ผีกองกอย
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมขอย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนนะครับ มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสานนี่แหละครับ หมู่บ้านนี้มีหนองน้ำใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในทางท้ายหมู่บ้าน หนองน้ำแห่งนี้จะเป็นหนองน้ำของหมู่บ้าน ก็จะมีผู้คน ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ก็มักจะมาลงเบ็ดลงข่าย มาหาอยู่หากินกันเป็นประจำครับ หนองน้ำนี้ ได้เป็นหนองน้ำที่ยังอุดมไปด้วยปลาใหญ่น้อยนาๆพันธุ์ และมีทั้งบัว ที่จะนำสายบัวมาแกงได้ หรือแม้กระทั่งผักอีกหลากหลายชนิด เช่น ผักตบ ผักปอดหรือผักอื่นๆ หมู่บ้านแห่งนี้ก็มักจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขตลอดมา จนมีอยู่วันหนึ่ง ได้มีชาวบ้าน ได้เห็นรอยประหลาดอยู่บริเวณหนองน้ำแห่งนั้น ซึ่งมันเป็นรอยเท้าเปล่าข้างเดียว แต่ว่ารอยนั้น มันไม่มีรอยนิ้วเท้าเลย และเหมือนว่า มันไม่ได้ใช้เท้าข้างเดียวของมันกระโดด ไม่ใช่การเดินปรกติเหมือนคนเราทั่วไป
ดังนั้นจึงได้มีคนเฒ่าคนแก่ออกความคิดเห็นมาว่า รอยเท้านั้นมันน่าจะเป็นรอยของผีกองกอย และคนเฒ่าคนแก่ยังบอกอีกว่า ผีกองกอยนั้น เป็นผีที่มีรูปร่างเหมือนเด็กแต่มีขาแค่ข้างเดียว มีเวลาเดินไปมันก็จะใช้เท้าแค่ข้างเดียวของมันกระโดดและพลางร้องไปด้วยว่า กอย กอย และมันก็ยังชอบกินปลาเป็นอาหาร แต่ถ้าเวลามันหิวมากๆนั้น มันก็จะกินสัตว์ที่ใหญ่กว่าหรือคนด้วย พอเวลาผ่านไปจนถึงเช้าของวันต่อมา วันนั้นก็ได้มีวัวของชาวบ้านนั้นล้มตายและก็ได้มีรอยเท้าประหลาดนั่น ที่เปื้อนดินโคลนตรงมาจากทางป่าด้านหลังคอกวัวด้วย เมื่อชาวบ้านได้ตามรอยประหลาดรอยนั้นไป
ชาวบ้านทั้งหลายก็พบว่า ไอ้รอยประหลาดนั้น ได้หายเข้าไปในถ้ำเล็กๆที่มีแค่เด็กตัวเล็กๆเท่านั้นที่เข้าไปได้ แต่มันไม่รู้มีกลิ่นอะไรก็ไม่รู้ที่มันเหม็นสาบเอามากๆ ชาวบ้านทั้งหลายจึงพากัน ลองใช้ไม้แหย่เข้าไปดูกัน แต่เมื่อชาวบ้านลองใช้ไม้แหย่เข้าไป ชาวบ้านทั้งหลายที่มามุงดูนั้น ก็พบว่าถ้ำเล็กแห่งนั้นลึกและยาวมาก ถึงใช้ไม้ยาวแค่ไหนแหย่เข้าไป มันก็เหมือนว่า รูของถ้ำเล็กๆนั้นมันจะไม่สิ้นสุดซักที ต่อมาเมื่อเวลามืดค่ำลง เจ้าของคอกวัวแห่งนั้นเมื่อเขาได้กินข้าวอิ่มแล้ว เขาจึงได้เอาปืนแก๊ปของเขานั้นออกมาลาดตะเวณและออมาดูที่ถ้ำเล็กๆแห่งนั้นว่ามันจะมีตัวอะไรออกมาบ้าง
แต่เมื่อเจ้าของคอกวัวได้เดินไปถึงหน้าถ้ำเล็กๆตรงนั้น มันก็พอดีกับที่มันมีตัวอะไรก็ไม้รู้ ที่ออกมาจากปากถ้ำพอดี เจ้าของคอกวัวแห่งนั้นจึงได้ได้ส่องไฟฉายคาดหัวที่ติดตัวมาไปที่ร่างๆนั้น แต่เมื่อเจ้าของคอกวัวได้เห็นเจ้าของร่างๆนั้นอย่างเต็มตา ทำให้เจ้าของคอกวัวนั้นตัวชายืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เมื่อไอ้ตัวร่างๆนั้นมันหันมา เจ้าของคอกวัวถึงกับต้องทิ้งปืนและวิ่งหนีเข้าไปในหมู่บ้านไป โดยมีร่างเจ้าตัวประหลาดนั่นวิ่งตามหลังมา เมื่อเจ้าของคอกวัววิ่งหนีเข้าหมู่บ้านไปได้ เขาจึงวิ่งไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง เมื่อผู้ใหญ่บ้านได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ผู้ใหญ่บ้านจึงได้เกณลูกบ้านและออกไปตามล่าเจ้าตัวประหลาดนั่น
แต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านนั้น ได้ออกล่าเจ้าตัวประหลาดอยู่นาน ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งพบว่า เจ้าตัวประหลาดนั่นมันกำลัง แกะเอาปลาที่กำลังติดข่ายอยู่ ชาวบ้านคนนั้นจึงใช้ปืนที่เขามียิงไปที่ตัวของมัน แต่เมื่อชาวบ้านคนอื่นๆ ได้ยินเสียงปืน จึงพากันไปดูและช่วยกันระดมยิงเจ้าตัวประหลาดตัวนั้น จนมันแน่นิ่งไป แล้วชาวบ้านทั้งหมดจึงพากันเดินไปดูเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น ชาวบ้านทั้งหลายก็พบว่า มันมีรูปร่างเล็กๆแต่มีพุงโลเหมือนเด็ก แต่มีขาข้างเดียวและมีกลิ่นตัวที่เหม็นสาบมาก
เพราะฉะนั้นชาวบ้านทั้งหลายจึงทิ้งร่างเจ้าตัวประหลาดนั้นไว้ตรงนั้นเลย และคิดว่าในเช้าของวันพรุ่งนี้ค่อยเอาน้ำมันมาราด แล้วเผามันไปเลย พอเวลาล่วงเลยไปจนถึงเช้าของวันใหม่ เช้าของวันนั้น ผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านทั้งหลายจึงได้เอาน้ำมัน เพื่อที่จะไปเผาเจ้าตัวประหลาดนั้น แต่เมื่อทุกคนไปถึงที่ๆร่างเจ้าตัวประหลาดนั่นได้นอนตายอยู่เมื่อคืน ทุกคนนั้นก็พบแต่ความว่างเปล่า ร่างเจ้าตัวประหลาดนั่นได้หายไปแล้ว ต่อจากนั้นมาหมู่บ้านนั้นก็ไม่มีข่าวเรื่องเจ้าตัวหลาดหรือเรื่องแปลกๆอีกเลย
ขอขอบคุณรูปถาพจาก Pixar