หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พื้นฐานสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ ก่อนเข้าสู่วงการคริปโตเคอร์เรนซี

โพสท์โดย buay1975

พื้นฐานสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ ก่อนเข้าสู่วงการคริปโตเคอร์เรนซี

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

ในปัจจุบัน คริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากสนใจที่จะลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี มือใหม่ควรศึกษาพื้นฐานที่สำคัญดังต่อไปนี้

 1. เข้าใจความหมายของคริปโตเคอร์เรนซี

คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

คริปโทเคอร์เรนซีทำงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Database) หมายความว่า ข้อมูลจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์หลายเครื่องบนเครือข่าย ทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขได้

คริปโทเคอร์เรนซีประเภทแรกและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ บิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเปิดตัวในปี 2009 ต่อมามีการพัฒนาคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น Ethereum, Tether, Binance Coin, Solana, Cardano เป็นต้น

คริปโทเคอร์เรนซีสามารถนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้เช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป แต่ในปัจจุบันยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในวงกว้าง ส่วนใหญ่มักใช้ในการเก็งกำไรหรือการลงทุน

ประโยชน์ของคริปโทเคอร์เรนซี ได้แก่

  • มีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขได้
  • ไม่สามารถถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง
  • สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ

ความเสี่ยงของคริปโทเคอร์เรนซี ได้แก่

  • มีความผันผวนของราคาสูง
  • ยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย
  • มีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูล

สรุปแล้ว คริปโทเคอร์เรนซี คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูล

 2. บล็อกเชน เกี่ยวอะไรกับคริปโตฯ

บล็อกเชน (Blockchain) คือ เทคโนโลยีระบบฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Database) ข้อมูลจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์หลายเครื่องบนเครือข่าย ทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขได้

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

บล็อกเชน เกี่ยวอะไรกับคริปโตฯ ?

บล็อกเชนมีความสำคัญต่อคริปโตเคอร์เรนซีอย่างมาก เพราะทำหน้าที่เป็นพื้นฐานในการบันทึกข้อมูลธุรกรรมของคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้ธุรกรรมของคริปโตเคอร์เรนซีมีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขได้

โดยข้อมูลธุรกรรมของคริปโตเคอร์เรนซีจะถูกบันทึกลงบล็อก (Block) แต่ละบล็อกจะเชื่อมโยงกันด้วยระบบโซ่ (Chain) ทำให้ข้อมูลธุรกรรมไม่สามารถแก้ไขได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนเครือข่าย

นอกจากนี้ บล็อกเชนยังช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีมีความเป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารกลางอีกด้วย เนื่องจากข้อมูลธุรกรรมถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย ไม่ใช่โดยองค์กรกลาง

สรุปแล้ว บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญต่อคริปโตเคอร์เรนซีอย่างมาก เพราะช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีมีความโปร่งใส ไม่สามารถแก้ไขได้ และมีความเป็นอิสระ

3. ความแตกต่างระหว่างคริปโตฯ Coin และ Token

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Coin และ Token โดยทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

Coin

  • Coin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนของตัวเอง เช่น Bitcoin, Ethereum, Tether เป็นต้น
  • Coin มักมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
  • Coin มักมีมูลค่าที่ผันผวนสูง

Token

  • Token เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนอื่น ๆ เช่น Ethereum, Binance Smart Chain เป็นต้น
  • Token มักมีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เช่น ใช้เป็นสิทธิพิเศษในการเข้าถึงบริการ ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อขาย หรือใช้เป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น
  • Token มักมีมูลค่าที่ผันผวนน้อยกว่า Coin

ความแตกต่างที่สำคัญ

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Coin และ Token คือ บล็อกเชนที่ทำงานอยู่ โดย Coin มักมีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง ในขณะที่ Token มักทำงานอยู่บนบล็อกเชนของแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Ethereum

นอกจากนี้ Coin มักมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ในขณะที่ Token มักมีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เช่น ใช้เป็นสิทธิพิเศษในการเข้าถึงบริการ ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อขาย หรือใช้เป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น

ตัวอย่าง Coin

  • Bitcoin (BTC)
  • Ethereum (ETH)
  • Tether (USDT)
  • Binance Coin (BNB)
  • Solana (SOL)
  • Cardano (ADA)

ตัวอย่าง Token

  • Utility Token
    • Binance Coin (BNB)
    • The Sandbox (SAND)
    • Axie Infinity (AXS)
  • Security Token
    • Filecoin (FIL)
    • The Graph (GRT)
    • Uniswap (UNI)
  • Asset-backed Token
    • Tether (USDT)
    • USD Coin (USDC)
    • Binance USD (BUSD)

สรุปแล้ว Coin และ Token เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านของบล็อกเชนที่ทำงานอยู่ วัตถุประสงค์ และมูลค่า

 4. คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) มีกี่กลุ่ม อะไรบ้าง

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) แบ่งออกได้เป็น 7 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

  • กลุ่มรักษามูลค่า (Store of Value)

กลุ่มนี้เน้นไปที่การรักษามูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมักมีปริมาณจำกัดและไม่มีการพิมพ์เพิ่ม เช่น Bitcoin, Litecoin, Bitcoin Cash เป็นต้น

  • กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract)

กลุ่มนี้เน้นไปที่การใช้งานสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน โดยมักใช้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) เช่น Ethereum, Cardano, Polkadot เป็นต้น

  • กลุ่ม DeFi (Decentralized Finance)

กลุ่มนี้เน้นไปที่การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ซึ่งเป็นระบบการเงินที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน โดยมักใช้สำหรับบริการทางการเงินที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น การกู้ยืมเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตรา การซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น เช่น Uniswap, AAVE, Maker เป็นต้น

  • กลุ่มส่งต่อมูลค่า (Value Transfer)

กลุ่มนี้เน้นไปที่การส่งต่อมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมักมีความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น XRP, Solana, Binance Coin เป็นต้น

  • กลุ่ม Oracle

กลุ่มนี้เน้นไปที่การให้ข้อมูลจากโลกแห่งความเป็นจริงเข้าสู่บล็อกเชน โดยมักใช้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) เช่น Chainlink, Band Protocol, The Graph เป็นต้น

  • กลุ่ม Stablecoin

กลุ่มนี้เน้นไปที่เสถียรภาพของราคา โดยมักอ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือทองคำ เช่น Tether, USD Coin, Binance USD เป็นต้น

  • กลุ่มมีม (Meme)

กลุ่มนี้เน้นไปที่ความนิยมหรือกระแสนิยม โดยมักมีมูลค่าที่ผันผวนสูง เช่น Dogecoin, Shiba Inu, Dogelon Mars เป็นต้น

การเลือกลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละกลุ่มให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากแต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

 5. วิธีสร้างรายได้จาก คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถนำมาสร้างรายได้ได้หลายวิธี ดังนี้

  • การเทรด (Trading) : การซื้อและขายคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยนักเทรดจะต้องศึกษาข้อมูลตลาดและวิเคราะห์แนวโน้มของราคาอย่างละเอียด

     

  • การขุด (Mining) : การใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลเพื่อสร้างบล็อกใหม่ให้กับเครือข่ายบล็อกเชน โดยการได้รับรางวัลเป็นคริปโตเคอร์เรนซีชนิดนั้นๆ การขุดคริปโตเคอร์เรนซีในปัจจุบันต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีสเปคสูงและพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก จึงทำให้ต้นทุนในการขุดค่อนข้างสูง

     

  • การลงทุนระยะยาว (Hodl) : การซื้อคริปโตเคอร์เรนซีมาถือไว้ในระยะยาว โดยเชื่อว่าราคาของคริปโตเคอร์เรนซีจะเพิ่มขึ้นในอนาคต การลงทุนระยะยาวเป็นวิธีสร้างรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าการเทรดหรือการขุด

     

  • Staking : การฝากคริปโตเคอร์เรนซีไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายบล็อกเชน โดยจะได้รับรางวัลเป็นคริปโตเคอร์เรนซีชนิดนั้นๆ เป็นการวิธีสร้างรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าการเทรดหรือการขุด

     

  • Airdrop : การแจกฟรีคริปโตเคอร์เรนซีให้กับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมของโครงการต่างๆ เช่น การลงทะเบียนใช้งาน การให้คะแนน หรือการตอบคำถาม เป็นต้น เป็นการวิธีสร้างรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ไม่ต้องลงทุน แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูง

     

  • Yield Farming : การนำคริปโตเคอร์เรนซีไปฝากไว้ใน Liquidity Pool ของแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม โดยจะได้รับรางวัลเป็นคริปโตเคอร์เรนซีชนิดต่างๆ เป็นการวิธีสร้างรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าการเทรดหรือการขุด

     

วิธีสร้างรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ความรู้และประสบการณ์ในการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี และเงินทุนที่มี

 6. ศัพท์ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่มือใหม่ควรรู้

ศัพท์คริปโตฯ ที่มือใหม่ควรรู้ มีดังนี้

  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

  • บล็อกเชน (Blockchain) คือ เทคโนโลยีระบบฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Database) ข้อมูลจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์หลายเครื่องบนเครือข่าย ทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขได้

  • Coin คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนของตัวเอง เช่น Bitcoin, Ethereum, Tether เป็นต้น

  • Token คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนอื่น ๆ เช่น Ethereum, Binance Smart Chain เป็นต้น

  • Fiat Currency คือ สกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง เช่น เงินบาท ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เป็นต้น

  • All-time high (ATH) คือ ราคาสูงสุดตลอดกาลนับตั้งแต่สินทรัพย์นั้น ๆ เข้าสู่ตลาด

  • All-time low (ATL) คือ ราคาต่ำสุดตลอดกาลนับตั้งแต่สินทรัพย์นั้น ๆ เข้าสู่ตลาด

  • Bull Market คือ สภาวะตลาดขาขึ้นที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

  • Bear Market คือ สภาวะตลาดขาลงที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลง

  • FUD คือ ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่บิดเบือนความจริงที่เผยแพร่ออกไปเพื่อสร้างความตื่นตระหนกในตลาด

  • FOMO คือ ความกลัวที่จะพลาดโอกาสสำคัญในการทำกำไร

  • HODL คือ การลงทุนระยะยาว โดยไม่สนว่าราคาจะขึ้นหรือลง

  • Mining คือ กระบวนการสร้างบล็อกใหม่ให้กับเครือข่ายบล็อกเชน โดยผู้ที่สามารถสร้างบล็อกใหม่สำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นคริปโตเคอร์เรนซีชนิดนั้น ๆ

  • Exchange คือ แพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี

  • Wallet คือ กระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับเก็บคริปโตเคอร์เรนซี

  • DeFi คือ การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ซึ่งเป็นระบบการเงินที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น การกู้ยืมเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตรา การซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น

  • Smart contract คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน โดยมักใช้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp)

ศัพท์คริปโตฯ เหล่านี้เป็นพื้นฐานที่มือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี โดยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและโอกาสก่อนตัดสินใจลงทุน

 

7.ทำความเข้าใจกับภาษี คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้

ในประเทศไทย คริปโตเคอร์เรนซีได้รับการจัดให้เป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่ง ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(4)(ซ) และมาตรา 40(4)(ฌ) หมายความว่า ผู้ที่มีรายได้จากการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ประเภทของภาษีคริปโตฯ

ภาษีคริปโตฯ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย : ภาษีที่หักจากเงินได้ของผู้รับเงินทันที โดยผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักและนำส่งภาษีให้กับกรมสรรพากร

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : ภาษีที่คำนวณจากกำไรสุทธิจากการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีให้กับกรมสรรพากร

อัตราภาษีคริปโตฯ

อัตราภาษีคริปโตฯ เป็นไปตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากคริปโตฯ เพียงอย่างเดียว : เสียภาษีในอัตราคงที่ 15%

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากคริปโตฯ ร่วมกับรายได้จากแหล่งอื่น ๆ : เสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า 5-35%

การคำนวณภาษีคริปโตฯ

การคำนวณภาษีคริปโตฯ เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคำนวณกำไรสุทธิจากการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนทรัพย์สินอื่น ๆ โดยกำไรสุทธิคำนวณได้จากสูตรดังนี้

กำไรสุทธิ = (ราคาขาย - ราคาซื้อ) - ค่าธรรมเนียม

ตัวอย่างการคำนวณภาษีคริปโตฯ

สมมติว่า คุณซื้อบิตคอยน์ (BTC) จำนวน 1 BTC ในราคา 100,000 บาท และขายบิตคอยน์จำนวน 1 BTC ในราคา 200,000 บาท โดยมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย 1,000 บาท กำไรสุทธิจากการซื้อขายบิตคอยน์ของคุณจะคำนวณได้ดังนี้

กำไรสุทธิ = (200,000 - 100,000) - 1,000 = 99,000 บาท

ดังนั้น ภาษีที่ต้องเสียจากการซื้อขายบิตคอยน์ของคุณจะคำนวณได้ดังนี้

ภาษี = 99,000 * 0.15 = 14,850 บาท

การยื่นภาษีคริปโตฯ

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตฯ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป โดยสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านช่องทางออนไลน์หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ตนมีภูมิลำเนา

นอกจากนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตฯ ยังต้องจัดทำบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (แบบ ภ.ง.ด.94) เพื่อแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มี ณ วันที่ 31 ธันวาคมของปีภาษีนั้น ๆ โดยสามารถจัดทำบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินผ่านช่องทางออนไลน์หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ตนมีภูมิลำเนา

บทลงโทษหากไม่เสียภาษีคริปโตฯ

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตฯ แต่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือชำระภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมาตรา 40 ดังนี้

  • เบี้ยปรับ : เสียเบี้ยปรับร้อยละ 1.5 ของภาษีที่ต้องเสีย

  • เงินเพิ่ม : เสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.5 ของภาษีที่ต้องเสีย ตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดชำระจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

นอกจากนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตฯ ที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือชำระภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน อาจถูกดำเนินคดีอาญาตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 และมาตรา 38 อีกด้วย

สรุป

คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่มีรายได้จากการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยอัตราภาษีเป็นไปตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคริปโตฯ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.90/91 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป

ทั้งหมดนี้คือความรู้พื้นฐานที่มือใหม่ควรรู้ก่อนจะเข้าสู่วงการ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ขอให้ทุกท่านโชคดี

โพสท์โดย: buay1975
ข้อมูลในบทความนี้มาจากแหล่งข้อมูลดังนี้

* เว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
* เว็บไซต์ของสื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ข่าว
* เว็บไซต์ของผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี

นอกจากนี้ ยังมีแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่มือใหม่สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ เช่น

* หนังสือและบทความเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี
* หลักสูตรการเรียนรู้คริปโตเคอร์เรนซี
* ชุมชนหรือกลุ่มสนทนาเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี

โดยมือใหม่ควรเลือกแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและเชื่อถือได้ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เป็นความจริงและเป็นประโยชน์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
buay1975's profile


โพสท์โดย: buay1975
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: buay1975
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสียน้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
จริงไหมที่คำว่า ‘Salary’ มาจาก ‘Salt’ เพราะทหารโรมันรับค่าจ้างเป็นเกลือ?อยากโกอินเตอร์? เจาะลึกวิธีหางานต่างประเทศ 2567 แบบถูกกฎหมาย ได้สิทธิเต็มที่ ไม่มีโดนหลอก!ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสียชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต หากถูกประหารด้วยกิโยติน เราจะรู้สึกอย่างไร?
ตั้งกระทู้ใหม่