โรคสมาร์ทโฟนซินโดรม ภัยสุขภาพที่มาจากหน้าจอ
สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แทบจะถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่ 33 ของเราในทุกวันนี้ เราจะเห็นได้ว่าทุกคนก้มมองจอตลอดเวลา ซึ่งการจ้องสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ นั้น ทำให้เข้าข่ายเป็นโรค “สมาร์ทโฟนซินโดรม – Smartphone Syndrome” โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงทุกวัย
โรคสมาร์ทโฟนซินโดรม มีผลเสียต่อสุขภาพมากมาย อีกทั้งยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะหากใช้สมาร์ทโฟนในขณะที่ขับรถหรือเดินจนไม่มองทาง โดยสมาร์ทโฟนซินโดรมส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้
*สมาธิสั้น
*ปวดตา ตาแห้ง ตาแดงช้ำ
*ปวดหัว วิงเวียน
*ปวดข้อมือและนิ้วมือ
*มีความเครียด เพราะได้รับข้อมูลมากเกินจำเป็น
*นิ้วล็อค
*ซึมเศร้าวิตกกังวล
*ปวดกระดูก คอ บ่า
*อ่อนเพลีย เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ
*ระบบการเรียนรู้แย่ลง
เด็กติดมือถือ ผลกระทบต่อสมองและพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องระวัง!!!
รู้หรือไม่ว่า สมาร์ทโฟนเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ใช้เป็นสื่อในการเลี้ยงลูก ส่งผลกระทบต่อสมองและพัฒนาการของเด็ก!!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ โดยผลเสียจากการที่เด็กติดมือถือ แท็บเล็ต มีดังนี้
สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว
นอนหลับยากขึ้น คุณภาพการนอนลดล
การเรียนรู้ลดลง ความคิดสร้างสรรค์น้อยลง
ตื่นสาย เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
ระบบภูมิคุ้มกันไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนในการใช้เทคโนโลยีของลูกน้อย โดยควรจำกัดเวลาในการใช้งานไม่เกิน 60 นาทีต่อวัน และควรให้เริ่มใช้เมื่อเด็กอายุ 3 – 4 ปี และควรหากิจกรรมอื่นๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการเล่นมือถือ แท็บเล็ต
อ้างอิงจาก: เว็บต่างๆๆ