สมุดบันทึกเก่า ๆ
22 เมษายน 2520
วันนี้เราตื่น 11 โมงกว่าพอดีพูนกลับจากทำงาน เราเลยปลุกไอ้ธรรมตื่นอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ พูนเรียกกินข้าว พูนก็น่าสงสารเงินก็ไม่ค่อยมี ยังอุตส่าไปซื้อกับข้าวมาให้เรากิน เราเลยให้ไอ้ธรรมไปซื้อมาอีกอย่างหนึ่ง กินข้าวเสร็จคุยกับพูนว่าประเดี๋ยวจะกลับบ้านกัน พอดีทิดเดชกลับมาชวนเราอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง และคืนนี้ประมาณสองทุ่ม ทิดเดชชวนไปงานแต่งงานแฟนเก่าเขา เราไม่อยากจะไปเพราะเราไม่ได้รับเชิญ แต่ทิดเดชคะยั้นคะยอให้ไปจนได้เราเลยไปกันสี่คนมี เรา ธรรม ทิดเดช และสั้น เสียดายที่พูนไม่ได้ไปด้วยเพราะพูนต้องไปทำงานห้าโมงเย็น เราไปถึงบ้านงานเราแปลกใจใหญ่แถวนั้นเป็นคนอิสลามทั้งนั้นเลย เราไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าบ้านเจ้าสาว เจ้าสาวมาเชิญขึ้นบ้านเราก็ยังไม่กล้าขึ้นบ้านกัน เรายืนกันอยู่ข้างล่างอีกพักหนึ่ง พอดีสายตาเราเหลือบไปเห็นผู้หญิงใส่เสื้อสีเขียว และกระโปรงสีเดียวกัน ช่างบังเอิญเหลือเกิน ที่แท้ก็จุ๋มแฟนเก่าเรานั่นเอง.. ก็ยายจุ๋มคนที่ทำงานอยู่ เฟรนชิพคอฟฟี่ชอฟไงละ ..! เธอเป็นแฟนเราตอนที่เรารับจ๊อบร้องเพลงตามคาเฟ่ไง และเราเจอเล็กด้วยเล็กกำลังจะกลับพอดีเราเลยเรียกมาคุยได้แปร๊บเดียว ได้ความว่ามาช่วยงานเขา รู้จักกัน พอดีเขามาเชิญเราขึ้นบ้านอีกเราจำเป็นต้องขึ้นไปแล้ว เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง ขึ้นไปบนบ้านเรายิ่ง งง ขึ้นไปอีก มันเป็นพิธิของอิสลามทั้งนั้นซึ่งเราไม่คุ้นเคยเลย ดีแล้วที่เจ้าสาวเลิกกับทิดเดชเพราะแกเป็นชาวพุทธ ไม่งั้นแกโดนขลิบแน่ ..และแกชอบกินเหล้าด้วยส่วนอิสลามเขาไม่ชอบกินเหล้า แล้วเขาก็เอาอาหารมาให้เรากิน ถาดเดียวรวมกันกับแขกที่มาในงานกลุ่มใหญ่ ใช้มือเปิบกันทุกคน ถ้าไม่กินถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ก็อร่อยกันอีกแบบหนึ่ง เจ้าสาวเอาของที่ระลึกมาให้ เรายังเขินกันเลยเพราะไม่มีซองให้เขา ก็เขาไม่ได้เชิญเรามาสักหน่อย ต้องโทษทิดเดชคนเดียว
กลับมาถึงบ้านทิดเดชประมาณสี่ทุ่มกว่า หุงข้าว
กินกันอีก แล้วนั่งกินเหล้าขาวไปด้วย เพราะความกลุ้ม รูปก็ยังไม่ได้ถ่าย ( ซึ่งสมัยนั้นเป็นสิ่งยุ่งยากมาก ) คิดถึงมะลิวรรณก็คิดถึง เลยนั่งร้องเพลงเศร้า ๆ อยู่หน้าห้องตั้งหลายเพลง เสร็จแล้วเราก็เข้านอน
" จากสมุดบันทึกเก่าบางช่วงชีวิต เขียนด้วยสำนวนบ้าน ๆ ครับ "