หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คิดแบบนี้ แล้วความสำเร็จจะวิ่งเข้ามาหาคุณ

โพสท์โดย luckyforme

          เปลี่ยน Mindset ของคุณ แล้วชิวิตจะเจอกับความสำเร็จ    

        ถ้าคุณอยากมีชีวิตอยู่ในช่วงขาขึ้นไปยาวๆ  อยากวิ่งออกจากชีวิตช่วงขาลง  ลองมาอ่าน 3 ข้อต่อไปนี้ ถ้าคุณเอาไปใช้อย่างจริงจัง มันจะทำให้คุณแตกต่างจากคนอีก 99% ในสังคมที่คุณอยู่  และเห็นความเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงานการเงินของคุณอย่างชัดเจน

       

ข้อที่ 1

        ถ้าคุณเข้าใจไม่ว่าคุณจะย้ายไปอยู่ในอาชีพไหน  งานไหน  คุณก็ยังโตวันโตคืนอยู่วันยังค่ำ  เคยได้ยินไหมว่า  เราขายตัวเองอยู่ตลอดเวลา  เช่น  ไม่ว่าจะขายของ  ขายแรงงาน  หรือขายความสามารถก็ตาม  คุณจะขายอะไรก็ได้  แต่คุณต้องเป็นที่ 1 แล้วอย่าไปโฟกัสผิดจุดเพราะคนที่เขาเป็นที่หนึ่ง  เขาไม่ได้ทุ่มเวลาทั้งหมดไปรักษามาตรฐานของตัวเอง  แต่มันตรงกันข้าม  เขาจะใช้เวลาไปยกระดับมาตรฐานของตัวเองให้สูงขึ้น  มีการตั้งคำถามหนึ่งจากหนังสือ wink มั่งคั่งกว่าที่ตาเห็น  เขาบอกว่า  ถ้าคุณกำลังทำงานทำธุรกิจอยู่ในโรงแรมระดับ 2 ดาวคุณคิดว่า โรงแรมนี้จะดึงดูดคนแบบไหนเข้ามา  คำตอบก็คือคนระดับ 2 ดาวอยู่แล้ว  แต่ถ้าเราขยับมาตรฐานให้คุณภาพการทำงานเหมือนในระดับโรงแรม 5 ดาว  คุณก็จะไม่มีวันเห็นคนในระดับ 2 ดาวข้ามเส้นมาพักอาศัยที่นี่  ให้ทางตรงข้ามคุณจะดึงดูดคนที่เขามีระดับเดียวกันกับคุณไม่ได้จำกัดอยู่แค่ลูกค้านะ แต่รวมถึงคนที่เข้ามาร่วมงานกับคุณด้วย  ยกตัวอย่างเรื่องราวของลุงจิโร่ ยังจำกันได้ไหม ลุงจิโร่เป็นเทพเจ้าซูชิระดับโลก  ในสารคดีของเขาที่ยาวเป็นชั่วโมง  ส่วนใหญ่แล้วเท่าที่ฟัง  เขาามักจะเอาโฟกัสของตัวเองไปอยู่กับการยกระดับมาตรฐานให้ซูชิของตัวเองมันอร่อยกว่าเมื่อวาน  ลุงเล่าว่า เขาไม่ชอบช่วงปีใหม่ที่สุดเลยเพราะมันหยุดนานเกินไป  เขาอยากจะกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด  คนทั่วไปก็คงไม่คิดกันแบบนี้  ลุงเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับการทำงานมากเลย  สังเกตดู  ถ้าคุณเคยกินซูชิ  มันจะมีหลายหน้า  มีหน้าปลาแซลมอน  หน้าสาหร่าย  หน้าปลาหมึก  ก็จริงจังถึงขนาดที่ว่า  เวลาจะเอาปลาหมึกมาทำซูชิ  ลุงบอกว่าการเตรียมปลาหมึกของผมมันก็ดีอยู่แล้วนะ  แต่หลังจากที่ผมพัฒนาเทคนิคขึ้นไปอีกจากเดิมที่เคยนวดปลาหมึก 30 นาที  ตอนนี้ต้องนวดปลาหมึกถึง 40-50 นาทีเลยนะ  คุณคงจะนึกภาพออกว่า  ถ้าเราไปสมัครงานกับลุง  จะต้องผ่านด่านอะไรบ้าง  เพราะว่าลุงฝึกโหดชนิดที่ว่า  เคยมีเด็กฝึกงานบางคนมาได้วันเดียวลาออกเลย  ถึงอย่างนั้นก็ตาม  งานหรือธุรกิจที่ลุงทำก็ดึงดูดแต่คนในระดับ5ดาวทั้งนั้นเลย  อย่างที่เรารู้รู้กัน  แม้แต่ประธานาธิบดีก็มาเป็นลูกค้าของลุง  ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ  เบื้องหลังของลุง  คนที่เข้ามาร่วมงานด้วยจะเป็นเซียนในเรื่องนั้นหมดเลย  ไม่ว่าจะเป็นคนขายปลาขาย  คนขายกุ้ง เขาจะเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดให้กับลุง  ถึงขนาดที่ว่ามีพ่อค้าขายข้าวคนหนึ่ง  เขาจะเตรียมข้าวเอาไว้ขายสำหรับลงจิโร่เท่านั้น  แล้วมีโรงแรมชื่อดังมาขอซื้อข้าว  เรียกได้ว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่มีทุนหนาปึกกว่าลุงจิโร่เป็นไหนๆ  แต่คนขายข้าวเขาบอกไม่มีทางขายถึงแม้เขาจะอยากขายแค่ไหนก็ตาม  แต่เขาก็เชื่อมั่นว่า  มีแต่ลุงชีโร่คนเดียวเท่านั้นที่จะหุงข้าวนี้ได้  กำลังทำให้คุณเห็นภาพว่า  ถ้าคุณได้เป็นที่หนึ่งในเรื่องไหน  คุณจะได้เจอคนที่เก่ง  คนที่ฉลาดมาช่วยงานคุณเยอะมาก  เขาเหล่านั้นจะมาช่วยให้คุณเติบโตขึ้นไปอีก  เพราะเขารู้สึกภูมิใจในตัวเอง   เปรียบเสมือนกับ  สมมุติว่าเราได้ไปทำงานกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก  เจ้าของ facebook คุณลองคิดว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา  เราจะภูมิใจในตัวเองมากแค่ไหน  วันนี้เราลองเลือกดูว่า  เราอยากจะดึงดูดคนระดับ 2 ดาว  หรือระดับ 5 ดาวเข้ามาในชีวิต  และทุกๆดาวที่เพิ่มขึ้น  นั่นหมายความว่าคุณกำลังเป็นคนส่วนน้อย 1% ที่แตกต่างจากคนอีก 99% แน่นอน  และคุณจะเจอบททดสอบที่มันมากกว่าคนอื่น  เคยได้ยินประโยคนี้ไหม  ถึงแม้ว่ามันจะเก่าแล้วแต่ถ้าเอามาปัดฝุ่นก็ยังใช้ได้อยู่  เขาบอกว่าความสำเร็จแต่ละอย่างเป็นแค่การซื้อตั๋วเข้าไปเจอปัญหาที่ยากขึ้น  คนที่เป็นที่ 1 ทำเรื่องยากกว่าคนทั่วไปเสมอ  สำหรับคู่แข่งที่มาทีหลังเลยไม่สามารถ copy คุณภาพชีวิตของเขาได้เช่นกัน

 

ข้อที่ 2

        อย่าเป็นคนที่น็อตหลุดง่าย เรื่องนี้มันจะคอยขัดแข้งขัดขาไม่ให้ชีวิตของคุณได้ดิบได้ดี  เวลาที่คุณทำงานกับผู้คนแล้วโดนวิจารณ์โดนตำหนิ  อย่าเสียสติ  เพราะถ้ามองกันลึกๆแล้ว  คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่กำลังขาดความนับถือในตัวเองก็ได้  หลายคนอาจกำลังตกหลุมพรางเรื่องนี้  คุณเคยสังเกตเห็นไหม  บางคนเวลาทำงานออกมาแล้วโดนตำหนิ โดนวิพากษ์วิจารณ์ตรงๆ  เขามักจะสร้างโลกขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองบางคนก็ตั้งใจรับฟัง  บางคนก็โต้เถียงกับมาทันควันบอกเหตุผลต่างๆนานา ถ้าคุณเป็นคนที่มีอีโก้สูง ไม่ยอมรับฟังคำเตือนหรือคำแนะนำของคนอื่นเลย คุณจะไม่เห็นเลยว่ามันมีจุดไหนที่ต้องแก้ไข  แล้วสุดท้ายต่อให้เราขยันแค่ไหนเราก็จะทำมันด้วยวิธีคิดที่ผิดๆไปเรื่อยๆ  ต่อไปนี้เเป็นแบบทดสอบที่จะช่วยประเมินคุณได้ว่า  คุณขาดความนับถือในตัวเองหรือเปล่า  คุณลองตอบคำถามนี้ดู 

        เขาบอกว่าเวลาที่มีคนมาชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของคุณ  มันทำให้คุณรู้สึกหรือเปล่าว่า  เขากำลังลดคุณค่าของคุณอยู่  เคยมีคิดแบบนี้บ้างหรือเปล่า ถ้าเคยคิดแล้วคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้มันดีขึ้นไหม  เวลาที่มีคนมาตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์คุณ  แม้มันจะเป็นคำที่โคตรตรงโคตรแรงก็ตาม  ให้คุณ Mindset หรือวิธีคิดว่า  จริงๆแล้วเขาไม่ได้มาลดคุณค่าในตัวคุณ  แต่เขามาเพิ่มคุณค่าในตัวคุณต่างหาก  เวลาเจอคนอื่นมาวิจารณ์ก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรมากมาย  ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลยคือ  เรามีความสามารถที่สูงขึ้น  เก่งขึ้นกว่าเดิม  ถ้าคุณกล้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง  ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป  เพราะเมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณผิดครั้งแรกมันก็คือความผิดให้ยอมรับมัน  ผิดครั้งที่ 2 มันต้องผิดน้อยกว่าครั้งแรกผิดครั้งที่ 3 มันต้องน้อยลงกว่าครั้งที่ 2 แล้วผิดครั้งต่อไปมันต้องน้อยลงไปเรื่อยๆจนในที่สุด  คุณจะได้พบทางที่มันถูกต้องจริงๆ  คุณเคยได้ยินไหมว่า  คนที่ไม่เคยผิดพลาดคือคนที่นอนอยู่บ้านเฉยๆ 

 

ข้อที่ 3

        คุณรู้ไหมว่าการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วให้ผลตอบแทนมากที่สุดในยุคนี้  โดยที่คุณไม่ต้องเริ่มด้วยการใช้เงินสักบาทมันคืออะไร มันคือการลงทุนใน brading ของตัวเอง อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ไกลตัว branding  มันหมายถึง  การออกแบบภาพลักษณ์ที่ชัดเจน  ต่อให้วันนี้คุณไม่ได้เปิดบริษัท  ไม่ได้มีสินค้าเป็นของตัวเองก็ตาม  เราก็มีแบรนด์กันอยู่แล้วนั่นก็คือตัวคุณนั่นแหละ  หรือเรียกว่า personal branding  เพียงแต่ว่าหลายๆคนไม่ค่อยได้ออกแบบ  ไม่ค่อยได้สื่อสารให้ภาพลักษณ์ของตัวเองมันชัดเจน  และถ้าคุณสร้าง branding ให้ตัวเองเป็น  ตัวคุณนั่นแหละจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงมาก  ในต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก   มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง  จากหนังสือ branding secret  เขียนโดย  อาจารย์เนะ อโณทัย  งามวิชัยกิจ  อาจารย์เป็นที่ปรึกษา  เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด  เรื่องมีอยู่ว่า  ผู้บริหารโค้กเคยพูดว่า  ถ้าหากวันหนึ่งเกิดภัยพิบัติขึ้นมาจนโค้กต้องสูญเสียทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจการทั้งหมดไป  บริษัทก็ยังสามารถอยู่รอดต่อไปได้  แต่ในทางตรงกันข้าม  หากลูกค้าทุกคนอยู่ดีๆความจำเสื่อมอย่างกะทันหัน  ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโค้ก  บริษัทคงต้องเลิกกิจการไปได้เลยเห็นไหมคะว่า  ต่างประเทศเขาให้ความสำคัญกับ branding มาก  ในหนังสือสรุปได้แบบนี้ว่า  แบรนด์ที่มีมูลค่าทางธุรกิจจะเติบโตจากการเป็นต้นไม้ใหญ่ในใจของลูกค้า  ไม่ใช่เป็นต้นถั่วงอกที่คืนทุนไวแต่ไม่มีใครจดจำได้  เหมือนกับบางคนที่เปิดเพจขึ้นมาแล้วยิงแอด แม้จะได้เงินเข้ามาแต่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกผูกพันกับคุณเลย  เขาก็อาจจะซื้อแล้วจบไม่ได้กลับมาหาเราอีก  แต่ถ้าวันนี้คุณอยากจะเริ่มลงน้ำพักน้ำแรงสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง  ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป  คุณต้องรู้วิธีการผูกมัดคุณค่าในใจของผู้คนที่คุณต้องการ  มันก็คือการสร้างต้นไม้ใหญ่ในใจของลูกค้านั่นเอง 

       

        มันมีนิทานอยู่เรื่องนึงที่จะขยายความเข้าใจของคุณได้ชัดเจนมากขึ้น  มีราชาอยู่พระองค์หนึ่ง ณ กรุงแบกแดด  มันมีเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นคือ  พระราชาได้พบว่ามเหสีของพระองค์แอบไปเล่นชู้กับทหารคนหนึ่งในวัง  พระองค์ทรงกริ้วมาก  เลยได้สั่งประหารมเหสีและก็ชายชู้ให้ตายไปพร้อมๆกัน  สิ่งที่ตามมาคือ  ความเกลียดชังในสตรีที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ  เหล่าบรรดาขุนนางก็ขอให้พระองค์แต่งงานใหม่  จะได้มีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์  องค์ราชาทำตามด้วยความเกลียดชังสตรีที่ไม่จางหาย  เหมือนเป็นปมในใจของพระราชา  ไม่อยากให้สตรีนางไหนมาทรยศหักหลัง  และทำให้พระองค์สูญเสียภาพลักษณ์อีก  ดังนั้น  ผลรุนแรงที่ตามมาก็คือ  เมื่อไหร่ก็ตามที่พระราชาได้แต่งงานใหม่กับหญิงพรหมจรรย์ที่ถูกส่งมาเป็นมเหสี  สตรีนางนั้นก็จะถูกประหารชีวิตในวันรุ่งขึ้นทันที  ประชาชนก็ต่างตระหนกตกใจกับพฤติกรรมของพระองค์อย่างมาก  และเมื่อถึงคราวของลูกสาวขุนนางผู้โชคร้ายที่ต้องเข้าพิธีแต่งงาน ขุนนางผู้เป็นพ่อก็ได้ขอให้นางได้เล่านิทานให้น้องสาวคนเล็กที่ติดตามเข้าไปในห้องหอได้ฟัง  ก่อนที่นางจะตายในวันรุ่งเช้า  เมื่อนางได้เริ่มเล่านิทานพระราชาก็ได้ฟังไปด้วย  นิทานของนางทำให้พระราชาประทับใจและสนุกสนานมาก  เมื่อรุ่งเช้ามาถึง  องค์ราชาก็ทรงอยากจะรู้ตอนจบเลยไม่อาจตัดใจจะประหารชีวิตนางได้  การประหารชีวิตเลยต้องเลื่อนไปจนกว่าพระราชาจะเบื่อหรือว่านิทานจะจบลง  แต่ว่านิทานของนางก็ผูกเรื่องราวไปตามตัวละครจนดำเนินเรื่องผ่านไปนานถึง 1,000 ราตรี  หรือว่า 1,000 คืนนั่นเอง  และแล้วเมื่อคืนที่ 1,001 นั่นเองนิทานจำเป็นต้องจบลง  นางพร้อมรับความตายในวันรุ่งขึ้นแล้ว  แต่ในที่สุดการประหารชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่ามันนาน  เรื่องเล่าของนางทั้งหมดมันเข้าไปถึงจิตใจของพระราชาทำให้สามารถเข้าไปคลี่คลายความชิงชังในใจได้  และที่สำคัญพระราชายินดีแต่งตั้งนางเป็นพระมเหสีไม่ต้องโทษประหารชีวิต  และนี่เป็นที่มาของ 1,001ราตรี  อ่านเรื่องนี้แล้วพอจะมองอะไรออกไหม  สิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างหนึ่ง  มเหสีในเรื่องนี้สามารถผูกมัดคุณค่าในใจของพระราชาได้ถ้าทำให้พระราชาหายเกลียดชังได้  ตรงข้ามกับความเกลียดชังก็คือการให้อภัย  ความเมตตา  สิ่งเหล่านี้มันคือคุณค่าในใจ 

 

      ในชีวิตจริงคุณลองมาดูแบรนด์ Nike :ซึ่งเป็นแบรนด์เกี่ยวกับชุดกีฬา  ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบยันเสื้อผ้า Nike เขาจับคุณค่าในใจของผู้คนยังไงรู้ไหมคะ  ครั้งหนึ่งมีชายแอฟริกันถูกตำรวจผิวขาวเข้ามาควบคุมตัวด้วยการใช้เข่ากดลงไปที่คอแนบกับพื้นถนน  จนในที่สุดขาดอากาศหายใจแล้วตายคาที่  มันส่งผลให้ชาวแอฟริกันทั่วประเทศโมโหมาก  เพราะถือว่าตำรวจรังแกคนผิวดำ  ไม่มีความยุติธรรม  เกิดการประท้วงยิ่งใหญ่เหมือนไฟลามทุ่งไปทั่วหลายเมือง  จากเหตุการณ์เสียชีวิตของชายคนนี้  หนึ่งในแบรนด์ที่ออกมาสนับสนุนอย่างชัดเจนคือ Nike  ได้โพสต์เป็นคลิปวีดีโอสั้นๆหน้าจอดำๆมืดๆ  แล้วมีเฉพาะคำพูดตัวอักษรสีขาวๆบนพื้นสีดำขึ้นทีละประโยค  เนื้อหาเป็นการเรียกร้องสนับสนุนให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ใจความประมาณว่า  "ขอสักครั้งหนึ่งอย่าทำอย่างนั้น  อย่าแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีปัญหาในสหรัฐอเมริกาอ  อย่าหันหลังให้กับการเหยียดผิว  อย่ายอมรับการเอาชีวิตของคนบริสุทธิ์ไปจากเรา  อย่าหาข้ออ้างอีกเลย  อย่าคิดว่าสิ่งนี้ไม่กระทบตัวคุณ  อย่านั่งเฉยๆและอยู่เงียบๆ  อย่าคิดว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้  มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกันเถอะ"  คลิปนี้มีผู้ชมไปประมาณหลายล้านวิวในปัจจุบัน nike นี่ถือได้ว่าเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยรณรงค์เลิกแนวคิดการเหยียดสีผิว  Nike  ได้ใจคนผิวดำไปเต็มๆ  แล้วถามว่า Nike  เขาจับคู่กับคุณค่าไหนล่ะ  เฉลยมันคือความเท่าเทียมในใจของมนุษย์  หลายๆคนต้องการความยุติธรรม  ต้องการความเท่าเทียมถูกไหม  มันเลยไปโดนใจใครหลายคน  แล้วถ้ามองลึกลงไปอีก  Nike  เป็นสินค้าเกี่ยวกับกีฬา คุณค่าที่เขาจับคู่มาสื่อสารก็ดูไม่ได้เกี่ยวข้องกับกีฬาโดยตรงเลยจริงไหม 

        เช่นเดียวกัน  หากคุณลองกลับมาดูตัวเองว่าวันนี้  ถ้าคุณอยากจะขายตัวเองให้ได้  อย่างน้อยๆต้องมี personal branding แล้วออกแบบภาพลักษณ์ของคุณให้มันชัดเจน  ถามตัวเองบ่อยๆว่า branding ของคุณสามารถจับคู่กับคุณค่าไหนในใจของผู้คนได้บ้าง  แล้วออกมาสื่อสารบ่อยๆ  จะผ่านการพูด  การเขียน  การทำวีดีโอ หรืออะไรก็ได้ตามที่คุณถนัด  จะเป็นการให้ความรู้  ให้ความบันเทิงหรือให้ข้อมูลข่าวสารก็ได้  แล้วคุณจะได้เห็นความจริงบางอย่าง  คือคนที่มาสนับสนุนคุณเขาจะมี mindset เหมือนกันกับคุณเลย  คุณรู้ไหมว่า  ถ้าคุณได้สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง  ก็เหมือนคุณได้เกิดใหม่  เพราะชีวิตของคุณมันจะมีความหมายกับผู้คนจำนวนมาก  เขาบอกว่าคนเราในชีวิตมี 2 วันที่สำคัญที่สุด  นั่นคือ  วันที่เราเกิดมาและวันที่รู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร  จงใช้ทุกวันของชีวิตเพื่อค้นหาวันที่ 2 ของตัวเอง

เนื้อหาโดย: luckyforme
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
luckyforme's profile


โพสท์โดย: luckyforme
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
น้องเต้าหู้แจกไข่ให้ชาวบ้าน แต่กลับเจอมนุษย์ป้ารุมเข้ามาจัดการ ทำเอาน้องอึ้งจนพูดไม่ออก เห็นแล้วรู้สึกอายแทนจริงๆน้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
วิธีล้างผักให้สะอาดปราศจากสารพิษตกค้างจริงไหมที่คำว่า ‘Salary’ มาจาก ‘Salt’ เพราะทหารโรมันรับค่าจ้างเป็นเกลือ?อยากโกอินเตอร์? เจาะลึกวิธีหางานต่างประเทศ 2567 แบบถูกกฎหมาย ได้สิทธิเต็มที่ ไม่มีโดนหลอก!ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสีย
ตั้งกระทู้ใหม่