โหร "ฟองสนาน จามรจันทร์" กายแก้ว - อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง
แม่หมอสมัครเล่นตอนที่493 โดย ฟองสนาน จามรจันทร์: อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง
เมื่อเกิดปรากฎการณ์”กายแก้ว”โผล่ในกลางเมืองรัตนโกสินทร์ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2566 ที่ขั้นตอนขนส่งรูปปั้นขนาดมหึมาติดที่คอสะพาน ส่งผลให้รถติดที่ถนนรัชดาภิเษกเป็นแพยาวเหยียดและพิธีบวงสรวง เมื่อวันที่13สิงหาคม 2566 รวมทั้งกราบไหว้ของคนศัทธาและกลุ่มคัดค้านแล้ว
เหตุการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่าอันความเชื่อ-ของคนนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคล หากไม่เดือดร้อนคนอื่น หรือทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แตะกันเมื่อใดก็ยุ่งเมื่อนั้น
ตามปกติแล้วแม้ความเชื่อแปลกๆก็มีอยู่ทั่วไปแต่หากจะปรากฎการณ์โผล่ขึ้นมาเป็นข่าวใหญ่-โด่งดังกลางเมืองเช่นการกราบไหว้บูชาราหู-ชูชก-เปรตกู้แห่งคำชะโนด-ตุ๊กตาลูกเทพ-ลัทธิประหลาดใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีชายอ้างตัวเป็นพระบิดา รักษาโรคโดยวิธีการไม่ถูกสุขลักษณะ-ฯลฯ
มักจะมีองค์ประกอบจากอาการของดางจรสองดวงคือ พระราหูจร(8)และพฤหัสบดีจร(5)ทำมุมกับดวงเมืองลงล้อคกัน
ก่อนอื่นมารู้จักอาการทางโหรของดาวสองดวงนี้ก่อน
1.พระราหู ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ ๘ -หากเป็นดาวจรจะใช้ 8 ตำราเฉลิมไตรภพบอกว่า พระอิศวรชุบมาจากผีโขมดสิบสองหัว สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ มีวิมานสีนิล ทรงครุฑ เป็นพาหนะ มีกายใหญ่โตขนาดกลืนพระอาทิตย์และพระจันทร์ด้วย
ราหูเป็นตัวแทนของความมืด เปรียบได้กับอวิชชาบดบังที่มีอยู่ในตัวทุกคน ที่ทำให้เกิดโมหะจริต และอกุศลจิต มัวเมาไปตามอารณ์ต่างๆที่อาจส่งผลได้ทั้งบวก-ลบ (เช่นบางคนมัวเมาทำบุญ)แต่ทางโหรให้น้ำหนักด้านลบมากกว่าบวกคืออยู่ที่ไหนเบียดเบียนให้เดือดร้อนรำคาญที่นั่นเหมือนตัวด้วงมอดคอยกัดกร่อนชีวิต ในทางโหรจึงให้ความหมายสั้นเกี่ยวกับราหูคือ”ทายมัวเมาให้ทายราหู”และนิยมบูชาด้วยของดำ
2.พฤหัสบดี ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ๕-หากเป็นดาวจรใช้5ตำราบอกพระอิศวรสร้างจากฤาษีสิบเก้าตน สีกายแก้วไพทูรย์ อยูวิมาณสีบุศราคำ มีกวางทองเป็นพาหนะ
ข้อแตกต่างชัดเจนคือ ขณะที่ราหูคือเจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา พฤหัสบดี กลับหมายถึงปัญญาทางธรรม เป็นเรื่องของจิตที่ต้องการหมดสิ้นกิเลสทั้งปวงรวมทั้งความลุ่มหลงมัวเมาที่ราหูเป็นตัวแทนอยู่ นำไปสู่การหลุดพ้นจากวัฎฎะสงสาร หรือเป็นสิ่งที่หยั่งรู้ธรรมชาติของทุกสิ่ง หรือพูดง่ายๆคือพุทธจริตนั่นเอง จึงคนเรียนโหรท่องกันติดปากว่า…ทายปัญญาพิสุทธิ์ทายพฤหัสบดี…
จากอาการดาวสองดวงนี้ ในเมืองรัตนโกสินทร์ ก็เหมือนคนที่ย่อมมีทั้งความลุ่มหลงมัวเมา และพุทธจริตสู้-ยื้อกันเป็นระยะๆไปตลอดไม่มีหมดไป(ถ้าเป็นคนก็จนกว่าจะหลุดพ้นหรือสำเร็จอรหันต์)เพราะดาวทั้งสองดวงอยู่กับเมืองตลอด ช่วงใดที่ความลุ่มหลงมัวเมาเด่นปรากฎการณ์อย่างกายแก้วก็จะโผล่กลางเมือง ให้ฝ่ายพุทธจริตได้ออกมาติติงว่าไม่ใช่
ส่วนบรรดาลางบ่งบอกถึงปรากฎการณ์กายแก้วในดวงเมือง คือ
ก.ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2565 มาแล้ว ที่พระราหูจร(8) เจ้าของความลุ่มหลงมัวเมาทับลัคนา และพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง(๑) ซึ่งเป็นตัวแทนจิตใจคนไทยด้วย คนไทยส่วนหนึ่งจึงลุ่มหลงไปบูชาลัทธิแปลกๆ รอมาหนึ่งเกณฑ์
ข.อยู่ในระยะที่ในเมืองจะมีอาการ-เห็นผิดเป็นชอบ-คิดทำออกจากกรอบปกติทั่วไป เช่นแทนที่จะบูชาพระรัตนตรัยและยึดเป็นที่พึ่งก็บูชากายแก้วใหญ่โตมหึมาแทน มีการขายความคิดเซ่นไหว้น่าหวาดเสียวโดยการฆ่าสัตว์ถ้าทำจริงเป็นการละเมิดศีลห้าที่ห้ามฆ่าสัตว์ ฯลฯ ซึ่งรอโอกาสตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน 2566ยาวไปถึง21เมษายน 2567 เป็นตัวซ้ำ
หลักคือระยะนี้ทักษาจรเมืองตกภูมิราหู มีคำพยากรณ์ตามตำราลิลิตทักษาพยากรณ์ ทรงนิพนธ์โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีว่ากลุ่มเหตุการณ์ใหญ่ที่จะเกิดในเมืองตามเกณฑ์นี้คือ…ราหูทิศพายัพ จิตคับแค้นวุ่นวาย บ่สบายพลัดมิตร เห็นผิดเป็นชอบ ศัตรูตอบทดแทน..
ค.ส่วนตัวแทนพุทธจริตคือพฤหัสบดีนั้นตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน2566 เป็นต้นมา-21เมษายน 2567กำลังทับลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน แต่โชคร้ายเป็นระยะที่พฤหัสบดีกำลังเป็นกาลกิณีจรจึงดูเหมือนจะช่วยไปเสริมอาการเห็นผิดเป็นชอบของพระราหูจรเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามพฤหัสบดีก็คือหัวหน้าเทวดาประจำตัวของเมืองแม้จะอยู่ในช่วงผันแปรไปแต่ เมื่อเข้าคู่กับพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑)ถือเป็นคู่มิตรใหญ่ก็ยังพอจะช่วยดึงรั้งอวิชชาได้บ้าง
เราจึงได้เห็นผู้รู้ในเมืองหลายสายจากหลายแหล่ง เช่น ดร.ธงทอง จันทรางศุ-สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยฯลฯได้ออกมาแสดงจุดยืน-ติง-รั้งให้พิจารณาการบูชาและเคลื่อนย้ายรูปปั้นกายแก้วออกไป
รอดูว่าเมื่อพฤหัสบดีกาลกิณีจรเริ่มเดินถอยหลังในราศีเมษประมาณวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไปจะมีการทบทวนเรื่องนี้หรือไม่
สำคัญคือตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป เมื่อพระราหูจร(8)เริ่มย้ายราศีจากเมษ เข้าเดินมีนที่จะมีผลต่อคนทุกลัคนาราศี รวมทั้งเมืองที่ลัคนาสถิตเมษด้วยรูปบูชาใหญ่โตตั้งเด่นเป็นสง่าน้อมนำในทางลุ่มหลงมัวเมาน่าจะย้ายหรือทำให้ลับตาคน ด้วยราศีมีนที่พระราหูจรเข้าไปเดินเป็นภพวินาสน์-มุมอับ-ที่อับของดวงเมือง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเมืองก็เหมือนกับคนที่ยังไม่สำเร็จอรหันต์ จึงย่อมมีอวิชชา-ความลุ่มหลงมัวเมาอยู่ตลอด เพียงแต่จะระดับใดเท่านั้น แล้วรอจังหวะเมื่อใดจะเป็นข่าวใหญ่
สำหรับเราคนที่อยู่ในเมืองนั้นใครมีวาสนาก็จะมีพุทธจริต-ปัญญารู้อะไรควรกราบไหว้บูชา อะไรไม่ควร กลุ่มคนเหล่านี้จะมีพฤหัสบดีเด่นในดวงชะตา
ส่วนคนที่พระราหูเด่นถึงอย่างไรก็จะยังมีความลุ่มหลงมัวเมาอยู่เป็นระยะๆ
ที่เห็นมามีคนลุ่มหลงบูชาเจ้าลัทธิทุ่มเทเสียเงิน-เวลาของชีวิตไปโข ครั้นต่อมาค่อยๆตาสว่าง เกิดพุทธจริตในใจว่าไม่ใช่ กลับสู่ทางชีวิตปกติ -คนเช่นนี้พระราหูเด่นในชะตาจริง แต่ใส้ในหรือดวงนวางค์จักรพฤหัสบดีโดดเด่น-ข่มความลุ่มหลงมัวเมาลง จึงกลับมาได้ในที่สุด
คนเช่นนี้ติดยายังเลิกได้
ฟองสนาน จามรจันทร์
18 สิงหาคม 2566
ภาพดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และดาวจรบ่งบอกการเห็นผิดเป็นชอบในเมือง
พระราหูจร(8)เดินในราศีเมษระหว่าง 30 มีนาคม 2565-18 ตุลาคม 2566
-ย้ายเข้าเดินในราศีมีน 18 ตุลาคม 2566-5 พฤษภาคม 2568
พฤหัสบดีกาลกิณีจร(5)เดินในราศีเมษระหว่าง 21 เมษายน 2566-21 เมษายน 2567(กำลังจะเดินผิดปกติ)