หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผลไม้บำรุงผิวให้ขาวใส

โพสท์โดย buay1975

ผลไม้บำรุงผิวให้ขาวใส

ผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย การมีผิวพรรณที่ขาวใสไร้ริ้วรอยย่อมเป็นที่ต้องการของทุกคน การดูแลผิวพรรณสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ทั้งการทาครีมบำรุงผิว การรับประทานวิตามินเสริม และการใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การรับประทานผลไม้

ผลไม้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงผิวพรรณอีกด้วย ผลไม้บางชนิดมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใสได้ ดังนี้

  • มะเขือเทศ อุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยให้ผิวขาวใสและเรียบเนียน

  • ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง

  • มะละกอ อุดมไปด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และไลโคปีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง

  • แตงโม อุดมไปด้วยวิตามินซี ไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง

  • กีวี อุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส ไร้ริ้วรอย

  • แอปเปิ้ล อุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และใยอาหาร ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส ไร้ริ้วรอย

การรับประทานผลไม้เป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใสได้ อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวพรรณให้ขาวใสนั้น จำเป็นต้องดูแลจากภายในสู่ภายนอกด้วย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า

นอกจากผลไม้ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เช่น มะนาว ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น การเลือกรับประทานผลไม้นั้น ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน

การมีผิวพรรณที่ขาวใสไร้ริ้วรอยเป็นเป้าหมายของใครหลายคน ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมายให้เลือกสรร แต่การรับประทานผลไม้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวให้ขาวใสได้เช่นกัน ผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ ไลโคปีน เบต้าแคโรทีน เป็นต้น

วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของการเกิดริ้วรอย ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ส้ม มะละกอ ฝรั่ง กีวี แอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี เป็นต้น

วิตามินเอ

วิตามินเอช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และกระจ่างใส ผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ มะละกอ แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ เป็นต้น

ไลโคปีน

ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ผลไม้ที่มีไลโคปีนสูง ได้แก่ มะเขือเทศ แตงโม ทับทิม เป็นต้น

เบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และกระจ่างใส ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ได้แก่ แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอ เป็นต้น

นอกจากวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ผลไม้บางชนิดยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เช่น กรดผลไม้ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และอนุมูลอิสระ เป็นต้น

วิธีรับประทานผลไม้บำรุงผิว

การรับประทานผลไม้บำรุงผิวที่ดีที่สุด คือ การรับประทานผลสดโดยตรง เพราะจะได้คุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังสามารถรับประทานผลไม้ปั่น ผลไม้รวม หรือน้ำผลไม้ได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการรับประทานผลไม้

การรับประทานผลไม้มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด เป็นต้น ดังนั้น ควรรับประทานผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม ประมาณวันละ 2-3 ผล

ผลไม้บำรุงผิวให้ขาวใส เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ และปลอดภัยต่อสุขภาพ เพียงรับประทานผลไม้เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวใส ไร้ริ้วรอยได้

 ข้อมูลเพิ่มเติม

  • มะเขือเทศ (Tomato)

    เป็นพืชผักผลไม้สมุนไพร เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นตั้งตรง ลำต้นแข็งและเหนียว มีลักษณะเป็นพุ่ม มีสีเขียว มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม มีอายุเพียงปีเดียว เจริญเติบโตได้ง่ายๆ มีความสูงประมาณ 1-2 ม.ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ ออกดอกเป็นช่อหรือดอกเดี่ยว บริเวณซอกใบ ดอกมีสีเหลือง มีกลีบเลี้ยงสีเขียว ผลเป็นผลเดี่ยว จะรับประทานเมื่อสุก

มะเขือเทศมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ แถบเทือกเขาแอนดีสของบริเวณประเทศเปรูและซิลีในปัจจุบัน มะเขือเทศมีการปลูกกันมาเป็นเวลานานกว่า 7,000 ปี เดิมทีมะเขือเทศเป็นพืชป่า ต่อมามีการนำมาปลูกและปรับปรุงพันธุ์จนมีสายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายในปัจจุบัน

มะเขือเทศมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีเนื้อฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอม รับประทานได้ทั้งผลสด ผลสุก ผลดิบ ผลแห้ง และผลแปรรูปต่าง ๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ มะเขือเทศเปรี้ยว เป็นต้น มะเขือเทศนิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น แกง ต้ม ผัด ยำ สลัดและอาหารประเภทสลัด เป็นต้น

มะเขือเทศเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ไลโคปีน เบต้าแคโรทีน ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น

คุณค่าทางอาหารของมะเขือเทศ

มะเขือเทศ 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 18 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 3.9 กรัม
  • น้ำตาล 2.6 กรัม
  • เส้นใย 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • น้ำ 94.5 กรัม

วิตามินและแร่ธาตุในมะเขือเทศ

มะเขือเทศมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินเอ จำเป็นต่อการมองเห็น บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • ไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • เบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ธาตุโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ธาตุฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะไลโคปีน
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีธาตุโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีธาตุฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

วิธีรับประทานมะเขือเทศ

มะเขือเทศสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด ผลสุก ผลดิบ และผลแห้ง นิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น แกง ต้ม ผัด ยำ สลัดและอาหารประเภทสลัด เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานมะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นพืชที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้มะเขือเทศไม่ควรรับประทานมะเขือเทศหรือผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ และควรล้างมะเขือเทศให้สะอาดก่อนรับประทานเสมอ

  • ส้ม (Orange)

    เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นมีหนามเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบ ใบย่อยมี 3-7 ใบ รูปไข่หรือรูปรี ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลือง ผลเป็นผลเดี่ยว ผิวเปลือกหนา ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อฉ่ำน้ำ มีรสชาติเปรี้ยวหรือหวาน

ส้มมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบประเทศอินเดีย จีน และมาเลเซีย ปัจจุบันมีการปลูกส้มกันทั่วโลก ในประเทศไทยมีการปลูกส้มกันอย่างแพร่หลาย สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย ได้แก่ ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มโอ ส้มเช้ง เป็นต้น

ส้มมีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม เป็นต้น

คุณค่าทางอาหารของส้ม

ส้ม 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 47 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 11.2 กรัม
  • น้ำตาล 8.9 กรัม
  • เส้นใย 2.4 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.8 กรัม
  • น้ำ 86.4 กรัม

วิตามินและแร่ธาตุในส้ม

ส้มมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินซี สูงมาก มีค่าสูงถึง 131 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • วิตามินเอ จำเป็นต่อการมองเห็น บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • เบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของส้ม

ส้มเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

วิธีรับประทานส้ม

ส้มสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด น้ำส้ม และผลิตภัณฑ์จากส้ม เช่น เยลลี่ส้ม แยมส้ม เป็นต้น นิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น แกงส้ม ยำ สลัด เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานส้ม

ส้มเป็นผลไม้ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้ส้มไม่ควรรับประทานส้มหรือผลิตภัณฑ์จากส้ม

  • มะละกอ

    เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งในวงศ์มะละกอ สูงประมาณ 5–10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในมีโซอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในบริเวณเม็กซิโกตอนใต้ถึงอเมริกากลาง ก่อนนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะละกอเป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 5–10 เมตร ลำต้นมีสีเขียว แตกกิ่งก้านน้อย เปลือกลำต้นเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ใบรูปหัวใจ ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวง ยาว 25-100 ซม. ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกมีขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผลเป็นผลเดี่ยว รูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส

ชื่อวิทยาศาสตร์

Carica papaya L.

วงศ์

Caricaceae

ชื่อสามัญ

Papaya, Pawpaw, Tree melon

ชื่ออื่น

มะก้วยเทศ (ภาคเหนือ) หมักหุ่ง (ลาว,นครราชสีมา,เลย) ลอกอ (ภาคใต้) กล้วยลา (ยะลา) แตงต้น (สตูล)

คุณค่าทางอาหาร

มะละกอ 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 9.4 กรัม
  • น้ำตาล 8.9 กรัม
  • เส้นใย 2.3 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • น้ำ 88.7 กรัม

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม เป็นต้น

วิตามินและแร่ธาตุในมะละกอ

มะละกอมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินเอ จำเป็นต่อการมองเห็น บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • เบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • ไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ธาตุฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • ธาตุแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของมะละกอ

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และไลโคปีนสูง
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

วิธีรับประทานมะละกอ

มะละกอสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด น้ำมะละกอ มะละกอแก้ว มะละกอแกง มะละกอหวาน เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานมะละกอ

มะละกอเป็นผลไม้ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้มะละกอไม่ควรรับประทานมะละกอหรือผลิตภัณฑ์จากมะละกอ

  • แตงโม

    เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Cucurbitaceae อยู่ในตระกูลเดียวกับฟักทอง มะระ บวบ แตง แตงกวา เป็นต้น แตงโมมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา แถบประเทศแอฟริกาใต้ แตงโมมีการปลูกกันมาเป็นเวลานานกว่า 4,000 ปี เดิมทีแตงโมเป็นพืชป่า ต่อมามีการนำมาปลูกและปรับปรุงพันธุ์จนมีสายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายในปัจจุบัน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

แตงโมเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมี 3-5 ใบ รูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อย ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อ ดอกเพศเมียออกเป็นช่อเดี่ยว ผลเป็นผลเดี่ยว ผิวเปลือกหนา ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกมีสีแดง สีส้ม หรือสีเหลือง เนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดสีดำแทรกอยู่

ชื่อวิทยาศาสตร์

Citrullus lanatus Thunb.

วงศ์

Cucurbitaceae

ชื่อสามัญ

Watermelon

ชื่ออื่น

แตงไทย (ภาคกลาง) แตงจีน (ภาคเหนือ) แตงยักษ์ (ภาคใต้)

คุณค่าทางอาหาร

แตงโม 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 30 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 6.2 กรัม
  • น้ำตาล 5.6 กรัม
  • เส้นใย 0.6 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.6 กรัม
  • น้ำ 92.2 กรัม

แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ไลโคปีน โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม เป็นต้น

วิตามินและแร่ธาตุในแตงโม

แตงโมมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินเอ จำเป็นต่อการมองเห็น บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • ไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ธาตุฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • ธาตุแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของแตงโม

แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีวิตามินซีและไลโคปีนสูง
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและไลโคปีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยขับปัสสาวะ ขับของเสียออกจากร่างกาย
  • ช่วยแก้กระหายน้ำ
  • ช่วยคลายร้อน

วิธีรับประทานแตงโม

แตงโมสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด น้ำแตงโม และผลิตภัณฑ์จากแตงโม เช่น แตงโมเชื่อม แตงโมลอยแก้ว เป็นต้น นิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น แกงส้ม ยำ สลัด เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานแตงโม

แตงโมเป็นผลไม้ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้แตงโมไม่ควรรับประทานแตงโมหรือผลิตภัณฑ์จากแตงโม

  • กีวี 

    เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน แถบเทือกเขาหิมาลัย กีวีเป็นพืชในวงศ์ Actinidiaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Actinidia chinensis กีวีเป็นพืชที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย มีลำต้นยาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ใบรูปหัวใจ ขอบใบหยัก ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อ ผลเป็นผลเดี่ยว ผิวเปลือกมีขนปกคลุม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกมีสีเขียวอมเหลือง เนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดขนาดเล็กสีดำอยู่ภายใน

คุณค่าทางอาหาร

กีวี 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 49 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 11.5 กรัม
  • น้ำตาล 9.4 กรัม
  • เส้นใย 2.4 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • น้ำ 86.8 กรัม

กีวีเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม เป็นต้น

วิตามินและแร่ธาตุในกีวี

กีวีมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินซี สูงมาก มีค่าสูงถึง 93 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด
  • โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ธาตุฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • ธาตุแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของกีวี

กีวีเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยย่อยอาหาร เพราะมีเส้นใยสูง
  • ช่วยขับถ่าย ขับของเสียออกจากร่างกาย

วิธีรับประทานกีวี

กีวีสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด น้ำกีวี และผลิตภัณฑ์จากกีวี เช่น กีวีแช่เย็น กีวีเชื่อม เป็นต้น นิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีม เค้ก พาย เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานกีวี

กีวีเป็นผลไม้ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้กีวีไม่ควรรับประทานกีวีหรือผลิตภัณฑ์จากกีวี

นอกจากนี้ กีวียังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น กรดอะมิโน กรดไฟติก ไฟเบอร์ โพลีฟีนอล และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

  • แอปเปิ้ล

     เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลาง แถบประเทศอิหร่านและอัฟกานิสถาน แอปเปิ้ลเป็นพืชในวงศ์ Rosaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malus domestica แอปเปิ้ลเป็นพืชที่มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ใบรูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อ ผลเป็นผลเดี่ยว ผิวเปลือกบาง ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกมีสีแดง สีส้ม หรือสีเหลือง เนื้อกรอบ มีเมล็ดอยู่ภายใน

คุณค่าทางอาหาร

แอปเปิ้ล 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • พลังงาน 52 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 13.8 กรัม
  • น้ำตาล 9.8 กรัม
  • เส้นใย 2.4 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • โปรตีน 0.3 กรัม
  • น้ำ 86.6 กรัม

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม เป็นต้น

วิตามินและแร่ธาตุในแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น

  • วิตามินเอ จำเป็นต่อการมองเห็น บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
  • โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ธาตุฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • ธาตุแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

ประโยชน์ของแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น

  • ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ขาวใส ไร้ริ้วรอย เพราะมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีโพแทสเซียมสูง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • ช่วยย่อยอาหาร เพราะมีเส้นใยสูง
  • ช่วยขับถ่าย ขับของเสียออกจากร่างกาย

วิธีรับประทานแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด น้ำแอปเปิ้ล และผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ล เช่น แยม แอปเปิ้ลอบ เป็นต้น นิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิด เช่น เค้ก พาย ไอศกรีม เป็นต้น

ข้อควรระวังในการรับประทานแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แพ้แอปเปิ้ลไม่ควรรับประทานแอปเปิ้ลหรือผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ล

นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ฟลาโวนอยด์ โพลีฟีนอล และเคอร์ซิติน ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

โพสท์โดย: buay1975
อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
เว็บไซต์ของโรงพยาบาลศิริราช
เว็บไซต์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
เว็บไซต์ของโรงพยาบาลสมิติเวช
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
buay1975's profile


โพสท์โดย: buay1975
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: buay1975
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แปลปกสลากสัญจร จังหวัดชัยนาท งวด 1 มิถุนายน 2567เจออีกแล้ว "เศียรพระพุทธรูปริมน้ำโขง" ที่ลาวฮือฮา! ร่างทรงประทับพิธีบวงสรวงขอสร้าง "วังพญานาค""สวีท ฮาร์ท" หนึ่งในจระเข้ยักษ์ ในตำนานของประเทศออสเตรเลียภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ เท่าที่เคยมีการซื้อขายในโลกต้นBaobab Tree Tsitakakantsa อันศักดิ์สิทธิ์ Adansonia Grandidieri เบาบับที่ใหญ่ที่สุดในมาดากัสการ์"อ.เฉลิมชัย" ไม่สนดราม่า..ข้ามไปลาว เพื่อชมพระพุทธรูปที่ขุดได้ ลั่น! งดงามมากส่อง! 6 นางงามจักรวาล บนพรมแดงเมืองคานส์คาถาพลิกชีวิตของ หลวงปู่ศิลา สิริจันโท
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประจำ 4 ภาคของไทย"ภูมิใจไทย" ยืนยันจุดยืน ออกกฏหมายใช้กัญชาทางการแพทย์ เรียกร้องทุกภาคส่วนทำตามนโยบายรัฐบาลรู้หรือไม่ พระประจำวันเกิดของตัวเองเป็นพระพุทธรูปปางอะไรและมีลักษณะอย่างไร"ดวงตาสวรรค์" ปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ลอดปล่องถ้ำที่ จ.สระแก้วไขปริศนา! ปลายทางของ "รถดูดส้วม"..เขาเอาไปเทที่ไหน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
หมอเตือน 3 โรคนี้ ให้เพลาๆเรื่องในมุ้งรู้หรือไม่ พระประจำวันเกิดของตัวเองเป็นพระพุทธรูปปางอะไรและมีลักษณะอย่างไร"ดวงตาสวรรค์" ปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ลอดปล่องถ้ำที่ จ.สระแก้วคาถาพลิกชีวิตของ หลวงปู่ศิลา สิริจันโท
ตั้งกระทู้ใหม่