กฟผ.กัดฟันแบกหนี้ค่าไฟ สนองนโยบายรัฐ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ประกาศขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สินเพื่อลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน จากเดิมที่สิ้นสุดในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี จนถึงสิ้นปี 2567 เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการดูแลค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สิน
การขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สินของ กฟผ. ในครั้งนี้ จะทำให้ กฟผ. ต้องแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.35 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของ กฟผ. เพิ่มขึ้นจาก 3.3 เท่า เป็น 4.3 เท่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตเรตติ้งของ กฟผ. อย่างไรก็ตาม กฟผ. มั่นใจว่าจะบริหารจัดการหนี้สินดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง
การขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สินของ กฟผ. ในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชนประมาณ 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สินของ กฟผ. ในครั้งนี้ อาจเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย เนื่องจากอาจทำให้ กฟผ. ไม่สามารถลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานได้ในอนาคต
ข้อดีสำหรับประชาชน
- ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
- ช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน
- ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน
ผลกระทบของการขยายเวลาแบกรับภาระหนี้สินของ กฟผ.
- ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการลดค่าไฟฟ้าลงอีก 1.35 หมื่นล้านบาท
- กฟผ. ต้องแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก 1.35 แสนล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตเรตติ้งของ กฟผ.
- อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย เนื่องจากอาจทำให้ กฟผ. ไม่สามารถลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานได้ในอนาคต
ทั้งนี้ รัฐบาลและ กฟผ. จะต้องร่วมกันหาแนวทางที่จะบริหารจัดการหนี้สินของ กฟผ. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย