ณ ที่นั่น 0.00 น.
ผมเดินเอามือซุกในกระเป๋ากางเกงยีน ถนนสายเล็ก ๆ ที่ผมต้องเดินเข้าไปที่ห้องเช่าท้ายซอย เวลานี้ไม่มีใครเดินกันแล้ว ผมเดินเดี่ยวไม่มีสาวที่ไหนจะมาเอี่ยวด้วยพอเวลาคนเราตกอับ เรื่องเลวร้ายมักถาถมเข้าใส่อย่างไม่รอให้คนเจ็บต้องตั้งตัว
โดนเพื่อนโกงเงินไปเกือบหมื่น แถมเขียนหนังสือไม่ได้เงินอีก เงินจะกินยังไม่มี จะหาอะไรมาย้อมหัวให้เมามายยังไม่มีปัญญาจะหาเลย แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่เป็นตับแข็งตายก่อนที่ความรักใหม่จะผลิบานในหัวใจที่เวลานี้ผมพยายามเก็บเศษที่กระจัดกระจายมารวมกันใหม่ ให้เข้มแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ความเหงาที่ทั้งเศร้าร้ายและทำให้คนหล่ออย่างผมหน้าซึมนั่น มันยังไม่มีทางออกจากตัวผม และจากดวงตาของผม อยากเด็ดใบไม้มาเป่าเป็นเพลง แต่สายลมเที่ยงคืนเด็ดใบทิ้งก่อนที่ผมจะเอื้อมมือออกไป
ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาจากด้านหลัง เป็นเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ผมมองตามเสียงนั่น เห็นผู้หญิงผมยาวสยาย ใส่ชุดสีขาวทั้งชุด ผมมองไปทางอื่นๆ แต่ไม่มีใครแล้ว เธอเดินเลยผมไปอย่างไม่สนใจ แต่สายตาเธอเหลือบมองผิดทางผมนิดหนึ่งแต่ก็เดินตามทางของเธอต่อไป
แวบหนึ่ง...ผมคิดว่าเธอไม่ใช่...
แต่ช่างเถอะ ทางเปลี่ยว ๆ แบบนี้ มีคนเดินทางเดียวกันด้วยล่ะ มันก็ดีแล้ว
“คุณจะไปทางไหนครับ” ผมถามอย่างสุภาพ เธอหันมามองผมตรงๆ สายลมพัดเส้นผมที่เคลียแก้มของเธอทำให้ผมมองเห็นใบหน้าเธอชัด เวลาที่เธอยิ้มความรู้สึกอ้างว้างในใจมันหายไปหมด
“กลับบ้านค่ะ อยู่ท้ายซอย”
“ทางเดียวกันเลยนะครับ” ผมยิ้มกว้างรู้สึกอุ่นใจ
“กลับด้วยกันมั้ยคะ”
“ดีครับ ดีที่สุดเลย” เธอหัวเราะ ผมเลยเดินเข้าไปเคียงคู่
“ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วง ไม่ใช่จะลวนลามเธอเลย
“ไม่มีคนมารับค่ะ แย่เลย” เธอหัวเราะเบา ๆ
“โชคดีที่เจอคุณ”
“ผม” ผมชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆ
“ค่ะ...เอมจำหน้าคุณได้ คุณเดินผ่านบ้านเอมทุกวัน แล้ววันนี้ไม่มีผู้หญิงที่สวยๆ คนนั้นมาด้วยเหรอค่ะ”
“หลังไหนฮะ” เอ...ผมลืมได้ไง บ้านใครลูกสาวสวยอย่างนี้...แต่ไม่ตอบคำถามเธอ
“หลังนั้นไงค่ะ”
เธอชี้ไปที่บ้านหลังที่กำลังจะเดินถึง ผมได้กลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ลอยมากับสายลมที่พัดผ่าน ไม่นานผมมาถึงหน้าบ้านไม้หลังสวยที่ผมเดินผ่านบ่อยๆ จำได้ล่ะ...ผมเคยแอบนั่งหลับที่หน้าบ้านหลังนี้ในคืนที่ผมเมาอย่างหนักเดินกลับไม่ไหว
“ส่งแค่นี้นะครับ” ผมเตรียมหันหลังกลับ แต่เธอเรียกผมไว้ก่อน
“คุณรู้จักชื่อผมด้วยเหรอ” ผมถามยิ้มๆ ไม่ได้โกรธเธอหรอก
“คุณเดินผ่านทุกวันนี่...เอ่อพรุ่งนี้มาทานข้าวเช้าที่นี้ก็ได้นะค่ะ” เธอยิ้มหวาน
“ครับ...”
ผมหันหลังกลับแล้ว แต่ก็ไม่วายเดินหันหลังมามองเธอ โบกมือส่งเธอแล้วก็ดูเธอหัวเราะแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ในเช้าวันถัดมาผมลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว รีบแต่งหล่อออกไปตามนัดของสาวน้อยผมยาวคนเมื่อคืน
ผมยืนลังเลอยู่หน้าบ้าน จนเมื่อเห็นเธอคนนั้นเดินออกมารดน้ำต้นไม้ ผมจึงกล้าเข้าไปทักทาย และเธอยังคงมีรอยยิ้มละมุนเสมอทำให้ผมรู้สึกว่าเมื่อคืนไม่ได้ฝันไป
“ป้าจ๊ะ เตรียมอาหารเช้าด้วย”
เธอร้องบอกคนในบ้านที่เป็นหญิงวัยกลางคน ผมเดินตามร่างบางราวกับก้านดอกไม้ไหวเข้าไปในบ้าน เธอให้นั่งรออยู่ที่นอกชานใต้ต้นไม้ใหญ่
“ไม่รู้ว่าทานเผ็ดได้หรือเปล่านะค่ะ”
เธอเอ่ยถามเมื่อคุณป้า แม่บ้านของเธอยกถาดอาหารมาวางบนโต๊ะ ผมจะช่วย แต่ชามแก้วแบบนั้น ผมไม่กล้าจับแรงมากนัก เลยทำให้ผมดูเกร็งๆ จนเธอหัวเราะออกมา
“ทานเยอะๆ นะค่ะคุณ...”
“ฉายครับ” ผมตอบคุณป้าที่เป็นแม่บ้านของเธอ
“ค่ะคุณฉาย”
“เรียกแค่ฉายก็พอแล้วครับ ไม่ต้องมีคุณหรอก” ผมบอกอย่างเกรงใจ เธอยิ้มหันไปพยักหน้ากับคุณป้าของเธอ แล้วก็เหลือแค่เราสองคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน
“ทำไมถึงเลี้ยงข้าวผมละครับ” ผมถามตรง ๆ เธอยิ้มแล้วเลื่อนถาดผลไม้ให้ผม
“ก็ใคร ๆ ชอบบอกว่าพวกศิลปินไส้แห้ง แล้วท่าทางคุณจะแห้งมากซะด้วย”
แน่ะ...เธอว่าผมล่ะ แต่น่ารักจริงๆ
“อยากได้คนวาดรูปเหมือนค่ะ”
“เลือกผมเหรอ” ผมชี้นิ้วที่อกตัวเอง แต่ปลื้มอยู่ในใจลึกๆ
“ได้ไหมค่ะ มีค่าแรงด้วยนะ”
“ตกลงครับ...ผมจะมาทุกเย็นล่ะกัน” ผมเสนอ เพราะช่วงเช้าต้องไปเรียน
“ค่ะ”
ผมเลยกลายเป็นแขกประจำของบ้านเธอ มีข้าวเย็นให้ด้วย ส่วนใหญ่จะอู้งานมากว่า...จะได้นั่งคุยกับผู้หญิงผมยาวนัยน์ตาโศกคนนี้นานๆ
บ่อยครั้งที่ผมแอบเห็นท่าทางเหนื่อยง่าย หน้าซีดบ่อย ๆ ผมห่วงเธอ บ้านของเธอมีแค่เธอกับป้าที่เป็นแม่บ้าน ผมไม่กล้าถามอะไรมาก พยายามหาเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้เธอฟังเสมอ เป็นอย่างนี้รวมเดือน จนภาพเขียนผมเสร็จ
ผมเดินถือรูปแผ่นใหญ่ที่เพิ่งใส่กรอบเสร็จ แต่ยังไม่ให้เธอหรอกน่ะ ผมจะเอานอนดูเธอเอ๊ย...หมายถึงรูปเธอสักคืนก่อนที่จะห่อกระดาษสีสวยที่ซื้อมาแล้วอยู่ที่ห้อง แล้วค่อยให้เธอในตอนเช้า.............
“เพิ่งกลับเหรอค่ะ”
“ครับ” ผมตกใจ อยากซ่อนรูปไว้ ถึงจะมีกระดาษสีน้ำตาลยับ ๆ ห่ออยู่ ผมก็หาที่ซ่อนไมได้ ได้แต่ยิ้ม
“อะไรค่ะ”
“รูปที่ต้องส่ง’จารย์ครับ” ผมโกหกและรอเธอเดินมาใกล้ ๆ แล้วเราก็เดินคู่กันเดินตรงไปตามทางที่เราต้องไป
“ถ้าเอมไม่อยู่แล้ว...คุณฉายจะคิดถึงเอมบ้างไหมค่ะ” เธอถามน้ำเสียงเศร้า
“ทำไมเอมพูดแบบนั้นล่ะครับ” ผมมองใบหน้าหวานของเธอ แต่เธอไม่กล้าสบตากับผมเลย
“ตอบซิคะ”
“แน่นอนครับ ไม่ว่าเอมจะอยู่ที่ไหน เอมจะอยู่ในหัวใจของผมตลอด” ถ้ามือของผมไม่ถือรูปอยู่ ผมจะจับมือเธอมาวางที่อกผม
“ขอบคุณค่ะ อย่างน้อยเอมจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าบ้าง พ่อแม่เอมท่านยังไม่สนใจเอม ท่านสนใจแต่งานของ่าน แต่เอมก็รักท่านนะค่ะ”
“แต่เอมก็ยังมีผม”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอเดินเข้าบ้านไปแล้ว ผมมองดูรู้สึกปลกๆ บ้านยิ่งเงียบอยู่แล้ว แต่วันนี้เงียบงันจนดูน่ากลัว ผมถอนหายใจเบาๆ อยากส่งเธอเข้านอน ให้รู้ว่าเธอหลับฝันดี
………….
ผมตั้งใจจะมาหาเอมในตอนเช้าแต่นึกได้ว่ามีเรียน เลยต้องมาหาในตอนเย็นผมแปลกใจที่ใครต่อใครไม่รู้มาที่บ้านของเอมมากมาย คุณป้าแม่บ้านนั่งร้องไห้ฟูมฟาย ผมเดินเข้ามาหา ท่ามกลางเสียงเศร้าโศก
“คุณป้าครับ”
“คุณฉาย...”
ผมเข้าไปนั่งพับเพียบใกล้ๆ กุมมือเหี่ยวย่นของป้าเบาๆ
“คุณเอมเสียแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ” ผมทวนไม่เชื่อ
“คุณเอมค่ะ เมื่อคืนก่อนคุณเอมเข้าโรงพยาบาลค่ะ แล้วคุณเอมก็...”
“คุณเอมเป็นอะไร...ทำไมต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย” ผมคาดคั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าคล้ายเอม ผมเดาว่าคงเป็นพ่อของเธอ
“เอมเขาเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เด็ก...เอ่อ...โรครูมาติดนะ แล้วมีโรคแทรก...”
สายตาท่านมองท่าทางปวดร้าว แต่ยังคงอ่อนโยน เหมือนกับผมถูกสายตาของเธอมองอยู่
“เธอคงชื่อฉาย ลูกสาวฉันเคยพูดให้ฟังว่าเธอวาดรูปเก่ง”
“ครับ” ผมรู้สึกอึ้งอย่างบอกไม่ถูก แล้วยื่นรูปวาดของเธอส่งให้คุณพ่อ ท่านมองดูแล้วน้ำตาก็รื่นไหล
“คุณเอมเสียตอนไหนครับ” ผมรวบรวมความกล้าถาม
“เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่คืนก่อน มาเสียก็เมื่อวานตอนเช้า แต่พ่อเพิ่งรู้ข่าวมาไม่ทันดูใจ...ลูกสาวคนเดียวพ่อยังไม่มีเวลามาเลย...”
ผมเดินออกจากบ้านหลังนั้นช้า ๆ อากาศค่อนข้างเย็น ผมรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมานึกถึงเรื่องที่เพิ่งเดินกับเธอเมื่อคืน...เมื่อคืน...ที่เธอหมดลมหายใจไปแล้ว...
...พร้อมกับรูปวาดรูปเหมือนของเธอที่ผมทำเสร็จ...แต่ไม่ทันให้เธอได้ดู กับคำสัญญาว่าผมจะคิดถึงเธอ...ผมชักไม่รู้ว่าจะคิดถึงจริงหรือเปล่า...แต่เธอจะอยู่ในหัวใจและความทรงจำของผม...ตลอดเท่าที่ผมจะยังหายใจ
รูปประกอบถูกลิขสิทธิ์จาก canva.com
ให้กำลังใจนักเขียนด้วยการกด ดาว และกด ติดตาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
รูปประกอบถูกลิขสิทธิ์จาก canva.com