เวียดนาม14:เรื่องระทึกที่ดานัง
เส้นทางระหว่างทางระหว่างเมืองเว้ถึงเมืองดานังเป็นระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดที่เห็นมาในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ออกจากเมืองเว้ที่วิวสองข้างทางค่อยๆเปลี่ยนจากบ้านเรือนชาวบ้านเป็นผืนนาสีเขียวเข้มเหมือนพรมผืนใหญ่ แทรกด้วยทางรถไฟเป็นช่วงๆ แล้วก็ค่อยๆขึ้นภูเขาสูงชันหลายโค้ง ภาพท้องทะเลไกลลิบค่อยๆสะท้อนแสงระยิบเชื่อมต่อกับขอบฟ้า ผืนน้ำทะเลที่เห็นเป็นสีฟ้าครามต่างกับสีของทะเลฮาลองมาก
บางช่วงเห็นหาดทรายขาวเนียนเลียบทะเลเป็นแนวยาว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราต้องผ่านอุโมงค์เจาะผ่านภูเขา ชวนให้นึกถึงความรู้สึกตื่นเต้นตอนเป็นเด็กทุกครั้ง ยามนั่งรถไฟรอดอุโมงค์ขุนตาน จ.ลำปาง แต่อุโมงค์ที่นี่ติดไฟเว้นช่วงห่างสม่ำเสมอกัน สว่างไปทั้งอุโมงค์ ไม่นานเราก็ค่อยๆไต่ระดับลงจากภูเขาสูง จนได้ยลโฉมชายหาดและหมู่บ้านชาวประมงข้างถนน ภาพชุมชนเกษตรกรรมที่พบเห็นจากเมืองเว้เปลี่ยนเป็นชุมชนชาวประมง อากาศเย็นสบายที่ได้สัมผัสตลอดเวลาที่อยู่เมืองเว้ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นร้อนอบอ้าวพร้อมแดดจัด
เมืองดานังปรากฏโฉมด้วยรูปลักษณ์ของเมืองใหม่ มีอาคารสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และทันสมัยต่างกับเมืองเว้อย่างลิบลับ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหาน (Han River) เมืองนี้เติบโตขึ้นมาจากหมู่บ้านชาวประมงจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นเมืองยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ต่อมาเมืองท่าดานังถูกสร้างขึ้นมาในฐานะเมืองท่าและศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดในเขตภาคกลางของเวียดนาม ปัจจุบันเมืองดานังกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีตึกรามบ้านช่อง โรงแรมร้านอาหารสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพราะจากการที่เป็นเมืองท่ามีทำเลที่ตั้งสะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง รถแล่นผ่านถนนเลียบชายฝั่งย่านท่องเที่ยว
ตามสายตาฉันแล้ว บริเวณเลียบชายฝั่งนี้ไม่ต่างไปจากพัทยาของเรามากนัก ความอบอ้าวและแสงแดดทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วรถก็หยุดที่สถานีรถโดยสารประจำเมืองในที่สุด แออัดและจอแจพอควรด้วยรถโดยสารและผู้คน ทั้งที่มาใช้บริการและในฐานะแม่ค้าพ่อค้าขายของ รวมถึงเหล่าพี่มอเตอร์ไบค์ที่มีแทบทุกที่ในเวียดนาม เดินลงรถรับความร้อนอบอ้าวพร้อมกับคิดว่าต้องทำอะไรต่อไป ยังไม่ทันคิดออก พี่มอเตอร์ไบค์สองคนตรงเข้ามาประชิดตัวฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว พยายามพูดจาหว่านล้อมให้ฉันใช้บริการ ทันใดนั้น รถเมล์ปราศจากผู้โดยสารคันใหม่ก็เข้ามาเทียบจอดข้างๆ ทำให้มุมเจรจาหว่านล้อมที่มีฉันเป็นเป้าหมายหลักกลายเป็นมุมอับไป รู้สึกว่าพี่เค้าเข้ามาประชิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆและเริ่มสัมผัสแขนฉันแน่น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำงานทันที!...รีบสะบัดแขนและวิ่งออกจากมุมอับนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ตกใจมาก!
รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอาคารขายตั๋วโดยสาร...ฉันเหวี่ยงเป้ลงพื้นและทิ้งตัวนั่งลงอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พยายามบอกตัวเองให้ตั้งสติดีๆ แล้วคิดว่าจะทำอะไรต่อไป ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว แสงแดดแรงจัด ความวุ่นวาย และเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ทั้งรู้สึกหวาดกลัวและหงุดหงิด “ทำไงต่อดี?”... “เดี๋ยวนั่งพักก่อน” ถามและตอบตัวเองด้วยคำถามและคำตอบเดิมวนเวียนอย่างนี้มา 5 รอบแล้ว... ก็ยังคงหาคำตอบที่ดีกว่านี้ไม่ได้..พอ! เลิกถาม! หันมาคุยกับตัวเองดีกว่า... “ฉันค่อนข้างจะโชคดีและเจอสิ่งดีๆมาเกือบตลอด ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ ถ้าจะโชคร้ายเจอสิ่งไม่ดีบ้าง ใครจะโชคดีได้ตลอดเวลาล่ะ? จริงซิ...มองในแง่ดีดีกว่า อย่างน้อยเราก็ยังรักษาตัวรอดปลอดภัยมาได้นี่นา น่าจะดีใจมากกว่า แล้วจะมานั่งจิตตกให้เสียขวัญอะไรนักหนาล่ะเนี่ย...” นึกตำหนิตัวเอง
สงสัยดวงจะไม่ถูกกับเมืองดานังเท่าไหร่ เจอดีตั้งแต่ยังไม่ทันเหยียบเมืองเต็มเท้าเลย อีกอย่าง เท่าที่เห็นสภาพของเมืองนี้แล้ว เมืองใหม่ทันสมัย หนาแน่นไปด้วยกิจกรรมการค้าแบบนี้ ดึงดูดความสนใจของฉันไม่ได้มากนัก ทะเลก็เพิ่งไปนั่งแช่บนเรือมาตั้งสองวันที่อ่าวฮาลอง... ตัดสินใจเดินไปถามตั๋วรถไปเมืองฮอยอันที่อยู่ห่างไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตรต่อ สรุปว่าสำหรับเมืองดานัง ได้แค่นั่งรถผ่านชมเมืองเท่านั้น
รู้สึกปลอดภัยขึ้นมามาก เมื่อได้ที่นั่งนั่งรอรถไปเมืองฮอยอัน หวังว่าเมื่อถึงเมืองฮอยอันแล้วน่าจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้มาก แล้วรถก็ค่อยๆแล่นออกจากสถานีรถโดยสารแห่งนี้ไป ข้ามสะพานใหญ่ Nguyen Van Troi Bridge ข้ามแม่น้ำหาน (Han River) ลมทะเลจีนใต้ (South China Sea) โชยผ่านพร้อมไอร้อนเข้ามาปะทะถึงในรถ ทิ้งเมืองดานังไว้ด้านหลังห่างออกไปเรื่อยๆ บ้านเรือนสองข้างทางค่อยๆปรากฏลักษณะของชาวชนบทท้องถิ่นมากขึ้นแทนที่อาคารตึกแถวสมัยใหม่หลายชั้นสภาพค่อนข้างใหม่ในเมืองดานัง
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่สถานีรถโดยสาร ความจริงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก เพราะฉันเองก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ หาเหตุผลในทางที่ดีบอกตัวเองว่า ฉันเองอาจยังไม่ทันระวังเนื้อระวังตัวหรือตั้งหลักดีพอ พี่ๆมอเตอร์ไบค์เค้าอาจแค่ต้องการลูกค้าอย่างรุนแรง จนลืมนึกถึงการให้ความเคารพและให้เกียรติกับสุภาพสตรีชาวต่างชาติไปเสียสนิท คิดมาถึงตรงนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ... แต่ที่แน่ๆ ต่อไปนี้ ห้ามปล่อยให้ตัวเองหลงเข้าไปอยู่ในมุมอับใดๆในโลกเด็ดขาด!
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/