เรื่องสั้นสยองขวัญ อะไรอยู่ในตลาด..
เรื่องสั้นสยองขวัญ
ตอน..อะไรอยู่ในตลาด
สวัสดีครับผมชื่อเอครับ ต้องบอกก่อนว่า เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมจริงๆ
และอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ ให้กับผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องของสิ่งลี้ลับ ภูตผีปีศาจ และผู้ที่ชอบลองของครับ
บ้านเกิดของผมอยู่ที่จังหวัดเชียงราย แต่พอผมอายุได้สองปีก็ต้องย้ายตามครอบครัวมาอยู่ที่จังหวัดลำปาง ที่อำเภอห้างฉัตรและเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลห้างฉัตร ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สามคน เอ่อ..จริงๆ ผมก็มีเพื่อนเยอะนะครับแต่สามคนนี้คือสนิทที่สุด ก็จะมี โอ๋ โอ๊ะ เอน้อย และก็ผม เอใหญ่ครับจริงๆแล้วก็ชื่อเอเฉยเฉยครับ เอใหญ่ และเอน้อย ชื่อนี้โอ๋เป็นคนตั้งให้ เวลาเรียกจะได้ไม่หันหน้าไปพร้อมกันทั้งสองคน แปลกมั๋ยล่ะครับ ชื่อเราทั้งสี่คนจะคล้องกันด้วยตัว อ.ทั้งหมด เป็นที่ไปที่มาของชื่อแก๊งค์ของเรา..แก๊งค์อออ่างครับ
ด้วยความที่สนิทกัน และเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พวกเรา ก็มักจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันอยู่เสมอๆ กีฬาโปรดของเราก็คือการเล่นบาสเกตบอล ในวันหยุด ศุกร์ช่วงเย็น เสาร์ และอาทิตย์ พวกเรามักจะรวมตัวกันและเล่นกันทั้งวัน ในวันที่เป็นวันหยุด พ่อแม่ของพวกเราก็จะให้สิทธิ์พิเศษในการเล่นกัน จนถึงค่ำมืด พวกเราแก๊งค์อออ่างเคยเล่นกันจนถึงประมาณเที่ยงคืน และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุรถชนนะครับ เพราะหมู่บ้านห้างฉัตรในตอนกลางคืนนานๆ ทีจะมีรถวิ่งมาซักคัน เพราะรถส่วนใหญ่ก็ไปวิ่งสายนอกกันหมดหลังจากเวลาประมาณสองถึงสามทุ่ม รถก็จะเริ่มไม่มีแล้ว เรียกว่าหมู่บ้านนี้ทั้งหมู่บ้านกลายเป็นที่เล่นของเราเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่พวกเราโปรดปราณที่สุดในการเล่นกันตอนกลางคืนก็คือ การพิสูจน์สิ่งลี้ลับ และการนั่งเล่าเรื่องผีกันที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านของผม ในบางคืนก็จะมีเพื่อนที่ไม่ใช่แก๊งค์อออ่างมาเล่นด้วย แต่ก็ไม่บ่อยครับส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเราทั้งสี่คนมากกว่า
คืนนี้ก็เป็นอีกคืนนึง ครับที่พวกเราทั้งสี่คนได้มานั่งรวมตัวกัน ที่หน้าบ้านของผม หลังจากที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของแม่ผมปิดเรียบร้อยแล้ว และแม่ก็ออกไปนั่งคิดเลขกับเพื่อนๆ ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง กว่าจะกลับมาก็คงจะตีหนึ่งตีสอง
“วันนี้เราจะทำอะไรกันดี” โอ๋ ดูนาฬิกาและถามขึ้น
เวลาตอนนี้ประมาณสามทุ่มครึ่ง
“ เล่าเรื่องผีกันดีกว่า เปลี่ยนกันเล่า” เอน้อยตอบ ทุกคนในกลุ่มตกลงที่จะเล่าเรื่องผี เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเราโปรดปรานอยู่แล้ว
ในขณะที่เราเป่ายิงฉุบ เพื่อตกลงกันว่าใครจะเป็นคนเราก่อน
แก้งๆ แก้งๆ แก้งๆ เสียงระฆังก็ดังขึ้น พวกเราหันไปหาที่มาของเสียงพร้อมๆ กัน
“ลุงง่านี่เอง” เอน้อยพูด
ลุงง่า เป็นยามประจำหมู่บ้าน แกจะนอนตอนกลางวัน และตื่นขึ้นมาทำงานในตอนกลางคืน งานของแกก็คือการเดิน ตีระฆัง ที่แขวนอยู่ตามเสาไฟฟ้าในหมู่บ้าน
“อ้าวเด็กๆ ยังไม่นอนกันอีกเหรอ” ลุงง่าทัก พวกเรา
“ พรุ่งนี้วันหยุดครับลุงนอนดึกได้” ผมตอบ
ลุงง่าจุงรถจักรยานของแกเดินข้ามฟากถนนมาหาพวกเรา
“ ทำอะไรกันอยู่ล่ะ” ลุงง่าถาม
“ พวกเรากำลังจะเล่าเรื่องผีกันครับ ลุงพอจะมีเรื่องผีเล่าให้เราฟังสักเรื่อง สองเรื่องไหม” เอน้อยถาม
“ อยากฟังเรื่องผีเหรอ ถ้าอยากฟังลุงจะเล่าให้ฟัง”
“เย้เย้”พวกเราเฮเบาๆ
ลุงง่า เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะหินอ่อนกับพวกเรา แล้วลุงง่าก็เริ่มเล่าประสบการณ์คนหัวลุก ให้พวกเราฟัง
วันหนึ่งในขณะที่ลุงกำลังเดิน ตีระฆัง เพื่อบอกเวลา เป็นปกติเหมือนทุกวัน ลุงง่า เดินตามถนนไปจนถึงบริเวณหน้าตลาดสดของบ้านห้างฉัตร ก่อนที่จะตีระฆัง ลุงง่าได้ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ซึ่งในขณะนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ที่ตลาดสดแห่งนี้กว่าพ่อค้าแม่ค้าจะมาตั้งของขายก็ตีสามครึ่งนู่น ลุงง่าหยิบเหล็ก สำหรับตีระฆังจากตะกร้าจักรยานของแก ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมาและกำลังง้างมือจะตีระฆัง ลุงง่าเหลือบเห็น สิ่งๆหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในตลาด อยู่บนแผงขายของ ของพ่อค้าแม่ค้า ใครกันที่กำลังคลานอยู่บนแผงขายของนั่น
ลุงง่า หยิบไฟฉายคู่ใจของแกออกมา แล้วส่องเข้าไปยังตลาดสด ภาพที่เห็นมันทำให้ลุงง่ายืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ภาพที่แกเห็นคือคนตัวขาวเผือก ไม่ใส่เสื้อผ้า ขาวเผือกจนมองเห็นส้นเลือดแดงๆ กระจายอยู่ทั่วร่างกาย
ไม่สิมันไม่ใช่คนแน่ๆ เจ้าตัวที่อยู่ในตลาดมันหันมาทางแสงไฟที่ลุงง่าส่องเข้าไป สบตาลุงง่าอย่างจัง ตามันแดงก่ำ ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว ลุงง่า ปิดไฟฉายทันที แกรีบตั้งสติและ เดินย้อนกลับไปทางเดิม คืนนั้น
ลุงง่ากลับบ้านทันที แกบอกว่าวันต่อมาในตอนเช้า แกย้ายระฆังจากหน้าตลาดห่างออกไปอีกสองเสาไฟฟ้า
และในเวลาที่แกเดินผ่านตลาดแกไม่กล้ามองเข้าไปในตลาดอีกเลย แม้คนในตลาดจะไม่เชื่อแก และบอกว่าแกตาฝาดไปก็ตาม
ตอนนี้พวกเรานั่งตัวเกร็งไปหมด เพราะที่ตลาดแห่งนั้นพวกเราเองก็เคยเดินเข้าไปสำรวจในเวลาค่ำคืนเหมือนกัน
“จบแล้วเหรอครับ เล่าอีกเรื่องนึงได้รึเปล่าครับ” โอ๊ะ น้องของโอ๋พูดขึ้น
“ วันนี้พอแค่นี้แหละเดี๋ยวลุงจะไปทำงานต่อแล้ว วันหลังลุงจะมาเล่าให้ฟังใหม่ก็แล้วกันนะ” ลุงง่าบอก พร้อมกับจูงรถจักรยานของแกเดินหายไปทางตลาด
หลังจากลุงง่าเดินจากไป พวกเราก็ขอแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนเพราะฟังเรื่องของลุงง่าแล้ว ขนหัวลุกไปหมด...
ถ้าชอบเรื่องนี้ ผมขอกำลังใจด้วยการกดติดตาม กดดาว 5 ดาว และแชร์ให้เพื่อนๆ ได้สนุกกันด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ