วิถีสะใภ้กับแม่ผัว
สำหรับสะใภ้ที่ยังคงจำใจจำทนอยู่ในบ้านเดียวกันกับแม่สามี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เรารู้ว่า ณ ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาของเรา วิถีสะใภ้มีข้อแนะนำให้เราสามารถผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้อย่างสง่าและสวยงาม
คำว่าสวยงามสำหรับเราอาจจะไม่ได้หมายถึงชัยชนะในทุกๆเรื่องหรือสั่งให้ใครซ้ายหันขวาหันได้หมดทุกอย่าง แต่สวยงามในแง่มุมของความสงบสุข ความราบรื่นในการใช้ชีวิต มีความขัดแย้งน้อยลงในการสื่อสารและสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีเรื่องราวใหญ่โต
อันดับแรก คือการมองหาข้อดีในการอยู่ในสถานการณ์นี้ ให้ได้ ต้องหาให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ขอให้เรามองหามันให้เจอ เช่น การประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ การมีคนช่วยเป็นหูเป็นตาดูลูกให้ (จะได้ดั่งใจเราหรือไม่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง) การเป็นคนเสียสละเพื่อความสุขของลูกและสามี บ้านนี้อยู่ใกล้ที่ทำงานเรา หรืออะไรต่อมิอะไรที่เราพยายามจะมองให้เห็น
ข้อสอง คือเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เราต้องเจอ เราเคยอยู่บ้านของเราอย่างอิสระ อยากนอนตื่นสายแค่ไหนก็ได้ อย่างมากก็โดนพ่อแม่บ่น อยากทิ้งจานชามไว้ไม่ต้องล้าง ผ้าไม่ต้องซัก ลงมากินข้าวด้วยชุดนอนต่างๆนานา เราเคยทำได้ แต่มาวันนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าเราอาจจะทำไม่ได้เหมือนสมัยยังโสด และจริงๆแล้วเราก็จัดว่าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว นิสัยเดิมๆ ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง ข้อนี้ต้องยอมรับให้ได้
ข้อสาม หยุดหรือลดการเปรียบเทียบตัวเองกับชีวิตเพื่อนๆหรือคนอื่นๆ ครอบครัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน สามีเขาไม่ใช่สามีเรา พ่อแม่สามีเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่สามีเรา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะสามารถเปรียบเทียบกันได้ และเมื่อเปรียบเทียบไปก็เสียพลังงานเปล่าประโยชน์ในการคิด เพราะเรากำลังมองหาในสิ่งที่เราไม่มี เมื่อหมกมุ่นกับการเปรียบเทียบก็จะทำให้เรายิ่งท้อแท้ และคิดในทางลบมากขึ้น หมดพลังที่จะใช้ชีวิตต่อ ตึงเครียดและก็จะส่งผลกระทบกับคนรอบข้าง
ข้อสี่ ลดการพบปะสนทนากับคนที่เป็นพิษ ในที่นี้ก็คือทางนั้นนั่นแหละ พยายามหลีกเลี่ยง พูดคุยเท่าที่จำเป็น และถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ผู้อื่นสื่อสารแทน ซึ่งอาจเป็นลูกหรือสามี หรือแม่บ้านหรือใครก็ตามที่ไม่ใช่เรา
ข้อห้า พยายามหาทางระบายออกอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการหากิจกรรมที่เราชอบทำและอย่ารู้สึกผิดใดๆ ที่เราจะหาเวลานั้นเพื่อตัวเราเอง เช่นทำผมทำเล็บทำอะไรๆส่วนตัว
ข้อหก เข้าใจความจริงว่าเราไม่สามารถครอบครองอะไรได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งตัวเราเอง เราจะได้ลดละความยึดมั่นถือมั่นอันเป็นต้นเหตุของความทุกข์ สิ่งของผู้คนหรืออะไรก็ตามไม่มีความจีรังยั่งยืน สุดท้ายนั้นมันก็เสื่อมสลายไป รวมถึงความรู้สึกต่างๆด้วย
ข้อเจ็ด ต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันเรายังต้องอดทนกับสถานการณ์นี้ และจากข้อหกด้วยหลักความจริงว่าทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไปเสมอ เราจะได้มีความหวังว่าอะไรต่อมิอะไรมันจะดีขึ้น ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดี ทำตัวเองให้อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ ควรจะเป็น
ข้อแปด อย่าลดทอนคุณค่าตัวเอง ด้วยการไม่พยายามหารายได้เป็นของตัวเอง หรือรอคอยเงินทองจากสามีฝ่ายเดียว คนที่พอจะมีโอกาสทำมาหากินอย่าละทิ้งโอกาสนั้น ดูความเหมาะสมว่าเราสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ที่จะมีอะไรเป็นของตัวเองได้บ้าง สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าของเรา
ข้อเก้า อย่าล่วงเกินใครทั้งนั้น เราไม่ใช้ความหยาบคายสยบความหยาบคาย อย่าลดตัวต่ำลงเพียงเพราะมีใครแสดงความหยาบคายนั้นใส่เรา มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา วิธีที่ถูกต้องคือแสดงความชัดเจนในสิ่งที่เรายอมรับได้และยอมรับไม่ได้ เราไม่ชอบให้ใครทำอะไรกับเราก็อย่าทำแบบนั้นกับคนอื่น
ข้อสิบ ระลึกไว้เสมอว่า ความสงบสุขของเรามีค่ามากที่สุด เวลาของเรามีค่ามากที่สุด และมันย้อนคืนมาไม่ได้ มันไม่คุ้มที่จะไปคอยคิดแก้แค้น เอาคืน หรือโต้ตอบกับคนที่ไม่มีคุณค่าให้เสวนาด้วย หรือไปให้ค่ากับคำนินทาอะไรต่อมิอะไร ที่มันไม่ใช่ตัวเรา เข้าใจมั้ย
✌🏻✌🏻✌🏻 ลูกสะใภ้ทั้งหลาย