หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปวดประจำเดือนรุนแรงระวังเสี่ยงสารพัดโรค

โพสท์โดย jameji


 

ปวดประจำเดือน เป็นอาการที่พบได้บ่อยในวัยเจริญพันธุ์ โดยแต่ละช่วงอายุก็พบมากน้อยต่างกันไปอยู่ที่ประมาณ 20-90 เปอร์เซ็นต์ ภาวะผิดปกติที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือน โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่ปีแรกของการมีประจำเดือน ในกรณีที่ไม่มีโรคร่วมอย่างอื่นอาการปวดมักดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น หรือหลังการมีบุตร

สาเหตุการปวดประจำเดือน

สาเหตุของการปวดประจำเดือน แบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

  • ปวดประจำเดือนปฐมภูมิ เกิดจากสาร prostaglandin ที่มีผลต่อมดลูกโดยตรง
  • ปวดประจำเดือนทุติยภูมิ เกิดได้จากหลายโรค ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก การใส่ห่วงอนามัย การมีพังผืดในช่องท้อง เป็นต้น

 

อาการปวดประจำเดือนที่แตกต่างกันในแต่ละสาเหตุ

ในการนรีเวชแบ่งอาการปวดประจำเดือนเป็น 2 กลุ่ม ตามสาเหตุของอาการปวดประจำเดือน ดังนี้

1. ปวดประจำเดือนปฐมภูมิ (Primary dysmenorrhea)

คือ การปวดประจำเดือนที่ไม่มีโรคหรือพยาธิสภาพใดๆ อาการปวดนี้เกิดจากสาร Prostaglandin เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างการมีประจำเดือน สารดังกล่าวเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว ทำให้มีอาการปวดท้องน้อย และลดปริมาณเลือดมาเลี้ยงมดลูก และระดับออกซิเจนมายังมดลูก เหมือนอาการเจ็บครรภ์คลอด โดยสารดังกล่าวอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ ถ่ายเหลวในบางราย  โดยทั่วไปอาการที่เป็นลักษณะจำเพาะของการปวดประจำเดือนปฐมภูมิ มีดังนั้น

  • เริ่มปวดตั้งแต่หลังมีประจำเดือนใหม่ๆ (less than 6 month after menache)
  • ระยะเวลาของอาการจะเกิดภายใน 48-72 ชั่วโมงของการมีประจำเดือน
  • อาการปวดบีบหรือปวดคล้ายอาการเจ็บครรภ์คลอด
  • อาการปวดมักเริ่มจากบริเวณอุ้งเชิงกราน อาจมีร้าวไปหลัง หรือต้นขาได้
  • ตรวจภายในไม่พบความผิดปกติ
  • อาจพบร่วมกับอาการอาการคลื่นไส้ ถ่ายเหลว อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าได้

2. ปวดประจำเดือนทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea)

คือ อาการปวดประจำเดือนที่มีพยาธิสภาพ หรือโรคอื่นอันเป็นสาเหตุของการปวด โดยมักมีอาการปวดที่รุนแรง หรือเรื้อรังมากกว่าปวดประจำเดือนปฐมภูมิ ดังนี้

  • อาการปวดเริ่มในช่วงอายุ 20-30 ปี โดยไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อนหรือปวดน้อยกว่า
  • อาการปวดรุนแรงมากขึ้น มีผลต่อการทำงาน ปวดมากจนในบางรายจำเป็นต้องได้รับยาฉีดแก้ปวด
  • มีประจำเดือนมามากหรือมาผิดปกติร่วมด้วย
  • มีความผิดปกติในอุ้งเชิงกราน หรือตรวจร่างกายพบความผิดปกติ
  • ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิด
  • มีภาวะมีบุตรยาก
  • ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด

 

ปวดประจำเดือนรุนแรงหรือเรื้อรังนานๆ เสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง

โดยทั่วไปดังที่ได้กล่าวมาแล้ว อาการปวดประจำเดือนแบบปฐมภูมิอาการมักไม่รุนแรง ในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรงหรือเรื้อรัง ส่วนใหญ่มักเป็นอาการปวดประจำเดือนทุติยภูมิ ซึ่งสาเหตุการเกิดได้แก่

1. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)

เป็นโรคหรือภาวะที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นหรือบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ภายในโพรงมดลูก โดยเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกจะมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนในร่างกายตามรอบประจำเดือนเหมือนเซลล์ที่อยู่ในโพรงมดลูกที่จะมีประจำเดือนออกมาทุกรอบเดือน ดังนั้น หากมีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่รังไข่ หรือเยื่อบุช่องท้องน้อย ก็จะทำให้มีเลือดคั่ง กลายเป็นถุงน้ำที่เรียกว่าถุงน้ำช็อกโกแลต (chocolate cyst) หรือ มีเลือดออกในช่องท้อง ก็จะมีอาการปวด ระคายเคืองในท้องน้อย ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น และเซลล์ดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดพังผืดในช่องท้องได้ ทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดท้องน้อยขณะตรวจภายใน และปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยากในอนาคตด้วย

ในกรณีที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตเข้ากล้ามเนื้อมดลูก เรียกว่า Adenomyosis ยังทำให้เกิดมดลูกโต ประจำเดือนมามาก ปวดท้องน้อยมากขณะมีประจำเดือน บางรายมีอาการท้องโตขึ้นหรือบวมมากขึ้นก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากมีเลือดออกในกล้ามเนื้อมดลูก

2. เนื้องอกมดลูก โดยเฉพาะเนื้องอกมดลูกชนิดใต้เยื่อบุโพรงมดลูก (Submucous myoma)

เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายของมดลูกที่พบได้บ่อย จากการรายงานผลทางพยาธิวิทยาพบเนื้องอกในมดลูกที่ได้รับการผ่าตัดมากถึง ร้อยละ 80 แต่สำหรับเนื้องอกที่ก่อให้เกิดอาการพบประมาณ 12-25 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น โดยเนื้องอกชนิดใต้เยื่อบุโพรงมดลูกพบได้ร้อยละ 5-10 ของโรคนี้

เนื้องอกชนิดนี้จะทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น เพื่อขจัดสิ่งที่ขัดขวางการหดรัดตัวภายในโพรงมดลูก จึงเป็นสาเหตุให้มีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้น

3. ห่วงอนามัย

เนื่องจากห่วงอนามัยจำเป็นต้องใส่ไว้ภายในโพรงมดลูก จึงเป็นสาเหตุให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น นอกจากนี้อาจทำให้เกิดพังผืดในมดลูกได้ด้วย

4. การมีพังผืดในช่องท้อง

พังผืดนี้อาจเกิดจากผลของการผ่าตัดคลอด หรือประวัติการผ่าตัดเข้าช่องท้องมาก่อน หรือการอักเสบในอุ้งเชิงกรานและช่องท้อง ก่อให้เกิดพังผืดที่มีการดึงรั้งมดลูก ขณะที่มดลูกบีบตัวในขณะมีประจำเดือน ก็ทำให้อาการปวดประจำเดือนเป็นมากขึ้น หรือบางครั้งอาจปวดท้องน้อยเรื้อรังโดยไม่สัมพันธ์กับประจำเดือนก็ได้

5. ปากมดลูกตีบ (Cervical stenosis)

เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เลือดประจำเดือนไหลออกจากโพรงมดลูกได้ไม่สะดวก ทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น ทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้นได้

6. ความผิดปกติของโครงสร้างทางกายภาพในอวัยวะสืบพันธุ์ (Obstructive malformation of the genital tract)

โครงสร้างที่ผิดปกติอาจทำให้ประจำเดือนไหลออกมาไม่ได้ ทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้นได้

นอกจากนี้ยังพบสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรงเรื้อรัง ได้แก่ ภาวะเนื้องอกรังไข่ Ovarian  neoplasm, ภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis), การตั้งครรภ์, เนื้องอกมดลูกชนิดต่างๆ, Adrenal Insufficency and Adrenal Crisis, การติดเชื้ัอในทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ, ท้องนอกมดลูก ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease, Irritable Bowel Syndrome), อุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นต้น

 

วิธีแก้อาการปวดประจำเดือน ทำอย่างไรได้บ้าง?

เมื่อปวดประจำเดือน มีวิธีการรักษาและดูแลผู้ป่วย 4 วิธี ดังนี้

1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา (Non-medical therapeutic options)

อาจเป็นการดูแลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีอาการน้อย หรือใช้ควบคู่กับการใช้ยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ได้แก่

  • การออกกำลังกาย เนื่องจากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายจะปรับปรุงเรื่องอารมณ์และความเครียดที่เกิดขึ้นจากอาการปวดประจำเดือนได้ ทำให้สามารถลดอาการที่เกี่ยวเนื่องกับประจำเดือนและลดอาการปวดได้
  • การฝังเข็ม และการกระตุ้นเส้นประสาท (Transcutaneous electrical nerve stimultation)
  • การออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะ
  • ใช้การประคบร้อน

2. การรักษาด้วยยา (Medical therapeutic options)

การรักษาด้วยยาแบ่งเป็น ยากลุ่มที่ไม่ใช่ฮอร์โมน และยากลุ่มฮอร์โมน

ยากลุ่มที่ไม่ใช่ฮอร์โมน

  • Acetaminophen, Tylenol
  • NSAIDs, COX-2 inhibitors, Transdermal glyceryl trinitrate

โดยยากลุ่ม NSAIDs พบว่า ได้ผลในการรักษาค่อนข้างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากทานยาทันทีที่มีประจำเดือน หรือเริ่มมีอาการที่เกี่ยวเนื่องกับประจำเดือน และทานตามเวลาต่อเนื่อง 2-3 วัน แต่ยาชนิดนี้มีข้อห้ามใช้ในกรณีมีความผิดปกติของภาวะเลือดออก หรือผู้ป่วยหอบหืด ผู้ที่แพ้ยากลุ่มแอสไพริน ตับผิดปกติ โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น

ยากลุ่มฮอร์โมน

  • Combined oral contraceptive (OC) เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการปวดประจำเดือนโดยยาจะกดการทำงานของรังไข่ ลดการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูก ลดปริมาณประจำเดือน และลดการหลั่งสาร prostaglandin ลดแรงบีบภายในมดลูก และลดการบีบตัวของมดลูกด้วย
  • Progestin regimens โดยเฉพาะยาฉีดคุมกำเนิด Depot medroxyprogesterone acetate หลักการทำงานจะยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ ทำให้ไม่มีประจำเดือน พบได้ 55-60 เปอร์เซ็นต์ หลังการใช้ที่ 12 เดือน
  • Levonorgestrel intrauterine system (LN-IUS) เป็นห่วงคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมน progestin โดยจะใส่ไว้ภายในโพรงมดลูก ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อและไม่ทำงาน การเสียเลือดประจำเดือนลดลง 74-97 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าหลังการใส่ 1 ปี 16-35 เปอร์เซ็นต์ไม่มีประจำเดือน ก็จะทำให้อาการปวดประจำเดือนดีขึ้น

3. การรักษาด้วยการผ่าตัด

มักเป็นทางเลือกสำหรับกรณีที่ได้รับการรักษาด้วยยาแก้ปวดและฮอร์โมนไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีรายที่อาจสงสัยภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือพยาธิสภาพในช่องท้อง หรือมีโรคและเนื้องอกต่างๆ  จากสถิติพบว่า ในรายที่ได้รับการรักษาด้วยยาไม่ดีขึ้นและได้รับการผ่าตัดส่องกล้อง พบภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มากถึงร้อยละ 80 การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการปวดประจำเดือน ได้แก่

  • การส่องกล้อง Laparoscopy

เป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรัง และสามารถตรวจหาพยาธิสภาพของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานได้ดี และสามารถให้การรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องไปในคราวเดียวกันได้

  • Uterine artery embolization

ใช้รักษากรณีที่เป็นเนื้องอกมดลูก fibroid สามารถลดขนาดก้อน และลดปริมาณเลือดที่มาเลี้ยงเนื้องอกได้ สำหรับกรณีที่ต้องการเก็บมดลูกไว้

  • การตัดมดลูก

เป็นทางเลือกการรักษาในกรณีที่มีพยาธิสภาพภายในมดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเข้ากล้ามเนื้อมดลูก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรเพียงพอแล้ว และการตัดมดลูกเป็นการรักษาที่ได้ผลยืนยาวเนื่องจากตัดตัวมดลูกออกไปก็จะไม่มีประจำเดือน แต่เก็บรังไข่ไว้สร้างฮอร์โมน ในกรณีที่ยังไม่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

  • การผ่าตัดเส้นประสาท Presacral Neurectomy

เป็นการผ่าตัดเส้นประสาท presacral ที่มายังอวัยวะในอุ้งเชิงกรานโดยตรง พบว่าสามารถลดอาการปวดประจำเดือนได้ในบางราย แต่อาจพบภาวะแทรกซ้อนในเรื่อง ท้องผูก และการขับปัสสาวะได้ประมาณ 5%

  • การจี้เส้นประสาทมดลูก Laparoscopic Uterosacral Nerve Ablation (LUNA)

พบว่าได้ผลในบางราย หลังจากการติดตามผู้ป่วยพบว่ามีโอกาสการกลับเป็นซ้ำ 27%

4. การรักษาด้วยการแพทย์ผสมผสานและแพทย์ทางเลือก (Complementary and Alternative medicine (CAM)

ที่มีรายงานการใช้รักษาภาวะ primary dysmenorrhea ได้แก่ การใช้กลุ่มวิตามิน สมุนไพรต่างๆ เช่น Vitamin E, Fish oil/Vitamin B12 combination, Magnesium, Vitamin B6, Toki-shakuyaku-san, Fish oil, Neptune Krill oil แต่การรายงานประสิทธิภาพจากงานวิจัยยังมีจำกัด

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ปวดประจำเดือน

อาการปวดประจำเดือนเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและเกิดขึ้นได้ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ทุกคน อาการมากบ้างน้อยบ้าง แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาเฉพาะ ดังนั้น สตรีที่มีอาการผิดปกติ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางเพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
jameji's profile


โพสท์โดย: jameji
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช ยืน 1 มหาวิทยาลัยภูมิภาค ดีที่สุดในด้าน GOVERNANCEรู้หรือไม่? กรุงเทพฯ ก็เคยมีภูเขามาก่อน! เรื่องจริงที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ไก่ 12 ตัวตายลึกลับ! ปากพ่นไฟ สุดประหลาดวิหารน็อทร์-ดาม 'ฟื้นฟู' แล้ว! พิธีมิสซาครั้งแรกหลังไฟไหม้...โรงเรียนแห่งหนึ่งในจีน ให้นักเรียนเซ็นสัญญาว่า โรงเรียนไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หากนักเรียนเครียดจากการเรียนจนฆ่าตัวตายวิโรจน์ เข้าพบตำรวจ หลังถูกขู่ยิงขณะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.จันทบุรี สุดท้ายคู่กรณีขอโทษ อ้างไม่ได้มีเจตนาทำเป็นเก่ง!! คนขับซาเล้งโชว์เหนือ นอนขับไปเลยชิลๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อันตรายคืออะไรไม่รู้จักหมอชี้สาเหตุ นักมวยดัง เสียชีวิตกะทันหัน หลังครองแชมป์ WBA เพียง 6 วันเจมส์จิ-โฟม ควงคู่ฉลองวิวาห์สุดหวาน ท่ามกลางธรรมชาติเจ้าสาวสวยสะกดทุกสายตาเกิดเหตุประท้วงรุนแรงในมณฑลส่านซีของจีน หลังนักเรียนชายตกหอพักดับแบบมีเงื่อนงำเตือนภัย!!! 2ค่ายมือถือดังติดตั้ง แอพฯกู้เงินตำรวจรวบตัว โอม ช่างภาพดัง หลังหลอกนางแบบมาถ่ายคลิปแนวอนาจาร ก่อนแอบปล่อยลง OnlyFans ทำรายได้มากมาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ประกาศแจกโบนัส 6.6 เดือน ลุ้นเพิ่มพิเศษอีก 1.5 !!แสน หลังผลกำไรงามในปีที่ผ่านมา “สายการบินไชน่าแอร์ไลน์”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ตำนานอาถรรพ์เหล็กไหลวิโรจน์ เข้าพบตำรวจ หลังถูกขู่ยิงขณะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.จันทบุรี สุดท้ายคู่กรณีขอโทษ อ้างไม่ได้มีเจตนารักสะเทือนใจ! แม่ วัย 41 แต่งงานกับ ลูกชาย วัย 16 ของเพื่อนสนิท สิ้นสุดลงอย่างน่าเศร้า!ลืมซื้อลอตเตอรี่! เพื่อนต่อยกันหน้าร้าน หลังตัวเลขที่ถูกใจกลายเป็นรางวัลใหญ่
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Saloon "ไม่ได้มีแค่อาหารฟรี และเครื่องเดิมนะจ๊ะ"บาร์ยุคคาวบอยที่เป็นยิ่งกว่าศูนย์รวมความบันเทิงของชุมชนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจีน ให้นักเรียนเซ็นสัญญาว่า โรงเรียนไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หากนักเรียนเครียดจากการเรียนจนฆ่าตัวตายนักวิจัยจีนได้คิดค้นวัสดุชนิดใหม่ เปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม เหมือนล่องหนได้Google กำลังจะเริ่มใช้ Digital fingerprinting ในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า มันคืออะไร ไปดูกัน
ตั้งกระทู้ใหม่