ความรักที่แม่ให้ คือยาฆ่าตัวตายที่ลูกยื่นให้แม่
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เกิดมาในครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ตั้งแต่เกิดมาเธอก็อยู่กับแม่กันแค่สองคนมาโดยตลอด เธอไม่มีญาติพี่น้อง หรือใครอื่นนอกจากแม่ แม่เป็นเพียงครอบครัวคนเดียวที่เธอมี เพราะเป็นเพียงสิ่งเดียวในชีวิตแม่ แม่จึงรักและดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอด แม่ทุมเทให้เธอทุกสิ่ง แม่มีอาชีพเป็นทนาย แม่ของเธอเป็นผู้หญิงเก่งและเข็มแข็ง และหาเงินได้มากพอที่จะเลี้ยงดูให้เธอได้อยู่อย่างสบาย
ความรักมากมายของแม่ กลายเป็นความคาดหวัง และเปลี่ยนเป็นความกดดัน เพราะเธอเป็นสิ่งเดียวในชีวิตแม่ เธอจึงเหมือนถือครองความหวังของแม่ไว้ตลอด เวลาผลการเรียนของเธอออกมาดี แม่จะภูมิใจและอวดเรื่องนี้กับทุกคนที่แม่รู้จัก แต่ถ้าคะแนนตกเธอรับรู้ได้ถึงความผิดหวังมากมายของแม่ แม่จะเครียดใส่ และเข้มงวดกับเธอมากขึ้น ใส่อารมณ์กับเธอจนเธออยากจะร้องไห้ และรู้สึกว่าทุกอย่างมันคือความผิดเธอ เธอเริ่มรู้สึกตัวเองไร้ค่าที่ไม่อาจทำให้แม่ภูมิใจได้ " แม่เป็นคนเก่ง และลูกสาวของแม่ก็ควรจะเก่งเหมือนแม่ "
แต่บางครั้งถึงแม้เธอจะพยายามเท่าไหร่ ในบางเรื่องที่เธอไม่ถนัดเธอไม่สามารถทำให้มันออกมาได้ดีจริง ๆไม่ใช่ไม่พยายาม แต่มันสุดความสามารถแล้ว ทุกครั้งที่มีอะไรไม่สบายใจ เธอไม่มีพี่น้อง ญาติ เพื่อนสนิทก็ไม่มี เธอเลยไม่มีที่ปรึกษา สมุดไดอารี่จึงเป็นที่ระบายเพียงสิ่งเดียวของเธอ
ระยะหลังแม่เข้มงวดกับเธอมากขึ้น เพราะห่วงเรื่องสอบเข้า ม. ปลาย แม่มักบ่นเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังเสมอ แม่เพิ่มเวลาเรียนพิเศษให้เธอ เดิมทีเธอก็แทบไม่มีเวลาว่างอยู่แล้ว แม่จัดตารางเรียนพิเศษให้เธอทุกวัน ทั้งเรียนเปียโน เรียนเต้นบันเล่ต์ วาดภาพ ฯลฯ ไม่ว่าอะไรที่แม่ชอบถึงแม้เธอไม่ชอบเธอก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ บางครั้งเธอเหนื่อย ไม่สบาย หรืออยากพักแม่ก็ไม่ฟัง
วันไหนที่เธอขาดเรียนกลับมาบ้านแม่จะโวยวายใส่โดยไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น เพื่อนในห้อง ทุกคนมีเวลาไปดูหนังวันหยุด มีเวลานัดกันไปเดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือทำอะไร ๆ แบบที่เด็กวัยรุ่นทำ แต่เธอไม่มีสิทธิ์เลย
เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ไปเที่ยวหรือนัดเจอเพื่อน ทำให้เธอไม่สนิทกับใครเลย ตอนที่ขึ้น ม. 3 ตอนแรก ๆ เธอบังเอิญได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง เขาเป็นเด็กผู้ชายที่สนุก ชอบมาคุยมาเล่นกับเธอ ทั้งคู่นั่งโต๊ะติดกัน และสนิทกันไปในที่สุด เพื่อนสนิทคนแรกในชีวิต
เธอเริ่มแอบโดดเรียนพิเศษไปเที่ยวกับเพื่อน หรือบางครั้งก็แอบนอนคุยโทรศัพท์กันจนดึก ทำให้ช่วงหลังผลการเรียนในบางวิชาของเธอแย่ลง ถึงจะไม่มาก แต่สำหรับแม่มันคือเรื่องใหญ่จริง ๆ สุดท้ายแม่ก็รู้เรื่อง แม่โมโหจนควันออกหู ทั้งด่าว่าและยึดโทรศัพท์ และห้ามไม่ให้เธอคบกับเพื่อนชายคนนั้นอีก เธอร้องไห้ไม่หยุด
1 อาทิตย์ผ่านไป เธอก็คิดได้ว่าตัวเองจะทำอะไร หัวค่ำคืนหนึ่งของวันเสาร์ หลังจากที่แม่เลิกงานกลับมาบ้าน หลังจากทานข้าว ตอนที่แม่กำลังจะไปอาบน้ำ เธอก็บอกกับแม่ว่า ถ้าแม่อาบน้ำเสร็จเธอจะช่วยนวดไหล่ให้แม่ ตอนที่แม่ออกมาจากห้องน้ำ เธอนั่งรออยู่ แม่จึงเดินไปนั่งบนเตียงให้เธอเข้ามานวดไหล่นวดคอเหมือนทุกครั้ง ตอนที่กำลังนวดให้แม่อย่างเพลิน ๆ เด็กสาวก็หยิบเชือกที่เตรียมเอาไว้ออกมารัดคอแม่จากทางด้านหลัง แม่ทั้งตกใจและร้องตะโกนว่า "ทำอะไร ๆ" แม่พยายามดิ้นหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนั้นเด็กสาวเองก็กลัวจนร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่หยุดเธอรัดแรงขึ้น ๆ ไม่นานเรื่องทุกอย่างก็จบ ดวงตาของแม่เบิกโพลงดูน่ากลัว ลำคอพับลง แขน ขา ตก เธอร้องไห้โฮ กับสภาพของแม่ และรู้สึกเศร้า เธอปล่อยร่างไร้ลมหายใจของแม่ไว้บนเตียง แล้วก็เดินไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาเพื่อใส่ร่างของแม่ หลังจากนั้นก็พยามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอใช้ชีวิตปกติ กิน นอน ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ
สองวัน 1 คืน หลังจากแม่ตาย ศพของแม่ยังคงอยู่ในกระเป๋าตอนที่เพื่อนร่วมงานของแม่แวะมาหาที่บ้าน เพื่อนร่วมงานบอกว่าทั้งที่นัดกันไว้เรื่องงาน แต่กลับติดต่อกับแม่ไม่ได้ เด็กสาวได้แต่อ้างแบบตะกุกตะกักไปมั่ว ๆ แต่เพราะเธอเป็นแค่เด็กสาวอายุ 15 ส่วนอีกฝ่ายเป็นทนาย ไม่ยากเลยที่เขาจะรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อซักไซ้เธอมาก ๆ ในที่สุดเด็กสาวก็ปล่อยโฮแล้วร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด เธอพาเขาไปที่ห้องนอนแม่ และชี้ให้ดูที่กระเป๋า เขาจึงเดินไปเปิดดู นั่น ทำให้เขาตกใจแทบช็อคกับสิ่งที่ได้เห็น ....
ที่น่าเศร้าคือ เด็กสาวไม่มีญาติคนอื่นให้ติดต่อได้เลย ตำรวจทำได้แค่ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลเยาวชน มัน .... เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ไม่มีใครบอกได้ว่าเรื่องนี้ความผิดความถูกอยู่ที่ฝ่ายไหน จริง ๆ ไม่อยากให้มาหากันหรอกว่าแม่ผิด หรือลูกผิด คนนั้นดี หรือคนนี้เลว มันเลยจุดนั้นไปไกลแล้ว อยากให้มองลึกลงไป ในวิธีป้องกันและแก้ไขปัญหากันมากกว่า ว่าควรจะยังไงเคสแบบนี้ถึงจะหมดไปเสียที