเสียมารดาไปอย่างไม่มีวันกลับ และวันนี้ธนาก็ได้ทำให้เขาต้องเสียใจครั้งใหญ่ในชีวิตอีกครั้ง ทั้งเจ็บและอายเกินกว่าจะมองหน้าใครได้
*-*-*-*-*-*
วันต่อมาโตโต้ยังคงไม่ไปทำงานโดยโทรบอกหัวหน้างานว่ารู้สึกไม่สบายตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้วนอนซมอยู่ที่เตียงไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน เมื่อคืนก็ร้องไห้ทั้งคืนจนตาบวมไปหมด อกหักครั้งนี้มันเจ็บเจียนตายทำใจยากจริง ๆ
“ถ้าเจอหน้าอีกครั้งจะตบให้หนำใจเลยคอยดู คนบ้าอะไรเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ นี่มันสิบปีแล้วนะ ฮือ ๆ”
ว่าแล้วก็กำมือทุบไปที่หมอนซ้ำ ๆ ราวกับคิดว่านั่นคือธนา จู่ ๆ เจ้าโต้งก็เห่าเสียงดังก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบไป เจ้าตัวจึงลุกขึ้นจากเตียง ยกมือเรียวขึ้นสางผมไม่ให้ฟูจนเกินไป เดินออกไปดูว่าเจ้าโต้งเห่าใครกัน
“ธนา! จะมาทำไมอีกเนี่ย”
เจ้าตัวอุทานอย่างเบาเสียงขณะกำลังแหวกผ้าม่านส่องสายตาออกไปหน้าบ้าน เหมือนธนาจะรู้ว่ากำลังแอบมองดูจึงโบกมือมาให้พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจราวกับว่าก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โต้! เปิดประตูบ้านให้เราเข้าไปหน่อยนะ เราเอาของมาฝากเยอะแยะเลย”
“ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลัง เราไม่มีวันให้ธนาเข้ามาในชีวิตเราอีกแน่”
“เราขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย พอดีว่ามือถือเรามันหายแล้วเราก็จำเบอร์โต้ไม่ได้อ่ะ”
“เราไม่เชื่อ ยังมีอีกหลายช่องทางที่ติดต่อมาได้แต่ธนาก็ไม่ทำ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะเพราะถึงยังไงธนาก็จะแต่งงานอยู่แล้วนี่ แล้วจะมายุ่งกับเราอีกทำไม สะใจแล้วใช่ไหมที่แก้แค้นเราได้”
“แก้แค้นอะไร เราไม่เข้าใจ โต้เปิดประตูให้เราก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย!”
เจ้าตัวตะโกนไล่ก่อนปิดม่านหน้าต่าง ยืนกอดอกหันหลังไม่สนใจไยดีแขกที่กำลังอยู่หน้าบ้าน ทำไมตอนอยู่บริษัทถึงทำเป็นไม่รู้จักกัน ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นทำเป็นเมิน แต่เมื่ออยู่สองต่อสองกลับทำตัวเหมือนปกติ จะเล่นละครตบตาไปทำไมกัน
โตโต้กลับมานอนร้องไห้ในห้องจนผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สองทุ่มกว่า ๆ แล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเย็นจึงรู้สึกหิวขึ้นมา เดินเข้าครัวเพื่อจะทำอะไรรับประทานแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนั้นยังอยู่หน้าบ้านหรือไม่ จึงเดินไปแง้มผ้าม่านดูอีกครั้งก็เห็นว่าเขานั่งหลับพิงหลังอยู่เสาหน้าบ้าน ข้างกันนั้นก็มีเจ้าโต้งนอนอยู่ด้วย เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเพราะข้างนอกนั้นยุงเยอะมาก คงจะโดนกัดจนผิวลายไปแล้วกระมัง
“ช่วยไม่ได้นะ อยากจะอยู่เอง เป็นไข้เลือดออกตายไปเลย”
แม้ปากจะเอ่ยอย่างนั้นออกไปแต่ใจกลับเป็นห่วง ถึงจะกลับมานั่งกินข้าวแต่ก็มีความเป็นกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเปิดประตูออกไปอย่างเบาเสียงที่สุดเพื่อจุดยากันยุงให้เขา ในระหว่างกำลังนั่งจุดยากันยุงอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองอยู่ และเป็นอย่างที่คิดเพราะหันไปมองก็เห็นธนากำลังพุ่งตัวเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังเสียแล้ว
“เฮ้ย! ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ปล่อย เราจะไม่ยอมปล่อยเมียเราไปไหนแน่”
ธนาใช้โอกาสนี้ขโมยหอมแก้มฟอดแล้วฟอดเล่าอย่างชื่นใจ ให้สมกับการต้องห่างกันนานหลายวัน โตโต้ยังคงออกแรงดิ้นภายในวงแขนแกร่งเขา จะไม่มีทางยอมตกเป็นเหยื่อของผู้ชายคนนี้อีกแล้ว จะต้องใจแข็งเข้าไว้ให้มาก ๆ
“ฟังเราก่อนดิ เราไม่ได้คิดจะหลอกโต้เลยนะ ที่เห็นในบริษัทนั่น...”
“หุบปากแล้วกลับไปซะ เราไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ในเมื่อจะแต่งงานกับคนอื่นอยู่แล้วจะมาขอเราแต่งงานทำไมกัน เราก็เจ็บเป็นนะธนา”
“หยุดโวยวายแล้วฟังเราสักที ที่เห็นในบริษัทนั่นคือพี่สาวฝาแฝดเราเอง”
ได้ยินอย่างนั้นโตโต้ก็นิ่งงันพร้อมกับคิดตาม พยายามนึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่เคยบอกว่ามีพี่ชายฝาแฝดนี่นา แล้วทำไมวันนี้ถึงบอกว่ามี สรุปว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ที่กำลังโกหก
“ไม่จริง! ธนาไม่เคยบอกว่ามีพี่สาวฝาแฝดมาก่อน”
“ใช่! เราไม่เคยบอก แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่จริงนี่นา” ตอนนี้หยุดโวยวายแล้วเขาจึงคลายอ้อมแขน วางมือบนไหล่บางพร้อมทั้งจ้องหน้าเพื่อที่จะเอ่ยความจริงให้ฟังทั้งหมด จะได้เลิกเข้าใจผิดเสียที “ฟังนะ...เราเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อห้าปีที่แล้วว่ามีพี่สาวฝาแฝด พอดีว่าแม่กับพ่อเลิกกันแบบไม่เผาผี จึงไม่ยอมบอกว่าเรามีพี่น้องฝาแฝด ต่างคนต่างมีครอบครัวจนกระทั่งนานวันเข้าท่านทั้งสองเริ่มวางทิฐิลงก็เลยบอกความจริงเราทั้งคู่”
“แน่นะ”
“แน่สิ สาบานเลยก็ได้”
“ถ้าจะให้เราเชื่อจริง ๆ ต้องนัดมาให้เห็นกับตัว จะได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริง”
“ได้ ไปวันนี้เลยไหมล่ะเดี๋ยวเรานัดมา”
“วันหลังก็ได้ ตอนนี้มันเริ่มจะดึกแล้ว คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้ไหมว่าเรากลัวมากแค่ไหน” กล่าวพร้อมกับน้ำตาซึมออกมา ทั้งดีใจและโล่งใจเป็นที่สุด เหมือนหลายชั่วโมงที่ผ่านมามันคือฝันร้ายเสียอย่างนั้น
“ไม่เอาไม่ร้องนะครับคนดีของธนา เราจะไม่ทำให้โต้ต้องเสียน้ำตาอีกเด็ดขาด” คนพูดใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างรู้สึกรักมากที่สุด ก่อนดึงร่างเข้ามาสวมกอดไว้อย่างแนบแน่น เมื่อได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นโตโต้ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น
“สัญญาแล้วนะ ฮือ ๆ”
“สัญญาครับผม”
ทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนโตโต้เริ่มหยุดร้องไห้แล้ว รู้สึกดีมากเหลือเกินที่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้กับคนที่รัก ได้รับไออุ่นที่ทำให้ชีวิตมีพลังและไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป
ผละตัวออกมาแล้วก็ประสานสายตาจ้องมองกันด้วยความรู้สึกดี ๆ รอยยิ้มหวานฉายขึ้นมาประดับใบหน้าทั้งสอง
“เรามาฟังคำตอบของโต้ ถ้าวันนี้คำตอบไม่ถูกใจเรารับรองว่าโต้จะต้องโดนแน่ ๆ”
“โดนอะไรเหรอ” เจ้าตัวทำสีหน้ายียวน
“ก็โดนทำร้ายร่างกายน่ะสิ จะทำให้ร้องไม่หยุดเลย”
“งั้น...เราคงต้องให้คำตอบที่ไม่ถูกใจธนาแล้วล่ะ”
“ไม่เอา ๆ เราแค่พูดเล่น เราอยากได้คำตอบที่ออกมาจากใจโต้นะ”
“ถ้างั้น...เราจะแต่งงานกับธนานะ”
“เย้! ในที่สุดฝันของเราก็เป็นจริงแล้ว เข้าบ้านกันเถอะเรามีรางวัลให้”
“เฮ้ย เบา ๆ สิธนา”
ด้วยความดีใจทำให้ธนาอุ้มตัวขึ้นในทันทีทันใด รีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งสุข มีงานเฉลิมฉลองเล็ก ๆ เกิดขึ้นภายในห้องนอนสีหวานของโตโต้ตลอดทั้งคืน ดูดดื่มกับบรรยากาศอันแสนหวานชื่นกันเพียงสองคน