รีสอร์ตผีสิง !
รีสอร์ตผีสิง
"ก้อย" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อไปเที่ยวพัทยา
นรี เป็นคนที่กลัวผีที่สุด และจะเจอผีบ่อยที่สุดด้วย แต่พวกเรามักจะหัวเราะขำเธอมากกว่าจะเชื่อสิ่งที่เธอเล่า นั่นก็เพราะเราเห็นเธอเป็นคนขี้ตื่นขี้กลัวไปเองค่ะ
และนี่คือสาเหตุของเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้!
พวก เราเป็นนักศึกษาปี 4 เทอมนี้ หมายถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปเราต้องฝึกงานกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามที่หาสถานที่ไว้ ดังนั้น ก่อนหน้าที่จะฝึกงานซึ่งออกจะหนักหนาสาหัสเอาการ เราจึงมีแผนจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้ง...สนุกส่งท้ายไงคะ
กลางเดือน ตุลาคมเราเลือกไปเที่ยวพัทยา เราจองรีสอร์ตที่ริมหาดพัทยาเหนือเอาไว้ แต่พอไปถึงที่นั่นเราก็ใจฝ่อไปเหมือนกัน รีสอร์ตนั้นค่อนข้างเก่า ด้านหน้าเป็นลานจอดรถ ถัดเข้ามาเป็นร้านอาหารแต่ดูเงียบเชียบพิกล คนขายก็หน้างอๆ ไม่รับแขกเอาซะเลย
บริเวณที่พักอยู่ลึกเข้าไปจากร้าน อาหาร สร้างเป็นแถวสองฝั่งหลังเล็กๆ มีห้องชุดสองห้องติดกัน พอเปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องรับแขกแล้วจึงเป็นประตูเปิดสู่ห้องนอน มีเตียงเก่าๆ ขนาดคิงไซซ์ เก้าอี้ยาว โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ทีวีและห้องน้ำ...ดูอับทึบน่ากลัวบอกไม่ถูก
เราไปกัน 13 คน จองไว้ 3 ห้องชุดเรียงติดต่อกัน แต่เห็นสภาพแล้วอยากคืนห้องไปอยู่ที่อื่น บังเอิญเป็นช่วงวันหยุดที่ผู้คนมาเที่ยวกันเยอะ เราก็เลยตกลงใจว่าอยู่ที่นี่ก็ได้ เอาไว้แค่อาศัยนอน ตอนกลางคืนเราจะเที่ยวจนดึกถึงจะกลับมา... แค่ 2 คืนคงจะไม่เป็นไรน่า
คน ที่ดูไม่สบายใจที่สุดคือนรีตามฟอร์ม เธอบ่นตลอดว่าน่ากลัว แถมยังบอกว่าตอนเข้ามาเก็บของน่ะ เห็นผู้หญิงผมยาวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังมองพวกเราอยู่ด้วย
ฉันเริ่มมีโมโหนิดๆ เพราะต้องนอนห้องนี้กับเธอและจุ๋งกับปลา รวม 4 คน คำพูดของนรีทำให้เราไม่สบายใจ...เธอต้องคิดไปเองอีกแน่ๆ
ห้า โมงเย็น เราหิวก็เลยกินข้าวผัดกันอิ่มแปล้ นรีบอกว่าจะนอนสักพักหนึ่ง แล้วตื่นตอนค่ำๆ หรือ 3-4 ทุ่มที่เราจะออกเที่ยว ให้ปลุกด้วย...พอเห็นนรีหลับเราก็วางแผนย่องออกจากห้องและล็อกประตูข้างนอก ไว้ กะว่าคืนนี้ทั้งคืนจะแกล้งขังให้ยัยนรีนอนคนเดียวให้เข็ด
สาม ทุ่มกว่า นรีโทร.เข้ามือถือของฉัน แล้วบอกว่าออกจากห้องไม่ได้เพราะเราล็อกเธอไว้ เสียงของนรีทั้งกลัวทั้งโกรธ เราก็แก้ตัวว่าเห็นเธอหลับสนิทไม่อยากปลุก กะว่าจะปลุกอีกทีตอนใกล้สี่ทุ่มจะได้ไปดูโชว์กัน แต่เกิดกุญแจหายกำลังตามแม่บ้านอยู่
ครึ่งชั่วโมงจากนั้นนรีโทร.มา อีก บอกว่ากลัวมากเหลือเกิน ในห้องมีอะไรแปลกๆ เธอได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อ และในห้องน้ำก็มีเสียงเหมือนคนอาบน้ำ ส่วนในห้องรับแขกก็คล้ายมีคนเดินไปเดินมา ไฟก็เสีย ทำให้ห้องรับแขกมืดมาก
พวก เราที่รวมตัวอยู่อีกห้องหนึ่งหัวเราะกันใหญ่ ที่เราทำไปเพราะหมั่นไส้ อยากแกล้ง ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเลย จุ๋งบอกว่าสักตีหนึ่งก็กลับไปอยู่กับนรีเถอะ สงสาร! เราทั้งหมดเห็นด้วย ว่าแล้วก็ออกไปเที่ยวกัน นรีโทร.หาเราแทบทุกสิบนาที เธอกลัวมากเพราะเชื่อว่ามีบางสิ่งบางอย่างเหนือธรรมชาติอยู่ในห้องนั้นตลอด เวลา
ตีสองเรายังเพลิดเพลินกับแสงสีจนลืมนรีไปสนิท มานึกได้อีกทีเกือบตีสามเราก็เลยกลับห้อง...น่าแปลกที่ตั้งแต่ห้าทุ่ม นรีไม่โทร.หาเราเลย!
ตีสามกว่าๆ ฉันไขประตูเข้าไป รู้สึกผิดนิดหน่อยว่าเราแกล้งเพื่อนแรงไปหน่อย...
ภาพ ที่เห็นเมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนทำให้ฉันใจหายวาบ นรีนั่งซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง ตาเบิกกว้าง ตัวแข็ง ไม่พูดไม่จาเหมือนคนเสียสติไปแล้ว...พวกเราทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ กลุ้มใจในอาการของนรีที่ดูเหมือนช็อกเพราะตกใจสุดขีด
พนักงานคนหนึ่ง ของรีสอร์ตมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา ฉันคุยกับเขาและบอกว่าเราเล่นแกล้งกัน แต่เพื่อนคนนี้สติแตกไปจริงๆ เขาทำท่าอึกอักก่อนจะบอกให้เราพานรีไปหาหมอดีกว่า
"ห้องนี้มีอะไร แปลกๆ อยู่จริงๆ" เขาพูดก่อนจะบอกเราไม่ให้ปริปากบอกใคร...ในห้องนี้เมื่อหลายปีก่อนมีเรื่อง ฆ่ากันตายจริงๆ ผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพูถูกฆ่าหมกศพไว้ใต้เตียง และมีคนมาพบศพ 3 วันจากนั้น
ถ้างั้น สิ่งที่นรีเห็นก็เป็นจริงน่ะซี!!
ฉันสงสารเพื่อนใจแทบขาด และสำนึกผิดจนไม่รู้จะขอโทษเพื่อนยังไง
ทุก วันนี้นรียังต้องไปพบจิตแพทย์ เธอเป็นโรคซึมเศร้าและกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ฉันกับจุ๋งรับผิดชอบงานนี้โดยพานรีไปพบแพทย์ตามนัด พวกเราเพื่อนๆ ทั้งหมดที่มีส่วนร่วมต้องรวบรวมเงินจ่ายค่ารักษา ซึ่งไม่ใช่ถูกๆ เลย แต่เรายอมทำทุกอย่างให้เพื่อนหายและกลับมาเป็นคนเดิม...พวกเรารู้สึกผิดบาป จริงๆ ค่ะ!