10 เรื่องจริงดูไบ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!!
คุณอาจจะเคยรู้จักดูไบในรูปแบบนครที่เต็มไปด้วยความหรูหรา และผู้คนที่รวยจน่าตกใจ แต่วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ 10 เรื่องจริงในดูไบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!!
อับดับที่ 10 จุดเริ่มต้นของดูไบ
ย้อนกลับไปในปี 1833 ชนเผ่า Bani Yas จำนวน 800 คน เข้ามาตั้งรกรากบนพื้นที่บริเวณนี้อาชีพหลักคือ ทำประมงและขายไข่มุก จากนั่นพวกเขาก็พัฒนาจนเป็นศูนย์กลางการค้าขาย จนมีพ่อค้าชาวอาหรับและชาวอินเดียเข้ามาค้าขายเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าจุดเปลี่ยนปี 1966 มีการคนพบในน้ำมันค้นพบแหล่งน้ำมันดิบ ต่อมาในปี 1971 ดูไบและรัฐ 6 อีกรัฐรวมตัวกัน ก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นเวลาต่อมาดูไบนำเงินจากการขายน้ำมัน มาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จนกลายเป็นพื้นที่ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
อันดับที่ 9 สภาพภูมิอากาศ
ประเทศดูไบตั้งอยู่บนพื้นที่ราบทะเลทราย มีความแห้งแล้งและอุณหภูมิที่สูง และที่นี่แทบจะไม่มีฝนตกเลย โดยดูไบมีปริมาณน้ำ โดยดูไบมีปริมาณน้ำฝน 68 - 94 มิลลิเมตรต่อปี และในส่วนของอุณหภูมิในฤดูร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 42 องศาเซลเซียส หรือในบางช่วงเวลาอาจพุ่งสูงจนถึง 55 องศาเซลเซียส ในส่วนของฤดูหนาวมีอุณหภูมิเฉลี่ย 25 องศาเซลเซียส
อันดับที่ 8 ย่านคลองดูไบ
ภาพรวมดูไบจะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและความหรูหรามากมาย แต่ดูไบก็ยังรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ โดยพื้นที่ที่เรียกว่าย่านดูไบคริสหรือย่านคลองดูไบ ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตที่เก่าแก่ของดูไบเสมอ โจรทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
อันดับที่ 7 ตึกที่สูงที่สุดในโลก
ตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่ที่ดูไบ โดยตึกที่ว่านี้มีนามว่า Burj khalifa มีการก่อสร้างเมื่อปี 2004 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010 เป็นตึกที่มีขนาดสูง 829.8 เมตร ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณ 150,000,000 เหรียญสหรัฐ ซื้อ 48,428 ล้านบาท มี 163 ฉันมี 3 โซนหลักคือโรงแรม อพาร์ตเมนต์และสำนักงาน มีการติดตั้งลิฟท์ความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าเร็วเป็นลำดับซึ่งถือได้ว่าเร็วเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก
อันดับที่ 6 ลดน้ำหนักแลกทอง
ดูไบมีโครงการพิเศษในปี 2013 พวกเขาได้จัดโครงการลดน้ำหนักพวกเขาได้จัดโครงการลดน้ำหนักแลกทอง หรือ "Lose Weight Win Gold" มันคือการแข่งขันลดน้ำหนักมันคือการแข่งขันลดน้ำหนักเพื่อแลกทอง โดยใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 16 สิงหาคมของปี 2013 ผู้เข้าแข่งขันต้องลดน้ำหนักให้ได้อขั้นต่ำสองกิโลกรัม จะได้ทองคำหนึ่งจะได้ทองคำ 1 กรัมต่อน้ำหนักที่ลดไปหนึ่งกิโลกรัม แต่ถ้าลดได้ 5 กิโลกรัมขึ้นไปจะได้ทองคำ 3 กรัมต่อน้ำหนักที่ลดไปหนึ่งกิโลกรัม จากการแข่งขันที่ว่านี้มีผู้เข้าร่วม 12,000 คน ผู้ชนะเลิศ ลดน้ำหนักได้ 21.7 กิโลกรัม
อับดับที่ 5 รถตำรวจ
หลายคนอาจจะได้ยินมาบ้างแล้วว่ารถตำรวจในดูไบเป็นรถซุปเปอร์คาร์ด้วย โดยมีหลายคนสงสัยว่าทำไมโดยมีหลายคนสงสัยว่าทำไมต้องใช้รถซุปเปอร์คาร์? ด้วยเหตุผลคือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบหรูหรา ถามให้ซุปเปอร์คาร์เหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อไล่ล่าผู้ต้องหาหรือผู้ก่อการร้าย แต่มันจะนำไปลาดตระเวนตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ
อับดับที่ 4 ความต้องการน้ำ
ด้วยความแห้งแล้ง และความร้อน ทำให้น้ำจืดเป็นที่ต้องการอย่างมาก ดูไบลงทุนไปกับการบริหารจัดการน้ำจืด เป็นเม็ดเงินมหาศาล โดยการสร้างโรงงานไฟฟ้าและการกลั่นน้ำทะเล สร้างเขื่อน และขุดหาหาแหล่งน้ำใต้ดิน
อับดับที่ 3 ตลาดทองคำในดูไบ
Dubai Gold Souk มันคือพื้นที่ซื้อขายทองคำและอัญมณีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดทองคำปลอดภาษี ทำให้ราคาถูกกว่าตลาดทั่วไป เป็นที่นิยมของพ่อค้าและคนทั่วไป ถึงขนาดที่มีตู้กดทองคำ เพื่อต้องการให้เป็นศูนย์กลางการค้าทองคำของโลก
อับดับที่ 2 The World lslands
การพัฒนาของดูไบประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ก็บางโครงการก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโครงการ the world island ที่เป็นการสร้างเกาะเทียม 300 เกาะ เรียงเป็นแผนที่โลก โดยเริ่มสร้างเมื่อปี 2003 และเปิดโอกาสให้บรรดาเอกชน และมหาเศรษฐีทั่วโลก สามารถเข้ามาจับจองและซื้อขายเกาะเหล่านี้ได้ โดยแรกเริ่มนั้นดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่ถ้าว่าปี 2008 เกิดปัญหาวิกฤตการณ์การเงิน ที่ส่งผลต่อหลายประเทศทั่วโลก ทำให้โครงการนี้ต้องหยุดชะงักลงและถูกทิ้งร้าง
อับดับที่ 1 เส้นทางความมั่นคั่งของดูไบ
แม่น้ำมันจะสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ดูไบไม่อยากพึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว เริ่มนำรายได้จากน้ำมันมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จากนั้นโครงการพื้นฐานดี ก็มีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามา และเปิดเขตการค้าเสรี (เขตปลอดภาษี) ผลที่ได้ก็คือยิ่งมีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากมายอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ภาคธุรกิจเติบโตและอสังหาทรัพย์มีมูลค่ามาก จนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค จากนั้นต่อยอดสิ่งที่สร้างมาทั้งหมด ผลักดันการท่องเที่ยวแบบหรูหรา ซึ่งจากเว็บไซต์ดูไบ.com 95% ของ GDP ไม่ได้มาจากน้ำมัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาในภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว