สหราชอาณาจักร: สภาเมืองเบอร์มิงแฮมประกาศล้มละลาย
สหราชอาณาจักร: สภาเมืองเบอร์มิงแฮมประกาศล้มละลาย หลังจากถูกเรียกเก็บเงินจำนวน 760 ล้านปอนด์ เพื่อยุติปัญหาข้อเรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างอย่างเสมอภาค
วันอังคารที่ 5 กันยายน 2023
สภาเมืองเบอร์มิงแฮมได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ตามมาตรา 114 ว่าประสบปัญหาทางการเงิน โดยยืนยันในแถลงการณ์ว่าต้องยุติการใช้จ่ายใหม่ทั้งหมดทันที ยกเว้นการปกป้องบุคคลที่อ่อนแอและการบริการตามกฎหมาย
“ในเดือนมิถุนายน สภาฯประกาศว่ามีความรับผิดชอบที่ต้องจ่ายค่าสินไหมตามการเรียกร้องในภูมิภาค 650 ถึง 760 ล้านปอนด์ โดยความรับผิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 5 ล้านปอนด์ถึง 14 ล้านปอนด์ต่อเดือน แต่ไม่มีทรัพยากรพอที่จะจ่ายเช่นนั้น
สภาฯที่บริหารโดยพรรคแรงงาน เป็นหน่วยงานท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ประกอบด้วยสมาชิกสภา 101 คน (พรรคแรงงาน 65 คน พรรคอนุรักษ์นิยม 22 คน พรรคเสรีนิยมเดโมแครต 12 คน และพรรคกรีน 2 คน)
รายงานเสริมว่า “เจ้าหน้าที่อาวุโสและสมาชิกของสภาฯมุ่งมั่นที่จะจัดการกับสถานการณ์ทางการเงิน และเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม เราจะแจ้งใหัทราบ”
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากคำตัดสินของศาลฎีกาเมื่อปี 2555 ตัดสินให้พนักงานหญิง ที่มีจำนวนเป็นส่วนใหญ่ของสภาเมืองเบอร์มิงแฮมชนะคดีโครงการแจกโบนัสให้กับพนักงาน ที่สนับสนุนเฉพาะพนักงานผู้ชายเป็นหลัก
เบ็คกี จอห์นสัน ผู้สื่อข่าวของสกาย มิดแลนด์ กล่าวว่า "สภาฯจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนเหล่านี้มาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้การเรียกเก็บเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 14 ล้านปอนด์ต่อเดือน และปัจจุบันอยู่ที่ 760 ล้านปอนด์ และสภาฯไม่มีเงินพอที่จะจ่ายได้"
จอห์นสันกล่าวเสริมว่า “ผู้นำของกลุ่มอนุรักษ์นิยมกำลังกล่าวหาสภาฯที่นำโดยพรรคแรงงาน ว่าล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาค่าจ้างที่ไม่เท่าเทียมกัน และกล่าวหาว่าพวกเขาโกหกต่อสาธารณะว่าสิ่งต่าง ๆ ดูสดใสมากกว่าฐานะทางการเงินที่แท้จริง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
สมาชิกสภาฯโรเบิร์ต อัลเดน ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า "ความล้มเหลวของพรรคแรงงานในเบอร์มิงแฮม ประจักษ์ชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว สิ่งที่พรรคแรงงานให้คำมั่นไว้ว่าต่อไปนี้จะเป็นทศวรรษทองสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2565 กลับกลายเป็นว่างบประมาณในปี 2563/2564 และ 2564 /2565 ไม่สมดุลและไม่มีเงินทุนพอ
“เมื่อรวมกับการที่พรรคแรงงานในเบอร์มิงแฮม ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าจ้างที่เท่ากันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งนี้ได้สร้างความยุ่งเหยิง ทำให้ประชาชนสูญเสียการบริการและการลงทุนอันมีค่า”