หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"ไมค์-พิรัชต์" เผยปมในใจ..คนในวงการดูถูกเหยียดหยาม

เนื้อหาโดย Mac Casanova

              พระเอกหนุ่มโกอินเตอร์เผยปมในใจ คนในวงการต่างดูถูกเหยียดหยาม  ..นักร้องหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้โกอินเตอร์ที่ประเทศจีนในฐานะนักแสดง  ล่าสุดนั้น เขาเองได้มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษของรายการ "WOODY FM" ซึ่งมาพร้อมกับพี่ชายอย่าง "กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล" โดยทั้งคู่นั้นได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ กับคุณ "วู้ดดี้" ซึ่งเป็นพิธีกรดำเนินรายการว่า 

 

              "เอาจริงๆ เลย ตอนนั้นดังจาก Full House แล้วก็มีคนมาตามอยู่หลายรอบเลยว่าไปจีนไหม ไปต่างประเทศไหม ผมก็ยังไม่ได้ไปครับ แล้วก็เกิดข่าวคราวต่างๆ เมื่อสมัยโน้นนานมาแล้ว คือ หลังจากข่าวนั้นหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไป เวลาออกไปไหนสายตาคนที่มองเรา คือด้วยความที่ปกติผมก็เป็นคนที่ระแวงสายตาคนอยู่แล้ว อันนี้มันยิ่งทวีคูณเข้าไป ผมรู้สึกว่าสายตาคนที่มองผม คือ ความเหยียดหยาม ความดูถูก เวลาผมไปเดินห้าง หรืออะไรแบบนี้หลังๆ ผมก็เลิกเดิน หรือแม้กระทั่งคนในวงการ ผมก็รู้สึกอย่างนั้น รู้สึกว่าเวลาไปงานวันเกิดเพื่อนหรืองานที่ๆ มีคนในวงการเยอะๆ สายตาพวกเขาเวลามองผม คือ พวกเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะ แต่คือ ความระแวงความกังวลของผมมันคิดแบบนั้นไปแล้วว่า เขากำลังขยะแขยงเราอยู่ เขากำลังมองเราด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งผมไปงานๆ หนึ่งแล้ว ผมรู้สึกได้เลยว่าคนล้อมเยอะมาก แต่ว่าไม่มีใครมาคุยกับผมเลย ทุกคนแค่เดินมาสวัสดีทักทายแล้วก็ไป เหมือนผมยืนอยู่กลางวงแล้วแบบไม่รู้ผมมาทำอะไรที่นี่

              ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่า เราไม่มีที่ยืนตรงนี้แล้ว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เรา แล้วมันแบกรับความรู้สึกนี้อยู่เป็นปี เราก็ไม่ไหว แล้ววันหนึ่งที่มีคนมาบอกว่าไปจีน วันนั้นผมตัดสินใจไปเลย เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ต่อไปตายแน่ ไม่รอด ไม่ไหว แล้วพอผมไปจีนรู้สึกว่า ไม่ได้มีใครมาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไทย แล้วเขาก็ยินดีที่จะอ้าแขนต้อนรับเราแบบไม่มีอคติ ไม่มีกำแพง แล้วผมรู้สึกมีความสุขมากๆเลย รู้สึกว่าต่อให้งานมันจะยากกว่า ต้องไปนั่งท่องบท ต้องฝึกภาษาจีน เหนื่อยกว่าหลายเท่าแต่มันก็มีความสุขกว่านะ มากกว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าทุกคนเหยียดหยามเรา" ไมค์กล่าว

               โดยวู้ดดี้ได้ตอบกลับหนุ่มไมค์ไปว่า "พี่อยากจะบอกคุณว่าไม่จริง ไม่ได้มีคนทั้งวงการมาเหยียดหยามคุณ แต่จริงที่ว่าช่วงที่เป็นข่าวก็มีคนพูดถึงเยอะ แต่ทุกคนก็รอคอยว่าไมค์จะยังไงต่อ แล้วตอนนั้นพี่ก็เป็นห่วงมาก ?"

               "มันโดดเดี่ยวพี่ มันตัวคนเดียวจริงๆ ถ้าให้นึกย้อนในความรู้สึกตอนนั้นจะอยู่ต่อไปทำไม ไม่รู้จะไปทางไหน (น้ำตาคลอ) ไปทางไหนก็ตันไปหมดเลย" หนุ่มไมค์กล่าว

               "วันที่ดาร์กที่สุดเหตุการณ์เป็นยังไง ?" วู้ดดี้ถาม

              "พูดได้ไหม ก็คือกดดันมากจน ก็อยู่นอกระเบียงแล้ว ( น้ำตาคลอ ) รู้สึกเหมือนมันไม่มีทางออกเลย" ไมค์ตอบ

               โดยวู้ดดี้ได้พูดต่ออีกว่า "ดีใจมากที่คุณนั่งอยู่ตรงนี้ วันนี้เราแค่สะท้อนกลับไป มันผ่านไปแล้ว ขอโทษที่พูดถึงมัน แต่พี่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคน ที่เจอทางตันและหาทางออกไม่ได้ ?" 

              "คือการที่เราเกิดเป็นผู้ชาย คุณเป็นผู้ชาย คุณจะอ่อนแอไม่ได้ ต้องเข้มแข็ง จะมาร้องไห้อะไร แต่แค่อยากจะบอกว่า คนที่เขาไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา เขาไม่มีทางเข้าใจเลยว่า เรื่องที่เราต้องเจอต่างๆ คือ เรื่องที่ทุกคนเห็นในสื่อ มันเป็นแค่เศษเสี้ยวที่ผมเจอ เท่าที่ออกสื่อได้ มันยังมีอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำที่เราพูดไม่ได้ วันนั้นผมก็พยายามทำตัวเข้มแข็งนะ แต่ ณ ปัจจุบัน ผมจะบอกว่าจริงๆ พอเราเริ่มรู้ตัว ในวันนั้นเราไม่ได้อ่อนแอเลย เราเข้มแข็งที่สุดแล้วด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่เรื่องที่เราเจอมันอาจจะแปลกเยอะไปจนเราดูเหมือนคนอ่อนแอ หรืออาจจะเป็นทางอาการป่วยทางเคมี หรืออะไรสักอย่างที่มันเป็นความเศร้ามากๆ จนมันควบคุมไม่ได้" ไมค์กล่าว

               ทางด้านกอล์ฟ พี่ชายก็ได้กล่าวเสริมอีกว่า  "เป็นเพราะว่า ไมค์เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดด้วยครับ ไม่บอกว่ารู้สึกอะไร เป็นคนที่เก็บอยู่คนเดียว เราทั้ง 2 คนอยู่วงการนี้ตั้งแต่เด็ก มันจะเจอข่าวโน้นข่าวนี้ อย่างกอล์ฟเองก็จะเจอข่าวเรื่องแฟน บางทีเราก็รู้สึกว่า ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ต้องออกมานั่งพูดในเรื่องอะไรแบบนี้ แล้วต้องให้สังคมเข้าใจ ในยุคนั้นอาจจะไม่เหมือนในยุคนี้ ที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันหลายมุมมอง แต่ตอนนั้นมันอาจจะมีแค่มุมมองเดียว สื่อว่าไปทางไหน คนอ่านผิวเผินก็จะตีความไปแบบนั้นเลย คนหมู่มากก็จะคิดแบบนั้น ทำให้เรารู้สึกว่าไม่แฟร์ มันมีบางอย่างที่อยากให้เข้าใจว่า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างกอล์ฟก็มีช่วงชีวิตที่ดาวน์เหมือนกัน ที่หายไปในช่วงหนึ่งหลังจากที่แยกวงกอล์ฟ-ไมค์ แต่โชคดีที่กอล์ฟกับไมค์ต่างกันนิดหนึ่งที่ กอล์ฟจะมีความ Alert สนุกสนาน เฮฮา เอาพลังบวกตรงนั้น กับสิ่งที่เราอยากจะทำความฝันให้เราออกมาจากจุดๆ นั้นได้ เพราะเชื่อว่า ถ้าเรามีสกิลทักษะ เราจะไม่หายไปจากวงการบันเทิง เราจะสามารถอยู่ได้ด้วยศักยภาพของเรา"

              "ผมก็อิจฉาเขานะ ลองพยายามแล้ว ที่จะเป็นแบบที่เขาเป็นอยู่ แต่ว่ามันไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะผมพยายามแล้ว มันเหนื่อย แบบบางคนเจอผมรู้สึกว่าผมเข้าหายาก แต่จริงๆ ไม่ใช่ คือ ผมแค่เหนื่อยที่จะแสดงอารมณ์ ความรู้สึก หรือสีหน้าการแสดง หน้าตาอะไรต่างๆ เฉยๆ คือ ทำๆได้แบบว่า Alert ได้ แต่คือ ผมก็เป็นแบบนี้นิ่งๆ แต่ก็ Nice นะ แต่คนเวลาเจอทำไมนิ่งจังเลย เขาก็จะมีความประทับใจที่ไม่ค่อยดี ดูกวนตีนหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่จริงๆ ไม่ใช่ บอกทุกคนไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่ ไม่ได้เก็ก ไม่ได้อะไรด้วย แค่เหนื่อยที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะพยายามพูดอะไรไป เราคิดว่าถ้าเป็นเรา มีคนมาทำแบบนี้ให้เราจะแฮปปี้มาก แต่พอเราไปทำให้คนอื่นกลายเป็นว่าเขาบอกว่าทำไมเห็นแก่ตัว คิดเรื่องตัวเอง คือ เราคิดทุกอย่างเป็นตรรกะหมดเลย ถ้าทำแบบนี้ได้ผลลัพธ์แบบนี้ ทำแบบนี้คือดีอย่างงี้ๆ เพราะอะไร จะมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา แต่พอบางทีพูดไปเขาไม่รับเขาไม่ฟัง เราก็หยุดเลย แล้วพอเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เหมือนเป็นบทเรียนที่ซ้ำๆ สุดท้ายเราก็เลยเลือกไม่พูดกับใครเลย เพราะมีความคาดหวังว่าถ้าเราพูดไปคนนี้เขาไม่เข้าใจหรอก ก็ยิ่งกลายเป็น Introvert เรื่อยๆ จนไม่อยากที่จะเปิดออกมากเกินไป" ไมค์กล่าว

              "วันนั้นที่ไมค์ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเอง มีสติอะไรที่เข้ามาเตือน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คน แล้วกลอฟ์ได้ซัพพอร์ตเขายังไงบ้าง ?" วู้ดดี้ถาม

              "เอาจริงๆ นะพี่ตอนนั้น ขาผมออกไปแล้วครึ่งก้าว ถอยกลับเข้ามา แล้วก็ไปหาที่นั่งตรงลานจอดรถนั่งอยู่นานมาก แต่ไม่คิดอะไรเลย มันเบลอ ทุกครั้งก็จะเป็นประมาณนี้ บางทีหนักหน่อยก็จะมีภาวะหายใจเร็วเกินไป มือเกร็ง หน้าชา ลิ้นชา แต่พอมันผ่านมาได้ ผมรู้สึกว่าอายุ 30 คือจุดเปลี่ยน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเพราะอะไร อายุ ดวงดาว โหราศาสตร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ รู้สึกได้ทันทีเลยว่า จิตใจเราแข็งแกร่งขึ้น มันเข้มแข็งขึ้นจน โอเค ถ้าเรากลับไปพูดถึงมันยังมีความเศร้าอยู่ ความรู้สึกพวกนั้นไม่ได้หายไปเลยนะ แต่เราเลือกที่จะไม่ไปต่อต้านมัน ผมแค่เปลี่ยน Mindset นิดเดียวเลย ว่าเราจะอยู่ร่วมกันยังไง เราจะเข้ากันได้ยังไง ความรู้สึกกับตัวเราจะอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ได้ยังไง ผมก็เลยเพิ่มเข้ามาคำหนึ่งก็คือ ไม่ต้องไปแคร์อะไรมาก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าเราผ่านใกล้เส้นความตายมาแล้ว ทุกเรื่องคือเรื่องเล็กหมด ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่อยู่จากโลกนี้ไปแล้วไงต่อ เราก็เป็นได้แค่ความทรงจำ สุดท้ายก็เจ็บปวดคนเดียวอยู่ดีไม่มีความหมาย ก็เลยตัดสินใจที่จะไปต่อแล้วพุ่งชนทุกอย่าง ตอนนั้นก็เลยไปจีนแล้วพุ่งชนทุกอย่าง" ไมค์ตอบ

              "เขาไม่ค่อยได้คุยความรู้สึกตรงนี้ให้ฟังเลย กอล์ฟมาได้ยินตอนทีหลังว่า มีเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่หลังๆ ก็พยายามถามเขานะ แต่เหมือนไมค์เขาไม่ค่อยเปิด เขาจะไม่ค่อยพูดเรื่องความรู้สึก" กอล์ฟกล่าว

              "พ่อแม่ก็ไม่ได้คุยครับ คือ เรื่องราวมันเยอะเหลือเกิน แล้วเราไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงยังไง แต่รู้เป็นภาพรวมในหัวว่า นี่คือเรื่องที่เรากำลังเจออยู่ ผมคิดว่าความรู้สึกพวกนี้ ถ้าพูดไปมันไม่เกิดประโยชน์ก็เลยไม่พูด สุดท้ายแล้ว เราต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวเอง ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ที่เราเจอเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี หลังจากนั้นผมก็ได้คำตอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีหรือดี แล้วคุณจะรู้เองในอนาคต  ตอนนี้ผมก็กำลังหาอยู่ คือ ปีนี้เป็นช่วงเวลาของการหาเลยว่า ทำยังผมจะออกจากความรู้สึกเหล่านี้ได้ ทุกวันนี้ยังหาไม่เจอ ยังไม่รู้คำตอบ ผมพยายามทำในสมัยก่อน ทำแล้วมีความสุข แต่ตอนนี้ทำแล้วไม่มีความสุข แม้กระทั่งจะกินข้าวอะไรที่เคยกินแล้วอร่อยมันก็ไม่อร่อย เรื่องที่เคยทำแล้วมีความสุขที่สุด เราทำแล้วรู้สึกเฉยๆ จนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ยังไงนะ แต่ก็ดั้นด้นทำมันต่อไป เพราะต้องการหาคำตอบว่า มันพลาดตรงไหน หรือว่าความสุขเราไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว แล้วมันไปอยู่ตรงไหน เราต้องการอะไรกันแน่ เหมือนคนหลงทาง นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมปีนี้ผมยอมกลับมาทำคอนเสิร์ตกอล์ฟ-ไมค์ จริงๆ ผมกลัวมากเลยนะ ผวาเลยกับการที่จะกลับมาทำงานที่นี่ ด้วยเรื่องราวสมัยก่อน ต่อให้มันเคลียร์ไปแล้ว ด้วยความที่มันยังเป็นดราม่าอยู่ในใจ มันไม่มีทางหาย ผมก็เลยเอาคอนเสิร์ต "กอล์ฟ-ไมค์" มาเป็นจุดหนึ่งที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองกลับมา ต้องการที่จะก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้ ผมต้องการระเบิดมันออกไปบนเวทีนี้ ให้ผมกลับมามีความสุข มีแพชชั่นอีกครั้ง" หนุ่มไมค์กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

 

เนื้อหาโดย: Mac Casanova
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Mac Casanova's profile


โพสท์โดย: Mac Casanova
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: เคยได้พบกับใครคนหนึงนานมาแล้วก็ยังคิดถึง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกยูเครนจับเผย "เขาส่งเรามาฝึกทหาร แต่เราไม่รู้ว่าเขาส่งเรามาตาย"84 วันในเรือนจำ ค่าเยียวยาที่ มิน-แซม ได้รับคือเท่าไร?"เอมี่" เหน็บทิปตรงเป้า "ซี ศิวัฒน์"..แต่โดนเอาคืนหนักมาก ทำเอาเขินไปเลย!คลิปกลุ่มชายถือหัวคน กำลังเป็นไวรัลในปาปัวนิวกินีเจมส์จิ-โฟม ควงคู่ฉลองวิวาห์สุดหวาน ท่ามกลางธรรมชาติเจ้าสาวสวยสะกดทุกสายตา5 เครื่องดื่ม ที่เป็นมิตรกับสุขภาพตับไขข้อสงสัย อินทผลัมแบบแห้งและแบบสด อย่างไหนมีประโยชน์มากกว่ากันรวบช่างภาพชื่อดัง! 'โอม Kantaehee' โพสต์รูปลามกนางแบบลง OnlyFansเรื่องราวที่ไม่เคยบอก ลูกชายนอกสมรสของจักรพรรดิซ่งเหรินจง และการตัดสินของเปาบุ้นจิ้นมิกซ์ เฉลิมศรีเดือด! ตอกกลับคนแซะเปิดตัวแฟน เจอเพจดังจุดประเด็นดรามา 'ทำไมต้องแย่ง'fade: จางหาย จางลงรักสะเทือนใจ! แม่ วัย 41 แต่งงานกับ ลูกชาย วัย 16 ของเพื่อนสนิท สิ้นสุดลงอย่างน่าเศร้า!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
84 วันในเรือนจำ ค่าเยียวยาที่ มิน-แซม ได้รับคือเท่าไร?แปลกแต่จริง! บริษัทบังคับให้พนักงานกินไฟ เพื่อเอาชนะความกลัวหมาแล็บแรดอร์ ตกงาน ก่อนวัยอันควร เหตุความกลัวพื้นลื่นที่เปลี่ยนชีวิต!fade: จางหาย จางลงเมืองเล็กๆ ที่ได้รับของขวัญเป็นเงิน 3.4 พันล้าน! เรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อของเมือง Thiberville
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บันเทิง ดารา
แสบไม่ไหว!“เอมี่”เหน็บเงินตรงเป้าให้ทิป “ซี ศิวัฒน์” แต่โดนสามีสวนคืนจนเขินแรง"เอมี่" เหน็บทิปตรงเป้า "ซี ศิวัฒน์"..แต่โดนเอาคืนหนักมาก ทำเอาเขินไปเลย!ลิซ่า ลลิษา มโนบาล โพสต์ ig แฟนคลับแห่คอมเมนต์ กดไลก์ทะลุกว่า 5 ล้านไลก์แล้ว👍🏻👍🏻ลิซ่า ลลิษา สาดความฮอต! บิกินีริมทะเลสุดปัง รอยข้างลำตัวทำแฟนๆ ใจละลาย
ตั้งกระทู้ใหม่