ข้อดีและข้อเสียเงินดิจิทัล10,000บาท
กรณี “พรรคเพื่อไทย” ประกาศว่า พร้อมลุยแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตามนโยบาย Digital Wallet หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล อย่างเต็มรูปแบบ ให้กับคนไทย หลังขึ้นเป็นรัฐบาลสำเร็จแล้ว เพื่อใช้ กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ และนำไทยเปิดประตูสู่สังคมดิจิทัล เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 3 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดจะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. ปี 2567 เป็นต้นไป
เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ไม่ใช่คริปโต แต่เป็นเหรียญหรือคูปอง
โดยวิธีการเบื้องต้น จะแจกเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินประชาชนตามเลขที่ลงทะเบียนไว้ คาดมีคนไทยอย่างต่ำ 50 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ นับรวมเป็นเงินราวๆ 5 แสนล้านบาท ที่ใช้ในการดำเนิน นโยบาย เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย”
พรรคเพื่อไทย ยังตอบคำถามสังคมที่ว่า : สร้างประโยชน์ได้จริงไหม?
ระยะสั้น : เพิ่มเงินในระบบ 6 เท่าตัว (ราว 3 ล้านล้านบาท)
ระยะกลาง : วางมาตรการและเงื่อนไขให้รัฐเก็บภาษีคืนได้
ระยะยาว : วางโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยลั่นว่า นโยบายของเพื่อไทยต่างๆ จะพาคนไทยพ้นหลุมดำ ความยากจน ขณะ “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต” จะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้ง และหากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จจะเริ่มดำเนินการให้ทันภายในวันที่ 1 ม.ค. 2567 อย่างแน่นอน
ข้อควรระวังของนโยบายลักษณะโอนเงินหรือแจกเงิน ก็คือ ข้อจำกัดของโครงสร้างงบประมาณ ค่อนข้างมั่นใจว่า หากเดินหน้าทำตามนโยบายทันที ต้องก่อหนี้สาธารณะเพิ่มอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้การขาดดุลงบประมาณปี 2567 เพิ่มทะลุ 1 ล้านล้านบาท หากเศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้า ไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาสนับสนุนได้มากพอและต้องก่อหนี้อาจเกิดความเสี่ยงทางการคลังได้"
“นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นมาตรการที่ใช้เม็ดเงินงบประมาณสูงกว่า 5 แสนล้านบาท มาตรการนี้ประสบความสำเร็จโดยมีเงื่อนไขว่า อัตราความโน้มเอียงในการบริโภคของครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่ที่ประมาณ 0.7 และ ตัวทวีคูณทางการคลังอยู่ที่ 6 เท่า ก็จะทำให้มูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 5,000 บาท) และ เพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 10,000 บาท) ถึงจะทำให้การตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพที่ระดับ 5-6% มีความเป็นไปได้”