"เจ้าแห่งกาแฟเบอร์ 2 ของโลก" ไม่ใช่ใครที่ไหน!!
หากพูดถึงกาแฟเราคงคิดถึงบราซิล โคลัมเบีย เอธิโอเปีย ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟเบอร์ต้น ๆ ของโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้นำการส่งออกที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับ 2 ของโลกคือประเทศเล็กในเอเชียอย่าง “เวียดนาม” ซึ่งตามหลังบราซิลเพียงแค่ 55 ล้านกระสอบเท่านั้น
แล้วทำไมประเทศเล็ก ๆ แถบตะวันออกถึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการส่งออกกาแฟที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับ 2 ของโลกได้ในขณะนี้ ความน่าสนใจของเวียดนาม จึงเป็นที่มาของบทความในวันนี้
การเข้ามาของกาแฟครั้งแรกในเวียดนาม
การเข้ามาของกาแฟในเวียดนามมาจากนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศสช่วงกลางปี 1800 ช่วงแรกเริ่มกาแฟยังเพาะปลูกได้ไม่ดีมากนักและรสชาติยังไม่เป็นที่พอใจ จนเวลาผ่านไปจึงนำไปปลูกบริเวณที่ราบสูงอย่างจังหวัด Bien Hoa Lam Dong และ Dong Nai ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟกว่า 80% ของทั้งหมดในเวียดนาม
กล่าวได้ว่าการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลการผลิตและส่งออกกาแฟของเวียดนามมาจาก 2 ปัจจัยคือ 1. การปฏิรูปโมเดลเศรษฐกิจใหม่ 2. ความเฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟโรบัสต้า
จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 1986 เกิดนโยบายสำคัญชื่อ Doi Moi ซึ่งปฏิรูปเศรษฐกิจในแนวทางเสรีมากขึ้น อนุญาตให้เอกชนเข้ามามีบทบาทอีกครั้งและรื้อฟื้นอุตสาหกรรมกาแฟให้คืนชีพ ผลลัพธ์คือเวียดนามกลายเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกเป็นครั้งแรกในปี 1999 โค่นแชมป์เก่าอย่างโคลัมเบียไปในที่สุด
กาแฟไม่ใช่เพียงแต่ดันเวียดนามให้เป็นผู้ผลิตระดับโลก หากแต่ยังสร้างโอกาสและงานให้กับชาวเวียดนามกว่า 2 ล้านคน โดยพื้นที่สูงตอนกลาง (Highlands) กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตกาแฟในเวียดนามและดึงดูดชาวเวียดนามหลายล้านคนให้เข้ามาที่นี่
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมกาแฟสามารถสร้างผลผลิตหลายล้านตันต่อปีและกำไรกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หลังจากสงครามเวียดนามช่วงปี 1955-1975 ประเทศถูกทำลายย่อยยับจากการทำสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา รวมถึงการลอกเลียนแบบนำโมเดลเศรษฐกิจแบบสหภาพโซเวียตมาใช้ไม่ได้เป็นไปตามที่ประเทศคาดหวัง
ดังนั้น ในปี 1986 รัฐบาลของเวียดนามจึงตัดสินใจลงทุนในการปลูก “เมล็ดกาแฟ” เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนผลผลิตและเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่หลวง
ไม่น่าเชื่อว่าปริมาณการผลิตเมล็ดกาแฟของเวียดนามสามารถเติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วงทศวรรษ 1990 การเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20-30% ทุกปี จนมาถึงทุกวันนี้ เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก
เวียดนามโดดเด่นเรื่องเมล็ดพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งมีเปอร์เซนต์ของคาเฟอีน สีเข้ม รสชาติครีมมี่สูง เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่ประเทศเล็กๆ จากแถบตะวันออกคือผู้นำการส่งออกและผลิตเมล็ดกาแฟพันธุ์นี้
ปัจจุบัน เมล็ดกาแฟคิดเป็น 96% ของการผลิตในประเทศเวียดนาม และมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nestle เป็นโรงงานคั่วอีกด้วย แม้ว่ากาแฟอาราบิก้าจะมีคุณภาพสูงกว่าแต่ก็ต้องใช้เวลาในการบ่มนานกว่าโรบัสต้ามาก
แม้กาแฟโรบัสต้าถูกมองว่าเป็นกาแฟคุณภาพต่ำ แต่กระบวนการผลิตดั้งเดิมและธรรมชาติของเวียดนามทำให้เมล็ดกาแฟมีคุณภาพดีมากขึ้น เมล็ดกาแฟถูกทำให้แห้งด้วยวิธีธรรมชาติ (บริษัทขนาดใหญ่ใช้การอบแห้งแบบเทียมเพื่อลดระยะเวลาและสามารถผลิตได้มากขึ้น)