หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

หลักการเขียนกลอนเบื้องต้น

เนื้อหาโดย หนามดอกงิ้ว

 

            “บทกลอน” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “บทร้อยกรอง” หรือ “กวีนิพนธ์” หมายถึง การสอดผูกให้ติดกัน ประดิษฐ์คำ แต่งหนังสือดีให้มีความไพเราะ ร้อยและเย็บดอกไม้ให้เป็นรูปต่างๆ ซึ่งร้อยกรองเป็นงานเขียนที่ต้องใช้ความสามารถในการเลือกภาษาแล้วจัดวางตำแหน่งถ้อยคำให้เหมาะสม ประกอบกับการฝึกบ่อยจนเกิดทักษะ ทั้งนี้เนื่องจากการเขียนร้อยกรองนั้นใช้คำได้เท่าที่ฉันทลักษณ์กำหนด ทั้งยังอาจเลยไปถึงการกำหนดคำตามเสียง / รูปวรรณยุกต์ และการกำหนดสัมผัส จึงเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับนักเขียนมือใหม่ แต่ขอบอกไว้ว่า เมื่อลองเขียนคำประพันธ์ชนิดใดก็ตามได้ด้วยตนเองสักบทหนึ่ง จะพบว่าร้อยกรองเป็นเรื่องไม่ยากและงดงามกว่า ให้ความหมายกว้างและลึกซึ้งกว่าการเขียนร้อยแก้วมากมายนัก (อ้างอิงจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525)

ส่วน “ฉันทลักษณ์” คือรูปแบบการบังคับในการแต่งบทร้อยกรอง ซึ่งมีการคิดขึ้นมากมาย โดยอาศัยโครงสร้างของคำและจังหวะในการออกเสียงให้เป็นกลุ่มของคำในรูปแบบที่ต่างกัน ทำให้เกิดเป็นฉันทลักษณ์ที่แตกต่างกัน

 

องค์ประกอบของบทกวี มี 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่

  1. ความรู้สึก สารหรือเรื่องที่ต้องการถ่ายทอด บทกวีที่ดีออกมาจากความรู้สึกของผู้เขียน ความรู้สึกอาจเกิดขึ้นโดยกะทันหันหลังจากไปกระทบบางสิ่งบางอย่าง ก่อเกิดแรงบันดาลใจ อาจรู้สึก เปี่ยมสุข เปี่ยมความหมาย หรือรู้สึกนิ่งลึกดิ่งจมในเหวหุบแห่งความเศร้า ฯลฯ
  2. รูปแบบที่กวีเลือกในการนำเสนอ เช่น กลอน, กาพย์, โคลง, ฉันท์, ร่าย, ลิลิต, กลอนเปล่า, แคนโต้ ฯลฯ

 

ประเภทของคำประพันธ์ ที่อยู่ในตำราฉันทลักษณ์ยังมีอีกมาก จำแนกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ

1.กาพย์ แบ่งเป็น กาพย์ยานี กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ กาพย์ขับไม้

2.กลอน แบ่งเป็น กลอนแปดและกลอนหก ซึ่งจัดเป็นกลอนสุภาพ และยังมีรูปแบบอื่น ๆ ได้อีก คือ ดอกสร้อย สักวา เพลงยาว เสภา นิราศ กลอนบทละคร กลอนเพลงพื้นเมืองและกลอนกลบทต่าง ๆ

3.โคลง แบ่งเป็น โคลงสอง โคลงสาม โคลงสี่ ซึ่งอาจแต่งเป็นโคลงสุภาพหรือโคลงดั้นก็ได้ นอกจากเป็นโคลงธรรมดาแล้ว ยังแต่งเป็นโคลงกระท ู้ และโคลงกลอักษรได้อีกหลายแบบ

3.ฉันท์ แบ่งเป็นหลายชนิดเ ช่น วิชชุมมาลาฉันท์ มาณวกฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์ ภุชงค์ประยาตฉันท์ อีทิสังฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ สาลินีฉันท์ ฯลฯ ล้วนแต่มี ชื่อไพเราะ ๆ ทั้งนั้น

4.ร่าย แบ่งเป็นร่ายสั้นและร่ายยาว ร่ายสั้นนั้นมีทั้งร่ายสุภาพและร่ายดั้น

 

กลอนที่นิยมเขียนกันมากได้แก่ “กลอนสุภาพ” หรือ “กลอนแปด” ซึ่งกลอนแปดนี้ปรากฎมากในผลงานของ “สุนทรภู่”

ประเภทของกลอนนั้นจำแนกตามวัตถุประสงค์ในการใช้ได้ 2 ประเภท คือ

1.กลอนอ่าน เป็นกลอนที่ผู้แต่งมีความมุ่งหมายเพื่อความเพลิดเพลิน แบ่งเป็น 8 ชนิด ได้แก่

กลอนนิราศ

กลอนเพลงยาว

กลอนนิทาน

กลอนสี่

กลอนหก

กลอนเจ็ด

กลอนแปด

กลอนเก้า

2.กลอนร้อง เป็นกลอนที่แต่งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายสำหรับการขับร้องโต้ตอบกัน การขับลำนำเพื่อความไพเราะ การขับร้องเพื่อประกอบการแสดงเพื่อความบันเทิง แบ่งเป็น 5 ชนิด ได้แก่

กลอนดอกสร้อย ขึ้นต้นด้วย “เอ๋ย” จบลงด้วย “เอ๋ย”

กลอนสักวา ขึ้นต้นด้วย “สักวา”

กลอนเสภา

กลอนบทละคร

กลอนเพลงชาวบ้าน

 

การบังคับจำนวนคำของบทกลอน กลอนสี่ถึงแปดนั้นมีการบังคำจำนวนคำในหนึ่งวรรคตามแต่ละชนิดของบทกลอนเช่น กลอนสี่ก็บังคำสี่คำในหนึ่งวรรค กลอนแปดก็บังคับแปดคำในหนึ่งวรรค เป็นต้น

ดังนั้นพอสรุปลักษณะบังคับร่วมของกลอนไว้ดังนี้

  1. 1 บทมีทั้งสิ้น 2 บาท
  2. 1 บาทมีทั้งสิ้น 2 วรรค
  3. 1 วรรคมีจำนวนคำตามแต่ละชนิดของบทกลอน

สำหรับกลอนบทละ 4 วรรคนั้น มีชื่อวรรคตามลักษณะการบังคำสัมผัส ดังนี้

วรรคแรก เรียกว่า “วรรคสดับหรือวรรคสลับ” เป็นวรรคขึ้นต้นของบทกลอน ทำหน้าที่ส่งสัมผัสอย่างเดียว

วรรคที่สอง เรียกว่า “วรรครับ” ทำหน้าที่รับสัมผัสจากวรรคสดับกับวรรคส่ง และส่งสัมผัสไปยังวรรครอง

วรรคที่สาม เรียกว่า “วรรครอง” ทำหน้าที่รับสัมผัสจากวรรครับและส่งสัมผัสไปยังวรรคส่ง

วรรคที่สี่ เรียกว่า “วรรคส่ง” ทำหน้าที่รับสัมผัสจากวรรครอง และทำหน้าที่สำคัญในการส่งสัมผัสระหว่างบทไปยังวรรครับของบทต่อไป

ลักษณะบังคับเฉพาะชนิด จำแนกของบทกลอนได้ดังต่อไปนี้

 

กลอนสี่

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 4 ที่เก่าที่สุดพบในมหาชาติคำหลวงกัณฑ์มหาพน (สมัยอยุธยา) แต่ต่อมาไม่ปรากฏในวรรณคดีไทยมากนัก มักแทรกอยู่ตามกลอนบทละครต่าง ๆ คณะกลอน 4 แบบนี้ บทหนึ่งจะประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 4 คำ ตามผัง

 

บาทเอก วรรคสลับ                      0 0 0 0              0 0 0 0                          รับ

บาทโท  วรรครอง                       0 0 0 0              0 0 0 0                          ส่ง

 

ตัวอย่างกลอนสี่

บาทเอก วรรคสลับ          ยามเช้าวันนี้                   ฉันมีความสุข                 รับ

บาทโท  วรรครอง           เพราะใจไร้ทุกข์              ฉันสนุกจริงจริง              ส่ง

เดินไปในสวน                เพื่อนชวนดูลิง

นั่งไม่ไหวติง                  สรรพสิ่งเงียบงันฯ

 

กลอนหก

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 6 พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลายนอกนั้นก็แทรกอยู่ในกลอนบทละคร แต่ที่ใช้แต่ตลอดเรื่องเริ่มมีในสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ กนกนคร ของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) คณะกลอนหก บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 6 คำ ตามผัง

 

บาทเอก วรรคสลับ          0 0 0 0 0 0                     0 0 0 0 0 0         รับ

บาทโท  วรรครอง           0 0 0 0 0 0                     0 0 0 0 0 0         ส่ง

 

ตัวอย่างกลอนหก

บาทเอก วรรคสลับ          กลอนหกหกคำจำกัด                    บัญญัติเพาะเหมาะเหมง               รับ

บาทโท  วรรครอง           สัมผัสฟัดกันบรรเลง                    พึงเพ่งอย่างเพี้ยงเปลี่ยนแปลง       ส่ง

ตรองความให้งามตามบท             กำหนดอย่างได้หน่ายแหนง

ลำนำลำเนาอย่างแคลง                 เพี้ยนแฝงถ้อยคำสำนวนฯ

 

กลอนเจ็ด

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 7 พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลายนอกนั้นก็แทรกอยู่ในกลอนบทละคร ไม่ค่อยมีใครใช้แต่งยาวๆ จนถึงสมัยกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ที่ท่านนำมาใช้ในพระนิพนธ์ ลิลิตสามกรุง คณะกลอนเจ็ด บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 7 คำ ตามผัง

 

บาทเอก วรรคสลับ          0 0 0 0 0 0 0                  0 0 0 0 0 0 0                              รับ

บาทโท  วรรครอง           0 0 0 0 0 0 0                  0 0 0 0 0 0 0                              ส่ง

 

ตัวอย่างกลอนเจ็ด

บาทเอก วรรคสลับ          เสตเตลงเกรงกริ่งนิ่งรำลึก             คัดคึกข่าวทัพดูคับขัน                   รับ

บาทโท  วรรครอง           จักเตรียมค่ายใหญ่ก็ไม่ทัน             จำกั้นกีดขวางหนทางยุทธ์             ส่ง

ตั้งขัดตาทับรับไว้ก่อน                  เพื่อผ่อนเวลาให้ช้าสุด

จวนตัวกลัวว่าศัตราวุธ                  หวิดหวุดหมดหวังในครั้งนี้ฯ

จาก สามกรุง, กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์

 

กลอนแปด

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 8 พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งค้นพบกันว่าจังหวะและลีลาลงตัวที่สุด จึงมีคนแต่งแบบนี้มากที่สุด และผู้ที่ทำให้กลอน 8 รุ่งเรืองที่สุดคือท่าน สุนทรภู่ ที่ได้พัฒนาเพิ่มสัมผัสอย่างเป็นระบบ ซึ่งใกล้เคียงกับกลบทมธุรสวาทีในกลบทศิริวิบุลกิตติ์

กลอนแปด นั้นถือว่าเป็นขนบกวีนิพนธ์พื้นฐานที่นิยมที่สุดในไทย เหตุเพราะมีฉันทลักษณ์ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน สามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย และคนทั่วไปสามารถเข้าถึงเนื้อความได้ไม่ยาก หนึ่งในรูปแบบของกลอนแปดก็คือ รูปแบบกลอนแปดของสุนทรภู่ ซึ่งความแพรวพราวด้วยสัมผัสใน และขนบดังกล่าวนี้ก็ได้รับการสืบทอดต่อมาในงานกวีนิพนธ์ยุคหลังๆ กระทั่งปัจจุบัน คณะ กลอนแปด บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 8 คำ ตามผัง

 

บาทเอก วรรคสลับ          0 0 0 0 0 0 0 0                0 0 0 0 0 0 0 0                รับ

บาทโท  วรรครอง           0 0 0 0 0 0 0 0                0 0 0 0 0 0 0 0                ส่ง

 

สัมผัสนอก ให้มีสัมผัสระหว่างคำสุดท้ายวรรคหน้ากับคำที่สามของวรรคหลังของทุกบาท และให้มีสัมผัสระหว่างบาทคือคำสุดท้ายของวรรคที่สองสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สาม ส่วนสัมผัสระหว่างบท กำหนดให้คำสุดท้ายของบทแรก สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สองของบทถัดไป

สัมผัสใน ไม่บังคับ แต่หากจะให้กลอนสละสลวยควรมีสัมผัสระหว่างคำที่สามกับคำที่สี่ หรือระหว่างคำที่ห้ากับคำที่หกหรือคำที่เจ็ดของแต่ละวรรค

 

ตัวอย่างกลอนแปด

บาทเอก วรรคสลับ เราจึงมีชีวิตเพียงเพื่อเขียนลำนำชีวิต       มีความคิดเพียงเพื่อเขียนความฝันใฝ่ รับ

บาทโท  วรรครอง   มีความรักเพียงเพื่อเขียนตำนานหัวใจ      มีหยาดใสของน้ำตาเพื่อวันวาร      ส่ง

    มีความเศร้าเพียงรู้ค่าอารมณ์เหงา           มีความเก่าเพียงรู้ค่าเวลาหวาน

    มีแสงตะวันเพื่อรู้ค่ารัตติกาล                   มีชีวิตยืนนานเพื่อรู้ค่าความเป็นคนฯ

 

กลอนเก้า

ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย กลอน 9 พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลาย เช่นเดียวกัน แต่กวีไม่ค่อยนิยมแต่งกันมากนัก เนื่องจากเห็นว่ากลอนแปดลงตัวมากที่สุดคณะ กลอนเก้า บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 9 คำ ตามผัง

 

บาทเอก วรรคสลับ          0 0 0 0 0 0 0 0 0             0 0 0 0 0 0 0 0 0             รับ

บาทโท  วรรครอง           0 0 0 0 0 0 0 0 0             0 0 0 0 0 0 0 0 0             ส่ง

 

สัมผัสนอก ให้มีสัมผัสระหว่างคำสุดท้ายวรรคหน้ากับคำที่สามของวรรคหลังของทุกบาท และให้มีสัมผัสระหว่างบาทคือคำสุดท้ายของวรรคที่สองสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สาม ส่วนสัมผัสระหว่างบท กำหนดให้คำสุดท้ายของบทแรก สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่สองของบทถัดไป

สัมผัสใน ไม่บังคับ แต่หากจะให้กลอนสละสลวยควรมีสัมผัสระหว่างคำที่สามกับคำที่สี่หรือคำที่ห้า หรือระหว่างคำที่หกกับคำที่เจ็ดหรือคำที่แปดของแต่ละวรรค

 

บาทเอก วรรคสลับ         

นายชายพรานหนึ่งชาญไพรล่ำใหญ่ขยับ                 ได้ยินกลองเดิรย่องกลับดูขับขัน     รับ

บาทโท  วรรครอง

มือป้องหน้ามุ่งป่าแน่วแนวแถววัน                         สุนัขย่องสุดมองขยันติดพันตาม     ส่ง

มุ่งปะทะมาปะที่คนตีกลอง                                   เพื่อนทักจ๋าพูดหน้าจ้องพรานร้องถาม

เดิมแรกหูได้รู้เหตุสังเกตความ                               ว่าทรงนามว่าทรามนาฎนิราศจร

จาก กลบทระลอกแก้วกระทบฝั่ง, ศิริวิบุลกิตติ, หลวงปรีชา (เซ่ง)

 

สิ่งสำคัญที่สุดของคำประพันธ์

คือ การวางสัมผัสมารู้จักกันก่อนว่าสัมผัส มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ

สัมผัสใน ทำได้โดยสัมผัสสระ เป็นการใช้สระที่เหมือนๆ กันมาสัมผัสกัน เช่น ใจ ไป อะไร ทำไม กลาย สาย เป็นต้น สัมผัสอักษร เป็นการเลือกพยัญชนะตัวสะกดเสียงเดียวกันมาสัมผัสกัน เช่น กาด ขาด คลาด อนันต์ ฝัน จันทรา เป็นต้น

สัมผัสนอก สัมผัสนอกเป็นการแสดงความสามารถในการสร้างความงดงาม ของผู้เขียนคำประพันธ์ให้ได้สีสันทางภาษา

 

ข้อควรจำหลักการแต่งกลอนแปด กลอนสุภาพ-ฉันทลักษณ์

  1. ในวรรคหนึ่งๆ มีอยู่ 8 คำ จะใช้คำเกินกว่ากำหนดได้บ้าง แต่ต้องเป็นคำที่ประกอบด้วยเสียงสั้น
  2. การส่งสัมผัส คำที่ 8 ของวรรคแรก สัมผัสกับคำที่ 3 หรือคำที่ 5 ของวรรคที่สอง คำที่ 8 ของวรรคที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 8 ของวรรคที่ 3

คำ ที่ 8 ของวรรคที่ 3 สัมผัสกับคำที่ 3 หรือที่ 5 ของวรรคที่ 4 และคำสุดท้ายของวรรคที่ 4 ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ 2 ของบทต่อไป

  1. วรรคสดับ หรือวรรคแรก คำสุดท้ายใช้คำเต้น คือ เว้นคำสามัญใช้ได้หมด แต่ถ้าจำเป็นจะใช้เป็นเสียงสามัญก็อนุญาตให้ใช้ได้บ้าง แต่อย่าบ่อยนักพยายามหลีกเลี่ยง
  2. วรรครับ หรือวรรคสอง คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงจัตวา ส่วน เอก โท ตรี ได้บ้าง ห้ามเด็ดขาดคือ เสียงสามัญ
  3. วรรครอง หรือวรรคสาม คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์
  4. วรรคส่งหรือวรรคสี่ คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์
  5. คำที่ 3 ของวรรครองและวรรคส่ง ใช้ได้ทุกเสียง
  6. นิยมสัมผัสในระหว่างคำที่ 5-6-7 ของทุก ๆ วรรค
  7. นิยมสัมผัสชิดในระหว่างคำที่ 3-4 ของวรรคสดับและวรรครอง
  8. อย่าให้มีสัมผัสเลือน, สัมผัสซ้ำ, สัมผัสเกิน, สัมผัสแย่ง, สัมผัสเผลอ, และสัมผัสเพี้ยน

 

เรียบเรียงโดย แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

รูปจาก pixabay

เนื้อหาโดย: หนามดอกงิ้ว
เรียบเรียงโดย แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

รูปจาก pixabay
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
หนามดอกงิ้ว's profile


โพสท์โดย: หนามดอกงิ้ว
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
30 แคปชั่นต้อนรับเดือนพฤษภาคม 2567 ความหมายดี สวัสดีเดือนพฤษภา hello mayรวมเลขเด็ด หวยดัง งวดวันที่ 2/5/2567หลุดมาอีกแล้ว AI บอกครบทั้ง6ตัว งวด 2 พฤษภาคม 2567ตัวตึงประจำสนามบินไม่ควรกิน"แตงโม"ถ้าอยู่ในคน7กลุ่มนี้!!เกินไปมั๊ย! มานั่งชิลที่ร้านกาแฟ..แต่ดันจับปลาคาร์ฟในบ่อให้ลูกเล่นประเทศที่ปั๊มลูกมากที่สุดในเอเชียไม่น่าเชื่อทีมมหาอำนาจฟุตบอลทีมนี้ "ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์ 2024 ครั้งนี้ เพียงครั้งแรก"ข้าวไข่ดาว 2 ฟอง 70 บาท
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
betray: ทรยศเผยโฉม แอดมินเพจเชื่อมจิต งามซะ...เล่นเอาหนุ่มๆ อยากเชื่อมจิตกันใหญ่เลยจบจากโรงเรียนไหนเข้าจุฬาได้มากที่สุดไม่ควรกิน"แตงโม"ถ้าอยู่ในคน7กลุ่มนี้!!แอปสายการบินดังทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
แอปสายการบินดังทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลเที่ยวกระบี่ : ท้าพิสูจน์ความแข็งแรงกับบันได 419 ขั้น บนจุดชมวิวเกาะห้อง 360 องศา จุดเช็คอินสุดปัง | สกู๊ปพิเศษเที่ยวพะเยา แวะถ่ายรูปสวนดอกไม้สวยๆ ที่ไร่เลิฟสตอรี่ (love stories Garden)ทึ่งทั่วโลก : หลุมยุบธรรมชาติที่ลึกที่สุดในโลก: Xiaozhai Tiankeng
ตั้งกระทู้ใหม่