มันจบแล้ว ! ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท
วันที่ 15 กันยายน 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชน ก่อนเดินหน้าพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ กระทรวงแรงงานให้ความมั่นใจว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำ จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนภายในปี 2567 โดยจะหารือในรายละเอียดทั้งในส่วนของแรงงานไทยและแรงงานเพื่อนบ้าน ภาคเอกชน คณะกรรมการไตรภาคี เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 กันยายนนี้ จากนั้นหาข้อสรุปและประกาศออกมาภายในเดือนพฤศจิกายน และเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
กระทรวงแรงงานจะพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ แต่คงไม่ถึง 400 บาท และไม่ใช่เป็นการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ เพราะจะเป็นการขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 10% จากค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบัน ซึ่งจะกระทบต่อนายจ้าง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีจะไปต่อไม่ได้ และป้องกันเกิดการลักลั่นทางรายได้สำหรับกลุ่มแรงงานใหม่และแรงเก่า กระทรวงแรงงานมอบนโยบายให้กับภาคเอกชน ในการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับกลุ่มแรงงานที่มีทักษะ เป็น 400 บาทต่อวัน ดังนั้นเป็นการจ่ายลักษณะ Pay by skill เน้นแรงงานไทย หรือเป็นกลุ่มแรงงานที่มีการเพิ่มทักษะแล้ว
นายเกรียงไกร ประธาน ส.อ.ท. บอกว่า การหารือวันนี้ทำให้สบายใจมากขึ้นว่ารัฐบาลจะไม่ขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ 400 บาท หากเป็นเช่นนั้นจะกระชากธุรกิจอย่างมาก อาจทำให้บางกลุ่มต้องย้ายฐานการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น ประมงและแปรรูปอาหารทะเล โดยหากขึ้นค่าจ้าง 400 บาท จะทำให้อุตสาหกรรมที่จ่ายค่าจ้างอยู่ที่ขั้นต่ำ 328 บาท ต้นทุนจะสูงขึ้น 19 -20% ส่วนเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่จ่ายอยู่ที่ 354 บาท ต้นทุนจะสูงขึ้น 13% ปัจจุบัน 45 อุตสาหกรรมในสภาอุตสาหกรรมฯ มีประมาณ 25 อุตสาหกรรม ที่จ่ายค่าแรงสูง 600-900 บาท อยู่แล้ว เหลืออีก 20 อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น และจ่ายค่าแรงตามค่าแรงขั้นต่ำ
สรุปประเด็นสำคัญ
- กระทรวงแรงงานจะพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำภายในปี 2567
- ค่าจ้างขั้นต่ำจะไม่ขึ้นถึง 400 บาท
- กระทรวงแรงงานมอบนโยบายให้กับภาคเอกชน ในการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับกลุ่มแรงงานที่มีทักษะ เป็น 400 บาทต่อวัน
ความคิดเห็น
การหารือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการหาข้อสรุปในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยกระทรวงแรงงานได้คำนึงถึงผลกระทบต่อนายจ้างและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี โดยการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะไม่ขึ้นถึง 400 บาท และไม่ใช่เป็นการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ เป็นการยืดหยุ่นให้ภาคเอกชนสามารถพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างให้กับกลุ่มแรงงานที่มีทักษะได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย