สาวน้อยตามฝัน..สู่คนดังระดับโลก "ลิซ่า BLACKPINK"
ณ นาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเธอ สำหรับ ลิซ่า( LISA) หรือชื่อจริง ลลิษา มโนบาล สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปแห่งวง BLACKPINK ผู้โด่งดังไปไกล มีคนรู้จักกันไปทั่วโลก พวกเธอได้เป็นแรงบันดาลใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะ "ลิซ่า" สมาชิกคนไทยเพียงหนึ่งเดียวด้วยแล้ว เธอเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ด้วยความสามารถทั้งหมดที่เธอมี
แต่กว่าที่ "ลิซ่า" จะมีในวันนี้ได้ วันที่ทุกคนได้ให้ความสนใจ ย้อนกลับไปเมื่อในวัยเด็ก เธอเองได้สนใจวงการ KPOP และอยากที่จะเป็นศิลปินเกาหลี จึงได้เริ่มเดินทางตามความฝัน โดยไปออดิชั่นที่ค่าย YG Entertainment ในปี คศ.2010 ที่ได้มาเปิดออดิชั่นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ ทางค่าย YG ก็ได้ติดต่อกลับมา ซึ่งเธอเป็นเด็กฝึกคนแรกของค่าย YG ที่ไม่ใช่คนเกาหลี ซึ่งในตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นเพียง 1 ปี เธอก็ได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นศิลปินฝึกหัด และย้ายถิ่นฐานสู่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเด็กฝึกหัด เพื่อเข้าใกล้ฝันไปอีกนิด ในการเป็นศิลปิน KPOP แต่การที่จะเดบิวต์ได้นั้น ต้องมีความเพรียบพร้อมในทุก ๆ ด้าน ต้องฝึกฝนอย่างหนัก บางคนอาจใช้เวลานานถึง 10 ปีเลยก็มี ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าตัวเองจะได้เดบิวต์ตอนไหน หรือจะได้เดบิวต์รึเปล่า แต่ด้วยความที่ "ลิซ่า" นั้นมีความสามารถที่โดดเด่น ในช่วงปี คศ.2012 ทางค่ายก็เลยได้ปล่อย คลิปวีดีโอของสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่เห็นแค่เพียงใบหน้าแว็บๆ ลงในยูทูป และทำให้ยอดวิวได้พุ่งขึ้นสูงถึง 9 ล้านวิวทีเดียว
จากนั้นในปี คศ.2016 ทางค่ายก็ได้ปล่อยคลิป การฝึกซ้อมเต้นอย่างเป็นทางการในนามวง BLACKPINK และแน่นอนอีกว่าหนึ่งในนั้นคือ สาวลิซ่านั่นเอง และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่ากี่เพลงที่ BLACKPINK ได้ทำการปล่อยออกมา ต่างก็โด่งดังไปทั่ว จนขึ้นติดอันดับชาร์ตเพลงต่าง ๆ มากมาย
ซึ่งหลังจากที่ทำการเดบิวต์ BLACKPINK สำเร็จแล้ว ทางค่าย YG ได้ออกมาเปิดใจในภายหลังว่า ในโปรเจกต์ YG ออดิชัน 2010 ว่ามีผู้สมัครมากกว่า 4000 คน การมาเปิดออดิชั่นที่ไทย ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาเจอกับ "ลิซ่า" ก็ต้องรีบค้นหาข้อมูล เพราะสะดุดตากับความสามารถของเธอ จึงพาไปเป็นเด็กฝึกที่เกาหลีใต้
"ลิซ่า" ต้องต่อสู้กับเหล่าแอนตี้ทั้งหลาย ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฝึก เพียงเพราะเธอเป็นสมาชิกที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่ได้สนความสามารถของเธอเลย เธอต้องทนโดนคำด่าสารพัด ทุกรูปแบบ ทุกแพลตฟอร์ม ถูกแบ่งแยก ถึงกับขั้นโดนขุดอดีตส่วนตัว วิจารณ์ถึงรูปร่างหน้าตา ลามไปถึงข้อมูลของพ่อแม่ จนแฟนคลับที่เป็นเมนของ "ลิซ่า" ทนต่ออคติจากแฟนคลับกลุ่มชาตินิยม ที่ชื่นชอบแต่สมาชิกชาวเกาหลี จึงได้แยกออกจากด้อมใหญ่อย่าง บลิ๊งค์ และกลายมาเป็นด้อมเดี่ยวอย่าง "ลิลลี่"
นอกจากเธอจะเคยโดนด่าทอทางโซเชี่ยลแล้ว เธอก็ยังเคยโดนต่อหน้าอีกด้วย อีกทั้งยังเคยโดนชนจนแทบล้ม ประหนึ่งว่าเธอไม่ใช่ศิลปินของค่าย ทำให้เหล่าบรรดาแฟนคลับ "ลิซ่า" ไม่พอใจกันหนักมาก ได้ออกมาต่อว่าค่าย ว่าลิซ่าเองก็หาเงินให้ค่ายเหมือนกัน ทำไมไม่ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม หลังจากนั้นผ่านไปแล้ว สาว ๆ BLACKPINK ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเธอต้องทนกับคำพูดของพวกเหล่าแอนตี้จนต้องเข้าพบจิตแพทย์หลายครั้ง
ถึงแม้เธอจะโดนเหล่าแอนตี้โจมตีมากมายขนาดไหน แต่เธอก็ไม่เคยที่จะสนใจ เธอมักจะโฟกัสกับการพัฒนาความสามารถของตัวเอง และมอบรอยยิ้มให้กับคนที่รักเธอเสมอ "ลิซ่า" มักสร้าง Soft Power ให้กับประเทศไทยเสมอๆ ตั้งแต่เดบิวต์แรก ๆ มักจะนำอาหารไทย มาอัพสตอรี่อยู่บ่อย ๆ และแฟนคลับเองก็พร้อมสนับสนุน พากันหาซื้อสินค้า จนทำให้ยอดขายถล่มทลาย จนผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ได้ให้ความสนใจในตัวเธอ เฉกเช่นเดียวกันกับ ประธานเกาหลีใต้ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ KPOP มาตั้งแต่เริ่ม ได้ถึงกับบอกว่า ต้องศึกษา "ลิซ่า" อย่างจริงจังกันเลยทีเดียว
และในโซโล่เดี่ยวของ "ลิซ่า" ก็ได้ใส่ความเป็นไทยลงไปในเพลง LALISA ซึ่งเป็นเพลงไตเติ้ลของเธอ ผลิตออกสู่สายตาชาวโลก จนผ้าไทย ได้กลายเป็น Soft Power อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ ทำลายสถิติโซโล่หญิงสูงสุดของประเทศเกาหลีใต้ โดยจำหน่ายไปทั่วโลก 1 ล้าน 3 แสนอัลบั้ม กวาดรายได้ไปประมาณ 850 ล้านบาท
นับตั้งแต่ปี คศ.2020 เป็นต้นมานั้น ถือว่า "ลิซ่า" ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เป็นที่ถูกพูดถึงกันไปทั่วโลก ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 97.3 ล้านคน ได้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์เนมระดับโกลบอลอีกหลายแบรนด์ เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถที่ล้นเหลือจนเหล่าบรรดาแอนตี้ต้องพ่ายแพ้ และเป็นเพียงไม่กี่คน ที่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า เธอเป็นคนดังระดับโลกแล้วจริง ๆ
เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม ก็กลายเป็นกระแส และเป็นสิ่งที่น่าสนใจไปหมด เช่นเดียวกันกับล่าสุด ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีแฮชแท็กช็อคโลกเกิดขึ้นมาว่า #LisaLeaveYG กับแนวโน้ม "ลิซ่า" อาจจะไม่ต่อสัญญากับค่าย YG ซึ่งงานนี้ก็ทำเอาเหล่าค่ายต่างประเทศหลาย ๆ แห่ง ได้เสนอสัญญาให้เธอ ตามกระแสข่าวที่ออกมา ซึ่งเป็นตัวเลขมีมูลค่าสูงถึง 81 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 2.7 พันล้านบาท เลยทีเดียว
ซึ่งแฟนคลับบางคน ต่างก็เชียร์ให้ "ลิซ่า" ไม่ต่อสัญญากับค่าย YG เนื่องจากอาจจะมองว่าค่ายเองสนับสนุนไม่มากพอ เพราะย้อนกลับไป เมื่อ BLACKPINK มีเพลงฮิตติดชาร์จมากมาย แต่รวมแล้วทั้งหมดก็ไม่เกิน 50 เพลง มีอัลบั้มแค่ 2 ชุดเพียงเท่านั้น คือ The Album และ Born Pink ซึ่งไม่สอดคล้องกับอายุของวงในวงการนี้ แฟนคลับบางคนคิดว่า ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้อยู่ค่ายเดียวกันแล้ว แต่ก็ยังสามารถที่จะร่วมงานกันเป็นวงเหมือนเดิมได้เช่นเดิม
"ลิซ่า" เป็นคนที่เก่งมาก เธอมักจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงกระทั่งวันนี้ เธอเองก็ไม่เคยหยุดพัฒนา และเต็มที่เสมอ การที่เธอได้เป็นคนดังระดับโลกแบบนี้ ไม่ใช่ความบังเอิญ หรือเพราะความโชคดี แต่ตัวเธอเองได้พยายามอย่างหนักมาก กว่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
ขอปรบมือดัง ๆ ให้กับความพยายามของเธอ ในการตามล่าหาความฝัน กับ "ลิซ่า BLACKPINK"