คนไทยควรดื่ม"ยาคูลท์"ที่มันดีต่อลำใส้"100%"
นมเปรี้ยวที่หลายคนดื่มกินมาตั้งแต่เล็กจนโต
ยาคูลท์แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักกันเป็นดีและมีสโลแกนการขายที่ไม่เหมือนใครเพราะถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับยาคูลท์ ก็ให้ไปถามสาวยาคูลท์ดูสิ ว่ากันว่ามันคือยาวิเศษสิ่งเดียวที่คนไทยควรมีดื่มกินกันใว้ทุกบ้านเพราะไม่เพียงแต่จะป้องกันโรคที่คนไทยนั้นเป็นกันมากที่สุด คือโรค"มะเร็งลำไส้"
เพราะยาคูลท์จะเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องคุณให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ดีที่สุดเรียกว่ากันไว้ดีกว่าแก้แย่แล้วมันจะแก้ไม่ทัน
วันนี้เรามาทำความรู้จักและประวัติความเป็นมาของนมวิเศษตัวนี้กันดีกว่าครับซึ่งแยกรายละเอียดปลีกย่อยได้เป็น 7 อย่างดังนี้ครับ
1.เมื่อประมาณ ปี 1900 ดร.เอไล แมทชนิคอฟฟ์ นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ทำการวิจัยการมีอายุยืนของชาวบัลแกเรียและได้สังเกตเห็นว่าผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวส่วนใหญ่ได้กินโยเกิร์ตเป็นประจำเขาจึงได้คิดว่าแบคทีเรียจากกรดที่อยู่ในโยเกิร์ตนั้นเป็นปัจจัยสำคัญและได้สร้างทฤษฎีการมีอายุยืนขึ้นมา และต่อมา ดร.มิโนรุ ชิโรต้า นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
ก็ได้อาศัยทฤษฎีองค์ความรู้การมีอายุยืนเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดงานวิจัยของตัวเองแต่เขาก็ได้ค้นพบจุลินทรีย์ที่อยู่รอดได้ในลำไส้ของมนุษย์ ซึ่งมันก็คือแลคโตบาซิลลัสคาเคอิสายพันธุ์ชิโรต้า จากนั้นในปี 1935 จึงเริ่มมีการผลิตยาคูลท์ออกวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และมันก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและถูกวางจำหน่ายในประเทศต่างๆในเวลาต่อมาอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
2.ในปี 1953 คุณประพันธ์ เหตระกูล ได้รับทุนให้ไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณประพันธ์มีอาการท้องเสียและเขาก็ได้ดื่มยาคูลท์ และพบว่ามันทำให้ระบบลำไส้ของมนุษย์มีความแข็งแรงขึ้น และทำให้เขามีความคิดที่จะเอาอยากรู้มาวางจำหน่ายในประเทศไทยและถูกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยตั้งแต่นั้นปี 1970 ได้ก่อตั้งบริษัทยาคูลท์แห่งประเทศไทยจำกัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งการขายในช่วงแรกผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะคนกินส่วนใหญ่คิดว่าเอานมบูดเสียมาขายให้รึเปล่า และต่อมาบริษํทจึงค่อยๆทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบถึงประโยชน์ของยาคูลท์ที่ดีต่อสุขภาพและจากนั้นผลตอบรับจึงค่อยดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ
3.ทำไมยาคูลท์จึงมีขายแต่ขวดเล็ก แม้ขนาดความแตกต่างของแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างแต่นั่นก็เพียงเล็กน้อยและคุณทราบไหมว่าภายในอย่าพูดคนอย่างนี้มันมีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส คาเชอิสายพันธุ์ชิโรต้าอยู่ถึง 8 พันล้านตัวซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอที่จะสร้างความสมดุลให้ลำไส้ในแต่ละวันดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำขวดใหญ่มากไปกว่านี้
4.ในภาพยนต์เรื่อง to all the boy l've loved
before ที่เข้าฉายทาง netflixก็มีฉากที่ตัวเองต้องดื่มยาคูลท์อยู่ในนั้นด้วยโดยที่ไหนเนื้อเรื่องพวกเขากลับเรียกมันว่าสมูทตี้โยเกิร์ตจากเกาหลีและภายหลังจากการที่ออกอากาศมันก็กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ทำให้คนที่ไม่รู้จักยาคูลท์และอยากจะชิมกันเป็นจำนวนมากและคนที่รู้จักอยู่แล้วก็อยากจะซื้อไว้กินเช่นเดียวกันจนทำให้บางพื้นที่ยาคูลท์ถึงกับขาดตลาดกันเลยทีเดียว
5.ยาคูลท์ไม่ได้ขายแค่นมเปรี้ยวหลายคนอาจจะคิดว่ายาคูลท์มีขายแค่เพียงนมเปรี้ยว
แต่ในทางเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทางบริษัทแม่ได้แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆนั่นก็คือกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม และกลุ่มยารักษาโรคโดยที่ทางยาคูลท์มีความตั้งใจว่าเขาจะใช้ความรู้ความเข้าใจทางโปรไบโอติก พัฒนาสินค้าให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีในหลายๆด้านดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าพวกเขาจึงไม่หยุดที่จะพัฒนาการวิจัยต่างๆเพื่อเหตุผลนี้เอง
6.ยาคูลท์สำหรับคนท้องผูก อยากรู้สูตรดั้งเดิมนั้นจะมีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสทาเคอิสายพันธุ์ชิโรต้า8000ล้านตัว แต่สำหรับผู้มีปัญหาการขับถ่ายทางญี่ปุ่นจะมีการขายรุ่นพิเศษเรียกว่ายาคูลท์ 400 LTที่อัดแน่นไปด้วยจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสทาเคอิสายพันธุ์ชิโรต้าปริมาณถึง 4 แสนตัวกันเลยทีเดียว
7.ในปี 1972 ได้เกิดโรคระบาดอหิวาตกโลกไปทั่วย่านปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
ซึ่งในตอนนั้นก็ได้มีผู้ป่วยอาการหนักมาก 3 คนและได้นำเอายาคูลท์มาให้ผู้ป่วยทั้ง 3 คนดื่มและหยุดทานยาอื่นทั้งหมด ซึ่งผลออกมาก็ปรากฏว่าผู้ป่วยหยุดถ่ายหลังจากที่ดื่มผ่านไปแล้ว 3 ชั่วโมงจึงทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสโด่งดังเป็นอย่างมากในเวลานั้นและจึงทำให้ผู้คนหันมาดื่มยาคูลท์มากเป็นพิเศษในเวลาต่อมา
อ้างอิงจาก: ยาวิเศษ