เป็นของพี่เถอะน้อง
ในช่วงเปิดเทอมพี่ๆที่มหาวิทยาลัย จะมีจัดงานรับน้องของแต่ละคณะ แต่ละคณะจัดงานได้ยิ่งใหญ่ บ้างคณะก็รับน้องโหดมาก แต่ละคณะก็จัดงานไปตามปกติแต่มีอยู่คณะหนึ่งที่เริ่มรับน้องแล้วและรับโหดมาก เป็นคณะที่เรียกว่ารับน้องโหดต้องมีความอดทนนั้นคือคณะวิศวะ ในจุดมุ่งหมายของพี่ๆคืออยากให้น้องรักกันและอยู่ด้วยกันแบบไม่ทะเลาะ อยู่ด้วยความรักและสามัคคี และพี่ว้ากบ้างคนก็ใจดีนะแต่โหดไปบ้าง แต่ที่โหดที่สุดเลยก็น่าจะเป็นพี่วาธี พี่วาทีเป็นคนเรียนเก่งและฉลาดเอามากๆแถมหล่ออีกต่างหากสาวๆคนไหนเห็นก็ต้องติดตึมขนาดผู้ชายด้วยกันยังหลงในความหล่อของพี่วาธีเลย ท่าวความกันมาเยอะแล้วเรามาเขาเรื่องกันเลยเถอะ
สวัสดีฉันชื่อว่า หลิว ตอนนี้อายุ 20 ปีแล้วตอนนี้มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยคุณลองเดาสิว่าหลิวเรียนต่อคณะ………..ใช่แล้วหลิวเรียนต่อคณะวิศวะหลิวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาเรียนต่อที่วิศวะกัน เพราะเรียนตามเพื่อนมั้งเพื่อนหลิวอยากเรียนวิศวะมากแล้วมาช่วนหลิวให้เรียนเป็นเพื่อน แรกๆหลิวก็ไม่ยอมหรอกทำไปทำมายังเพื่อนบ้านี้ดันกรอกชื่อหลิวลงเรียนวิศวะซะแล้วเลยต้องจำใจมา หลิวเป็นคนพูดไม่เก่งเข้าสังคมไม่ค่อยเป็น แต่ถ้าสนิทจริงๆหลิวจะคุยไม่หยุด และแล้วก็มาถึงวันรับน้องซึ่งหลิวไม่อยากมาเพราะกลัวพวกพี่ว้ากและไม่ชอบคนเยอะ
เพื่อนหลิวชื่อเม
เม : จึงได้พูดมาเถอะนาเดี๋ยวไม่ผ่านกิจกรรมเอานะ
หลิว : ก็ฉันไม่ได้อยากเรียนคณะนี้นิ เธอลากฉันมาเองนะ
เม : ก็นี้นะงอแงเป็นเด็กๆเลย
หลิว : ก็ฉันไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆนิ
เม : อดทนหน่อยนะแก
หลิว : ก็ได้
หลังที่สองคนนั้นพูดกันไปหลิวที่มัวแต่คุยกับเมก็ได้ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งหลิวจึงได้ขอโทษเขาและลืมเดินไปจนลืมว่าทำแหวนตกไว้ และแหวนที่ทำตกไว้ได้สลักชื่อของเธอ ซึงคนที่เธอชนไม่ใช่คนไหนไกลคือพี่วาธีพี่ว้ากที่โหดที่สุดในรุ่นหลังจากนั้นพวกพี่ๆก็ให้น้องใหม่เข้าแถวและให้แขวนป้ายชื่อที่มีชื่อตัวเองอยู่พอหลิวหยิบป้ายชื่อก็พึ่งสังเกตได้ว่าแหวนของเธอหายไป
(หายไปไหนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไงดี) หลิวคิดอยู่ในใจได้ไม่นาน พี่วาธีก็เดินเข้ามาตะคอกใส่ น้องครับคนอื่นเขารอเนี้ยทำไมช้าจังวะจำชื่อตัวเองไม่ได้รึไงทำไมถึงได้ช้าแบบนี้ หลิวที่ได้ยินรุ่นพี่ตะคอกก็ตัวสั้นพี่วาธีเห็นก็ช็อคไปเลยว่าที่ตะคอกไปไม่น่าจะทำให้น้องกลัวขนาดนี้ เมที่เห็นท่าหลิวไม่ดีจึงเดินเข้ามาขอโทษแทนหลิวละลากหลิวออกไป ประจวบกับทีวาธีเห็นป้ายชื่อของหลิวเลยนึกได้ว่าชื่อเหมือนกับที่สลักเอาไว้ที่แหวน วาธีเลยคิดว่าเดี๋ยวค่อยคืนละกันค่อยคืนตอนรับน้องพูดงั้นวาธีเลยเดินไปที่ลานที่ไว้ใช่ทำกิจกรรม การรับน้องได้เข้มข้นขึ้น ทั้งเดินทั้งวิ่งระยะไกลทำเอาหลายๆไม่ไหว แต่พวกพี่ว้ากก็ยังจะตะโกนให้วิ่งอีก พวกเราก็ต้องวิ่งจนบ้างคนก็เป็นลมไป หนึ่งในคนที่เป็นลมก็มีหลิวกับเมด้วย การวิ่งในครั้งนี้ทำเอาพวกเธอเข็ดกับการรับน้องเลยคิกกันว่าการรับน้องโหดแบบนี้ให้มันจบแค่รุ่นเธอก็พอแล้วเธอไม่อยากให้รุ่นน้องต้องมาเป็นแบบพวกเธอทั้งโดนดุโดนว่าแบบนี้ ฮือออ เมและหลิวคุยกัน
หลิว : ฉันยังระปวดขาอยู่เลยเม
เม : ฉันก็เหมือนกัน เหนื่อยจะแย่แล้วแก
หลิว : แกอยากมาเรียนคณะนี้เองนะเม
เม : ฉันก็แค่เข้ามาเพราะผู้ชายคณะนี้หล่อเองไม่นึกว่ามันจะเหนื่อยแบบนี้
สองคนพูดกันไปสักพักก็มีคนมาแอบฟังคือ พี่วาธีที่มาแอบฟังได้สักพักแล้วก็ได้แอบยิ้ม เขาได้ขึกอยู่ในใจว่าทำไมเขาถึงยิ้มเขานึกอยู่ไม่นาน เพื่อนพี่วาธีก็มาเรียกพี่วาธีสะแล้ว
กาย : ไอ้วาธีมึงทำอะไรอยู่วะ
วาธี : มึงเงียบๆหน่อยเดี๋ยวน้อวเขารู้
กาย : น้องไหน มึงแอบฟังน้องคุยกันหรอ
วาธี : มึงเงียบๆดิ๊ เดี๋ยวน้องเขารู้
กาย : อ้าวนั้นน้องหลิวนิ
วาธี : มึงรู้จักน้องเขาหรอวะ
กาย : รู้จักดิ น้องแถวบ้านกู กูสนิทกับน้องเขา
วาธี : อ่ออ
กาย : ชอบน้องเขาหรือชอบเพื่อนน้องเขา
วาธี : ก็ไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นและ
กาย : เออให้จริงเถอะ
สองคนนั้นได้เดินพาไป วาธีก็คิดอยู่ในใจว่าเขาลืมอะไรไปรึป่าว ที่จริงแหวนของหลิวยังอยู่ที่วาธีอยู่แต่วาธีลืมคืนให้เธอ
หลิวและเมเป็นคนที่สวยมากทำให้ผู้ชายหลายคนเข้าหา แต่หลิวไม่สนใจเพราะเธอไม่อยากมาปวดหัวกับเรื่องความรัก เธออยากตั้งใจกับการเรียนมากกว่า แต่เธอยังไม่วายที่จะหาแหวนของเธอ แหวนนั้นเธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอทำให้เธออยากได้มันคืนมา เธอในมันตลอด