จะต้องจ่ายเพิ่ม กับสิ่งที่ต้องเจอเมื่อผิดชำระหนี้แค่ 1 ครั้ง
สิ่งที่ต้องเจอเมื่อผิดชำระหนี้แค่ 1 ครั้ง
ลูกหนี้บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล-สินเชื่อเช่าซื้อ-สินเชื่อบ้าน มาอ่านทางนี้!!!
เรื่องที่จะแชร์วันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เพียบด้วยประสบการณ์ผิดชำระมาแล้ว... (แต่บางท่านก็อาจจะไม่รู้หรือไม่ได้ใส่ใจต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหลังผิดนัดชำระ)
ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่า การผิดชำระหนี้ 1 ครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่จะต้องเจอมีดังนี้
1. ค่าติดตามทวงถาม
อันนี้โดนแน่ ๆ เพราะถือเป็นต้นทุนของเจ้าหนี้ โดยราชกิจจานุเบกษา 13 ส.ค. 64 ภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ เรื่องการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ ระบุว่า กรณีค้างจ่าย 1 งวด สามารถเรียกเก็บค่าติดตามทวงถามหนี้ไม่เกิน 50 บาท ต่อรอบการทวงหนี้ แต่หากค้างจ่ายมากกว่า 1 งวด สามารถเรียกเก็บได้ไม่เกิน 150 บาท ต่อรอบการทวงนี้ ซึ่งหากยังไม่จ่ายและโดนทวงเรื่อย ๆ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของพวกเราชาวลูกหนี้ทั้งหลายนะจ๊ะ
ขณะที่หากเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ/ลีสซิ่งรถยนต์ อาจจะมีการลงพื้นที่เพื่อตามหนี้ ซึ่งจะเกิดในกรณีค้างจ่ายมากกว่า 1 งวด จะถูกเก็บตามจริงแต่ไม่เกิน 400 บาทต่อรอบการทวงหนี้ สูงมากนะครับขอบอก
หมายเหตุ "1 รอบการทวงหนี้" = ตั้งแต่วันผิดนัดชำระหนี้ถึงวันครบกำหนดชำระงวดถัดไป และรอบการทวงหนี้ต้องไม่น้อยกว่า 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ด้วยนะ กรณีค้างชำระหรือถึงกำหนดชำระแต่ยอดหนี้สะสมไม่ถึง 1,000 บาท และหลังจากชำระหนี้ครบจำนวนแล้ว หรือได้บอกเลิกสัญญาแล้วตามกฎหมาย หากมีเงื่อนไขตามนี้แต่ยังโดนทวง แจ้งร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ได้เลย เพราะถือว่าเจ้าหนี้มีความผิด
2. ดอกเบี้ยผิดชำระ
เป็นดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยเดิมเมื่อเราผิดนัดชำระหนี้ ถือว่าเป็นค่าปรับสำหรับการชำระหนี้ก้อนดังกล่าวล่าช้าเกินระยะเวลาที่กำหนด
โชคดีที่ล่าสุดแบงก์ชาติปรับเกณฑ์ให้เป็นธรรมมากขึ้น โดยให้บวก "อัตราดอกเบี้ยผิดชำระหนี้ได้ไม่เกิน 3%" เช่น สัญญาเดิมคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 12% เมื่อผิดนัดชำระอัตราดอกเบี้ยก็จะกลายเป็น 15% นั่นเอง แม้จะลดลง แต่แค่นี้ก็ถือว่าเยอะแล้วนะครับ (ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ได้เอง เช่น กำหนดตามอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ 15% หรือบางกรณีสูงถึง 18% หรือ 22% มหาศาลเลยนะนั่น)
ขณะที่การคิดดอกเบี้ยผิดชำระหนี้แบบใหม่ ให้คิดจาก "เงินต้นที่ผิดนัดจริง" เท่านั้น จากเดิมที่ให้คิดบนฐานเงินต้นคงค้างทั้งหมด แม่เจ้า!!! ผมโดนมาแล้ว บอกเลยว่า จุก...
นี่คือต้นทุน 2 ประการที่ลูกหนี้จะโดนเรียกเก็บเพิ่มขึ้นหากผิดชำระหนี้ แม้จะดูว่าโหดน้อยลง แต่ก็ถือเป็นต้นทุนสำคัญ ดังนั้นไม่ควรผิดนัดชำระหนี้นะครับ
หรือหากมีปัญหา คิดว่าอาจจะไม่ได้จ่ายตามนัด ให้โทรแจ้งก่อนเลย อาจจะสามารถขอให้งดเว้นค่าใช้จ่ายเพิ่มได้ แต่ต้องมีกำหนดชำระใหม่ที่แน่นอน และชำระตรงเวลาที่ขอขยับขยายไปแล้ว
แต่หากช็อตจริง ๆ และมีความเสี่ยงต้องผิดนัดชำระหนี้มากกว่า 1 งวดขึ้นไป ซึ่งเสียหายแน่ ทั้งประวัติเครดิต ทั้งค่าใช้จ่ายเพิ่ม และอาจจะลุกลามถึงขั้นถูกฟ้องร้อง การเจรจาประนอมหนี้ เช่น ขอลดดอกเบี้ย, ขอยืดเวลาการชำระหนี้ หรือขอรีไฟแนนซ์ อาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกทางกว่าเงียบหายไปเฉย ๆ นะครับ
อ้างอิงจาก: https://www.bot.or.th/th/satang-story/managing-debt/default-interest.html
www.lumpsum.in.th/knowledge/read/worst-things-can-happen-if-you-dont-pay-cerdit-card-loans
ธนาคารแห่งประเทศไทย