ทำไมคนไทยสมัยก่อนไม่เอาพระพุทธรูปเข้าบ้าน ไม่ใส่พระเครื่องที่ตัว ?
ทำไมคนไทยสมัยก่อนไม่เอาพระพุทธรูปเข้าบ้าน ไม่ใส่พระเครื่องที่ตัว ?
ผมเป็นคนชอบศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย จึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมคนไทยสมัยก่อนไม่เอาพระพุทธรูปเข้าบ้าน ไม่ใส่พระเครื่องที่ตัว ซึ่งแตกต่างจากในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ที่บ้าน และนิยมใส่พระเครื่องติดตัวเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและคุ้มครองป้องกันภัย
จากการศึกษาพบว่า คนไทยสมัยก่อนมีความเชื่อที่แตกต่างจากปัจจุบัน ดังนี้
- ความเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรประดิษฐานไว้ที่วัดเท่านั้น การเอาพระพุทธรูปเข้าบ้านอาจทำให้พระพุทธรูปเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ได้
- ความเชื่อเรื่องความสะอาด คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่าบ้านเรือนเป็นสถานที่ที่สกปรก ไม่ควรนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาไว้
- ความเชื่อเรื่องกาลเทศะ คนไทยสมัยก่อนมองว่าการบูชาพระพุทธรูปเป็นกิจวัตรที่ควรทำในวัดเท่านั้น การบูชาพระพุทธรูปที่บ้านอาจทำให้เป็นการลบหลู่
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุทางสังคมและวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนี้
- สภาพสังคม ในสมัยก่อนสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ผู้คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบท บ้านเรือนมีขนาดเล็ก ไม่สะดวกในการประดิษฐานพระพุทธรูป
- วัฒนธรรม คนไทยสมัยก่อนนิยมบูชาพระพุทธรูปตามวัดและศาลเจ้ามากกว่าการบูชาที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สาเหตุหลักมาจากการที่พระเครื่องได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนเชื่อว่าพระเครื่องสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ จึงนิยมพกพาติดตัวหรือนำติดบ้านไว้ ส่งผลให้ความเชื่อเรื่องการไม่เอาพระพุทธรูปเข้าบ้านและไม่ใส่พระเครื่องที่ตัวเริ่มเปลี่ยนไป
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อความเชื่อเหล่านี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสังคมและวัฒนธรรมไทย การเข้ามาของศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม รวมไปถึงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ความเชื่อของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับผมแล้ว ความเชื่อเรื่องพระพุทธรูปและพระเครื่องเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของแต่ละคน ผมเคารพในความเชื่อของคนไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และการทำความดีเพื่อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
ที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้เขียนกระทู้นี้มาจากบทความ "ทำไมคนไทยสมัยก่อนไม่เอา “พระพุทธรูป” เข้าบ้าน ไม่ใส่ “พระเครื่อง” ที่ตัว ?" ของ ศรีศักร วัลลิโภดม ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่ใช้ประกอบในการเขียนกระทู้นี้ ดังนี้
* ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อของคนไทยสมัยก่อน ได้จากการศึกษาค้นคว้าจากเอกสารทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย
* ข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่อง ได้จากการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือ เว็บไซต์ และสื่อออนไลน์
ข้อมูลเหล่านี้ได้นำมาเรียบเรียงและนำเสนอในกระทู้นี้ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงสาเหตุที่คนไทยสมัยก่อนไม่เอาพระพุทธรูปเข้าบ้านและไม่ใส่พระเครื่องที่ตัว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของความเชื่อเหล่านี้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?
7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป



