ซาก“มนุษย์ต่างดาว”พิสูจน์แล้วไม่ใช่ DNA ชาวโลก
วันที่ 13 กันยายน 2566 รัฐบาลเม็กซิโกได้นำซากของร่างที่ไม่ใช่มนุษย์โลกเผยเป็นครั้งแรกในรัฐสภาเม็กซิโก โดยซากดังกล่าว 2 ร่างที่เก็บรักษาไว้อย่างดี ถูกพบเมื่อปี 2017 ที่เมืองกุสโก ในประเทศเปรู ซึ่งมีอายุ 700 ปี และ 1,800 ปี
ซากร่างปริศนานี้มีความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ผิวหนังมีสีซีด ดวงตากลมโต จมูกแบน ปากเล็ก มือมี 3 นิ้ว และไม่มีผม
รัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า ซากร่างปริศนานี้ถูกส่งไปตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายแห่งทั่วโลก และผลการตรวจสอบพบว่า ซากร่างดังกล่าวไม่ใช่ DNA ของมนุษย์โลกแต่อย่างใด แต่มีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกับฟอสซิลของสัตว์โบราณ เช่น ไดโนเสาร์
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับซากร่างปริศนานี้ โดยระบุว่า ผลการตรวจสอบอาจไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าซากร่างดังกล่าวไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังเสนอว่า ซากร่างปริศนานี้อาจเป็นซากของสัตว์ประหลาดหรือสัตว์ชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน
การเปิดเผยซากร่างปริศนาของรัฐบาลเม็กซิโกในครั้งนี้ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนทั่วโลก และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง บางคนเชื่อว่าซากร่างปริศนานี้เป็นหลักฐานยืนยันถึงการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว แต่บางคนก็เชื่อว่าเป็นเพียงเรื่องลวงโลกเท่านั้น
จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ซากร่างปริศนาที่รัฐบาลเม็กซิโกนำมาจัดแสดงในรัฐสภานั้น ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังไม่สามารถสรุปได้ว่าซากร่างดังกล่าวเป็นมนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาด หรือสัตว์ชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน