ดอกไม้อะไรกินได้ช่วยบำรุงหัวใจและลดความดันโลหิต
ดอกชบากินได้ช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต
ดอกชบา นิยมปลูกกันหลากหลายบ้าน เนื่องจากเป็นพืชดอก ขนาดพุ่มกลาง และตัวดอกชบา ลักษณะมีสีหลากหลายสี ต่างประเทศถึงกับตั้งสมญานามให้ดอกชบาว่าเป็น ราชินีแห่งไม้ดอกเมืองร้อน (Queen of tropical flower) นอกจากนี้ดอกชบายังเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศจาไมก้า ประเทศมาเลเซีย และรัฐฮาวายอีกด้วย ซึ่งหลายคนมักนิยมนำดอกชบามาทัดหู
สรรพคุณของดอกชบา
ดอกชบาช่วยรักษาโรค ยอดอ่อนก็กินสมุนไพรที่มีสีแดงช่วยบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ผู้หญิงต้องกินเป็นประจำ ดอกชบาสีแดงมีสารที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน เช่นเดียวกับอัญชัน สารนี้มีคุณสมบัติช่วยการไหลเวียนของเลือด และมีรายงานการศึกษาฤทธิ์ แอนโทไซยานิน ในการปกป้องหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น ดอกชบาช่วยลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ช่วยคลายเครียด ในดอกชบายังมี วิตามินซี สารโพลีฟีนอลและโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งช่วยให้แผลหายเร็ว มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกัน และชะลอความชรา
วิธีการนำดอกชบามาใช้รักษาโรค
1.ลดไข้ตัวร้อนในเด็กและผู้ใหญ่: นำใบชบามาขยำกับน้ำให้เข้ากันจนเมือกเหนียวจากใบออกมา แล้วนำผ้าขนหนูผืนเล็กมาแช่ในน้ำสมุนไพร จากนั้นนำมาวางหรือแปะไว้ที่หน้าผากคนไข้ พร้อมทั้งชโลมศีรษะให้เปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลา
2.บำรุงเลือดผู้หญิง: นำรากมาต้มอาบบำรุงเลือดในผู้หญิง เอาดอกมากินเป็นผัก
3.บำรุงผมให้แข็งแรง ดกดำเงางาม ป้องกันผมร่วง: นำใบชบาขนาดพอประมาณ มาขยำในน้ำให้เข้ากันจนน้ำเป็นสีเขียวหรือน้ำเมือกเหนียวจากใบออกมา นำมากรอง แล้วนำมาใส่ผม หมักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือสามารถนำใบมาขยำกับกากหรือหางกะทิให้เข้ากัน นำมากรอง แล้วนำมาใส่ผม หมักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีเช่นกัน แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
4.น้ำชบา ส่วนประกอบ ดอกชบาสีแดง 3-4 ดอก น้ำสะอาด 1แก้ว 250 ซีซี น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
วิธีทำ ต้มน้ำจนเดือด ใส่ดอกชบาสดแล้วปิดไฟทันที ตั้งทิ้งไว้ให้น้ำชบาเย็น ใส่น้ำผึ้ง คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
ลักษณะเด่นของต้นดอกชบา
ชบานั้นเป็นไม้พุ่มขนาดกลางขนาด 1-3 เมตร และอาจสูงได้ถึง 7-10 เมตร เป็นไม้เนื้ออ่อน มีเปลือกไม้ค่อนข้างเหนียว ใบมีลักษณะค่อนข้างมนรี มีปลายแหลม ขอบของใบเป็นจักเล็กน้อย และมีสีเขียวเข้ม ไปจนถึงสีเขียวอ่อน ชบานั้นถูกจัดอยู่ในพืชมีดอกสกุล Hibicus เป็นพืชพื้นเมืองในทางเอเชียตะวันออก ตัวดอกชบานั้นมีทั้งแบบกลีบชั้นเดียวและกลับหลายชั้น หากเป็นชั้นเดียวปกติจะมีกลีบดอก 5 กลีบ มีก้านเกสรตัวผู้ยื่นออกมาอยู่ตรงกลางดอกหนึ่งก้าน ปลายสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ลักษณะของกลีบดอกชบามีขนาดใหญ่ และมีหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีแดง สีแสด สีเหลือง สีม่วง สีชมพู และสีอื่นๆ โดยลัษณะของดอกชบาสามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 1. ดอกบานเป็นรูปถ้วย 2. ดอกบ้านเป็นรูปแผ่นแบน 3. กลีบดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
การปลูกและการขยายพันธุ์ต้นชบา
1.การปักชำ โดยการปักชำนั้นต้องเตรียมกิ่งชำขยาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ทำการลิดใบบางส่วยออก เพื่อลดการคายน้ำ และตัดส่วนโคนในแนวเฉียง กรีดตามความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร 2-3 รอยที่โคนกิ่ง วัสดุที่มักนำมาใช้ในการชำต้นชบาได้แก่ ทรายผสมขี้เถ้าและแกลบในปริมาณเท่าๆกัน ปักกิ่งชำลงไปในแนวเฉียงเล็กน้อย ให้แต่ละกิ่งมีระยะห่างกันอยู่ที่ประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วนำไปไว้ในกระบะ หลังจากนั้นหุ้มด้วยพลาสติก ประมาณ 2 สัปดาห์กิ่งชำจะเริ่มมีรากกงงอกออกมา ค่อยทำการย้ายไปปลูกในกระถาง หรือถุงต่อไป ซึ่งวิธีการปักชำนั้น สามารถทำให้ได้ต้นจำนวนมาก
2.การเสียบยอด เนื่องจากต้นชบามีความแข็งแร็ง ทนต่อสภาพแวดล้อม ให้เลือกลำต้นตอของต้นชบาที่ลักษณะลำต้นตรง ลิดใบออกบางส่วนแล้วตัดยอดออก หลังจากนั้นใช้มีดผ่าลงกลางรอยตัดให้มีความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร สำหรับกิ่งพันธุ์ที่ตัดมานั้นต้องมีตาอย่างน้อย 2-3 ตา ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เฉือนโคนทั้งสองด้านให้เป็นรูปลิ่ม รอยเฉือนหน้ายาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เสียบลงบนต้นตอให้รอยแผลทาบกันสนิทพอดั พันพลาสติกจากล่างขึ้นบนให้แน่น หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วแกะพลาสติดออกก เพื่อตรวจสอบดูรอยแผลว่าแนบสนิทกันดีหรือไม่ วิธีการเสียบยอดนี้ มีข้อดีทำให้ได้ต้นพันธุ์ดีเจริญเร็ว