แบตเตอร์รี่ ก้อนแรกของโลก
แบตเตอรี่นั้นเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเก็บไฟฟ้าไว้ และนำออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แบตเตอรี่ยุคก่อนๆ แบ่งใหญ่ๆได้ 2 ประเภทคือ แบตเตอรี่เซลล์แห้ง และ แบตเตอรี่เซลล์เปียก
อาเลสซานโดร โวลตา (Alessandro Volta) ได้รับการยกย่องในฐานะผู้คิดค้นแบตเตอรี่ก้อนแรกของโลก โดยการทดลองที่น่าทึ่ง การทดลองนี้เกิดขึ้นจากการวางแผ่นโลหะต่างชนิดกันเป็นชั้นๆ และใช้ผ้าชุบน้ำกรดหรือน้ำเกลือคั่นอยู่ตรงกลาง ผลลัพธ์คือได้รับกระแสไฟฟ้า จากรายงานการวิจัยของโวลตาพบว่า ถ้าแผ่นโลหะซ้อนกันมากขึ้น ปริมาณของกระแสไฟฟ้าก็เพิ่มมากขึ้น นี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ แบตเตอรี่เซลล์เปียก
ในอดีตแบตเตอรี่เซลล์เปียกได้ถูกตั้งชื่อตามคุณสมบัติของมันเอง กล่าวคือมันมีส่วนประกอบของของเหลวที่ใช้ในกระบวนการสร้างกระแสไฟฟ้าอยู่ภายใน และเนื่องจากลักษณะนี้ทำให้แบตเตอรี่เซลล์เปียกไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 แนวความคิดใหม่เกิดขึ้น เมื่อมีการประดิษฐ์แบตเตอรี่เซลล์แห้งขึ้น โดยทำการใช้วัสดุที่แข็งแรงแทนส่วนประกอบของของเหลวภายในเซลล์ เริ่มเป็นที่เรียบร้อย บางทีอาจเรียกว่านี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในโลกของแบตเตอรี่ การนำเข้านวัตกรรมนี้ทำให้แบตเตอรี่เซลล์แห้งกลายเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สะดวกและใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วไหลของของเหลว และสามารถพกพาไปได้ทุกที่โดยไม่มีข้อจำกัด
ในปัจจุบัน แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในชีวิตประจำวันของเรา สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆแบตเตอรี่ชนิดที่ไม่สามารถประจุไฟฟ้าใหม่ได้ และแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วทิ้ง เหตุผลที่ทำให้ต้องทิ้งแบตเตอรี่นี้คือเมื่อมีการใช้งานแล้วจะทำให้สารเคมีภายในแบตเตอรี่นั้นเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า และเมื่อไฟฟ้าถูกใช้งานหมดแล้วก็หมดไปกับแบตเตอรี่นั้นด้วย ประโยชน์ของแบตเตอรี่นี้เหมาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้สะดวก และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าน้อย
แบบที่สองคือ แบตเตอรี่ชนิดประจุไฟฟ้าใหม่ได้ เป็นแบบเตอรี่ที่สามารถประจุไฟฟ้าใหม่ลงไปได้ เนื่องจากสารเคมีภายในที่นำมาทำแบตเตอรี่นั้นสามาถทำให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมได้โดยการอัดไฟฟฟ้ากลับเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ หรือที่เรียกว่า รีชาร์จ ทำให้นำแบตเตอรี่นี้กลับมาใช้ใหม่ได้จนกว่าสารเคมีภายในจะเสื่อมสภาพไปจนไม่สามารถกลับมาเก็บประจุได้