นาฏศิลป์
ผมขอย้อนเวลากลับไปอยู่ในช่วงที่สมัยผมเรียนอยู่มัธยม
ผมได้เข้าร่วมกับชมรมนาฏศิลป์ และผมก็ได้ฝึกซ้อมการเป็นโขนอย่างหนัก แรกๆผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลกๆ ไม่มีผู้ชายเรียน แต่พอผมได้เข้าชมรมนี้แล้ว ผมกับคิดต่างกันออกไปเลยพอผมฝึกไปฝึกมา คุณครูที่ฝึกซ้อมให้ได้เห็นความตั้งใจของผมจึงได้ให้ผมเป็นตัวเอกและฝึกให้หนักมากกว่านี้ พอผมได้รำตัวเอกเสร็จ ผมก็ได้ไปชักชวนเพื่อนหลายคนเข้ามาอยู่ชมรมเพราะผมคิดว่ามันเจ๋งดีและจะได้อนุรักษ์วัฒนธรรมไว้ด้วย พอมีการแข่งขันระดับเขต พวกผมตื่นเต้นมากเพราะนี้คือการแข่งขันครั้งแรกของพวกผมและเพื่อนๆ คุณครูก็ได้พูดกับพวกผมว่า
"หายใจเข้าลึกๆใจเย็นๆพ่อแก่มองอยู่"
ผมก็คิดในใจ "พ่อแก่คือใคร" แต่ผมรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่พวกผมอยู่ แต่มันก็แค่รู้สึกผมเลยไม่ได้คิดอะไร พอถึงเวลาผมแสดงหรือแข่งพวกผมทำได้ดีมากจนได้เข้าต่อไป ไปสู่รอบระดับจังหวัด พวกผมเตรียมตัวอย่างสุดขีดและตื่นเต้นสุดๆ จนลืมว่าตอนที่พวกเราแข่งเสร็จพวกผมลืมไหว้พ่อแก่
พวกได้ทำการซ้อมและทุ่มเทให้กับการแข่งขันนี้สุดๆเพราะมันเป็นระดับจังหัด พวกผมจะได้สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนบ้าง บางวันพวกผมซ้อมกันจนดึกก็เลยพากันนอนที่ห้องซ้อมกันเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด จึงได้นัดแนะกันมานอนกันที่ห้องซ้อม พอเราซ้อมกันเสร็จจนเหนื่อยก็กินข้าวด้วยกันสนุกสนาน คุยกันเสียงดังมาก จนมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาว่า
"เงียบๆ!!" และได้มีลมพัดแรงมากพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นและเงียบลง
พวกเราตกใจกันมากแล้วคุยกัน
ผม "เสียงใครวะ"
เพื่อน "ไม่รู้วะภารโรงหรือป่าว"
ผม "ไม่แน่ใจวะไปดูกันไหม"
และพวกผมได้เดินไปดูกันสรุปกันแล้วว่าวันนี้ภารโรงไม่อยู่ และไม่มีใครเฝ้าโรงเรียนด้วย เพราะภารโรงลาโรงเรียนไปดูลูกที่โรงพยาบาล พวกผมก็พากันคิดว่าเสียงใครพูดและได้นอนหลับกัน และเป็นผมที่ตื่นกลางครันเพราะรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก พอลืมตาขึ้นมาสิ่งที่ผมได้เห็น เป็นเงาสีดำๆตัวใหญ่เหยียบที่หน้าอกผมอยู่ ผมได้ร้องความช่วยเหลือก็ไม่มีใครตื่นหรือลุกขึ้นมาพยายามจะขยับตัวก็ขยับไม่ได้ และเงาสีดำได้ชี้หน้าผมแล้วพูดว่า
"ทำไมมึงไม่บอกเพื่อนมึง! มึงรู้ไหมกูเป็นใคร! ไอ้เด็กพวกนี้!"
ผมที่พยายามดิ้นในที่สุดก็ดิ้นหลุดและเหงือได้ไหลเต็มตัวผมเลย และคืนนั้นผมก็นอนไม่หลับ พยายามขมตาหลับจนถึงเช้า ผมไม่เล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเพื่อนๆหรือคุณครูของผมกังวลและจะไม่ไปแข่งขันต่อ พอเช้าพวกผมก็พากันกลับบ้านและหางตาของผมรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองเหมือนตอนที่ไปแข่งขันระดับเขตครั้งแรก แต่รอบนี้สายตาคู่นั้นมันไม่เหมือนรอบที่แล้ว เพราะผมรู้สึกว่าสายตาคู่นี้จะอาฆาต หรือ โกรธแค้นสักอย่าง ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะแค่รู้สึก พอเช้าวันต่อมาก็จะเป็นวันเดินทางไปที่แข่งขันจังหวัดหนึ่ง ตอนแรกคุณครูของผมได้จองโรงแรมไว้สำหรับการพักผ่อนของพวกเรา แต่สถานที่แข่งขันของพวกเราห่างจากโรงแรมเป็น30กิโล คุณครูจึงได้ให้พวกเราไปพักกันที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลหนักจากสถานที่แข่งขัน พอผมมาถึงก็ได้เห็นว่ามีหลายโรงเรียนที่เข้ามาพักที่นี้เหมือนกันเพื่อที่จะไปแข่งขันสถานที่เดียวกัน พอเราไปถึงก็เย็นๆละ พวกเราได้ไปหาอะไรทานกันสักประมาณ3-4ทุ่มพวกเราก็หลับไปเพราะเราเหนื่อยกับการเดินทางหลายชั่วโมง และผมได้ตื่นมากลางครันอีกแล้วคืนนี้แต่คืนนี้ผมได้ลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ ซึ่งจากทางที่ผมนอนกับห้องน้ำจะห่างการประมาณ 200เมตร ซึ่งผมก็เดินเล่นไป พอถึงห้องน้ำผมก็ทำธุระ แต่ผมได้ยินเสียงดนตรีไทยเหมือนมีคนกำลังเปิดซ้อมหรือเปิดเพื่อแสดง ซึ่งเพลงๆนี้ผมได้ยินทีไรผมจะขนลุกขึ้นมาทันที แต่ผมมองดูเวลา เวลาตอนนั้นคือ ตี2เกือบตี3 ผมก็คิดในใจ
"ใครจะมาซ้อมกันตอนนี้วะ" และพอผมทำธุระเสร็จผมก็เดินกลับไปที่นอน คือที่ผมนอนอ่ะมันจะเป็นศาลาใหญ่นอนได้หลายคน ข้างๆของศาลาจะเป็นเวทีซ้อม เพื่อที่จะให้คนที่มาพักมาซ้อมกัน ผมก็ได้มองไปเห็นคนนั่งมองขึ้นบนเวทีประมาณ4-5คน และพอผมเดินไปใกล้เวทีเรื่อยๆ คน4-5คนที่มองขึ้นบนเวทีก็ได้มองมาที่ผม ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเขาแค่คิดว่าเรามาดูการแสดงของเขาหรือป่าว พอผมเดินไปถึงหน้าเวที ผมได้มองขึ้นเวที ทุกคนแต่งชุดไทยและบางคน แขนหัก ขาหัก คอหัก บางคนตาไม่มี บางคนหัวไม่มี อยู่บนเวที8คน ได้มองมาที่ผมหมดเลย ผมตกใจวิ่งและได้เข้าไปนอน แต่เสียงเพลงนั้นก็ยังดังขึ้นในหูผมตลอด พอเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณครู และคุณครูได้เล่าเรื่องให้ผมฟัง "เมื่อก่อนการแข่งขันปีที่แล้วมีโรงเรียนโรงเรียนหนึ่งมาพักที่วัดนี้และได้แต่งตัวกำลังจะไปแข่งขันที่ ที่เราจะไป พอแต่งตัวกันเสร็จทั้งนักเรียนและคุณครูก็ได้ขึ้นรถไปสถานที่แข่งขันปรากฎว่ารถ6ล้อของโรงเรียนนั้นกับพลิกคว่ำลงข้างทางจนทำให้เสียชีวิตทั้งหมดบนรถเลย และดวงวิญญาณเล่านั้นได้มารำและซ้อมอยู่นี้ทุกวันโกน หรือ ก่อนวันแข่ง1วันทุกครั้ง" และนี่คือเรื่องเล่าจากการเรียนนาฏศิลป์ของผมครับ
อ้างอิงจาก: ประสิทธิ์
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ด่วนวันนี้ ประชาชนในปอยเปต โดนสั่งให้อพยพด่วน หลัง ไข่จากสยามเมืองยิ้ม ลงรัวๆ มากกว่า 15 ลูกภายในวันเดียว
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
กัมพูชา ยอมทุบเขื่อนที่หวังเปลี่ยนพื้นที่ หลัก กม.73
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้า
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริง
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
กัมพูชา ยอมทุบเขื่อนที่หวังเปลี่ยนพื้นที่ หลัก กม.73
ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้า
แซลม่อน ซึมซับความเป็นญี่ปุ่น ที่หลายคนต้องการเน้นสดอร่อย
บอย ภิษณุ เปิดใจขายบ้านหรู 70 ล้าน ลดขนาดชีวิตเพื่อครอบครัว ในวันที่เศรษฐกิจไม่ปรานีใคร
แซลม่อน ซึมซับความเป็นญี่ปุ่น ที่หลายคนต้องการเน้นสดอร่อย
หนุ่มนักดนตรีพบจดหมายตอบรับ “ฮาร์วาร์ด” หลังผ่านไป 6 ปี จากความเสียใจสู่บทเรียนชีวิตที่โลกออนไลน์ยกย่อง
กัมพูชายอมรื้อเขื่อนยื่นทะเล หลัก กม.73 หลังไทยคุมพื้นที่เบ็ดเสร็จ ป้องกันเปลี่ยนแนวอธิปไตยชายแดนทะเล