5 เทคนิค อ่านใจคน
การอ่านใจคนเป็นทักษะที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยให้คุณสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น รู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร และต้องการอะไร สิ่งนี้สามารถเป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านของชีวิต ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น ในการเจรจาต่อรอง ในการสัมภาษณ์งาน หรือแม้แต่ในการเล่นเกม
มีเทคนิคมากมายที่คุณสามารถใช้ในการอ่านใจคน ต่อไปนี้คือ 5 วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้:
1. ยิ้ม
การยิ้มเป็นท่าทางที่แสดงถึงอารมณ์หลายอย่าง เช่น ความสุข ความพอใจ ความขอบคุณ และความเสน่หา แต่การยิ้มก็ไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์เหล่านั้นเสมอไป บางครั้งคนอาจยิ้มโดยไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์เหล่านั้นเลย ตัวอย่างเช่น คนอาจยิ้มเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ หรือเพื่อปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงของพวกเขา
มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่ออ่านใจคนจากการยิ้ม ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการ:
- สังเกตดวงตา ดวงตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ และสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคล ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังยิ้มอย่างแท้จริงจะใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและแก้ม คนที่กำลังยิ้มอย่างไม่เต็มใจอาจยิ้มเฉพาะริมฝีปากเท่านั้น คนที่กำลังโกรธอาจขบฟันหรือเม้มปาก
- สังเกตปาก ปากสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังยิ้มอย่างแท้จริงจะใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและแก้ม คนที่กำลังยิ้มอย่างไม่เต็มใจอาจยิ้มเฉพาะริมฝีปากเท่านั้น คนที่กำลังโกรธอาจขบฟันหรือเม้มปาก
- สังเกตใบหน้า ใบหน้าสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจขมวดคิ้วหรือหน้าแดง คนที่กำลังเศร้าอาจแสดงรอยย่นบนหน้าผาก คนที่กำลังกลัวอาจเหงื่อออกหรือตัวสั่น
- สังเกตภาษากาย ภาษากายสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของบุคคล ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจก้าวร้าวหรือกอดไหล่ คนที่กำลังเศร้าอาจก้มหน้าหรือห่อไหล่ คนที่กำลังกลัวอาจก้าวถอยหลังหรือนั่งลง
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ใช่ทุกคนที่ยิ้มในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าคนอื่น และบางคนอาจซ่อนอารมณ์ของพวกเขาไว้ได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตสัญญาณทั้งหมดข้างต้นเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินว่าใครรู้สึกอย่างไร
ต่อไปนี้คือตัวอย่างการยิ้มที่บ่งบอกถึงอารมณ์ต่างๆ:
- รอยยิ้มที่แท้จริง: รอยยิ้มที่แท้จริงเป็นรอยยิ้มที่กว้างและดวงตาจะยิ้มด้วย รอยยิ้มนี้บ่งบอกถึงอารมณ์เชิงบวก เช่น ความสุข ความพึงพอใจ ความขอบคุณ และความเสน่หา
- รอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติ: รอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติเป็นรอยยิ้มที่แคบ และดวงตาจะไม่ยิ้มด้วย รอยยิ้มนี้บ่งบอกถึงอารมณ์เชิงลบ เช่น ความไม่พอใจ ความหงุดหงิด หรือความโกรธ
- รอยยิ้มที่บังคับ: รอยยิ้มที่บังคับเป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะติดอยู่ รอยยิ้มนี้บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อน เช่น ความวิตกกังวล ความประหม่า หรือความกลัว
การอ่านใจคนจากการยิ้มเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน แต่สามารถทำได้ เพียงสังเกตอย่างระมัดระวังและถามคำถาม คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น
2. การแสดงออกทางสีหน้า
การอ่านใจคนจากการแสดงออกทางสีหน้าเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน แต่สามารถทำได้ เพียงสังเกตอย่างระมัดระวัง คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการอ่านใจคนจากการแสดงออกทางสีหน้า:
- สังเกตดวงตา ดวงตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ และสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจจ้องเขม็งหรือกระพริบตาถี่ คนที่กำลังเศร้าอาจหลั่งน้ำตาหรือก้มหน้า คนที่กำลังกลัวอาจหรี่ตาหรือมองไปด้านข้าง
- สังเกตปาก ปากสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังยิ้มอย่างแท้จริงจะใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและแก้ม คนที่กำลังยิ้มอย่างไม่เต็มใจอาจยิ้มเฉพาะริมฝีปากเท่านั้น คนที่กำลังโกรธอาจขบฟันหรือเม้มปาก
- สังเกตใบหน้า ใบหน้าสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจขมวดคิ้วหรือหน้าแดง คนที่กำลังเศร้าอาจแสดงรอยย่นบนหน้าผาก คนที่กำลังกลัวอาจเหงื่อออกหรือตัวสั่น
- สังเกตร่างกาย ร่างกายสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคลได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจก้าวร้าวหรือกอดไหล่ คนที่กำลังเศร้าอาจก้มหน้าหรือห่อไหล่ คนที่กำลังกลัวอาจก้าวถอยหลังหรือนั่งลง
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ใช่ทุกคนที่แสดงออกทางสีหน้าในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจแสดงออกทางสีหน้ามากกว่าคนอื่น และบางคนอาจซ่อนอารมณ์ของพวกเขาไว้ได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตสัญญาณทั้งหมดข้างต้นเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินว่าใครรู้สึกอย่างไร
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการแสดงออกทางสีหน้าทั่วไปและความหมาย:
- รอยยิ้ม รอยยิ้มอาจเป็นสัญญาณของความสุข ความพึงพอใจ หรือความเสน่หา
- คิ้วขมวด คิ้วขมวดอาจเป็นสัญญาณของความไม่พอใจ ความหงุดหงิด หรือความโกรธ
- ตาโต ตาโตอาจเป็นสัญญาณของความประหลาดใจ ความกลัว หรือความตื่นเต้น
- ปากที่เปิดออก ปากที่เปิดออกอาจเป็นสัญญาณของความตกใจ ความกลัว หรือความประหลาดใจ
- เหงื่อออก เหงื่อออกอาจเป็นสัญญาณของความเครียด ความกังวล หรือความกลัว
การอ่านใจคนจากการแสดงออกทางสีหน้าเป็นทักษะที่มีประโยชน์ที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น เพียงสังเกตอย่างระมัดระวังและถามคำถาม คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น
3. การขยับร่างกาย
ทิศทางของร่างกายสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของบุคคล ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการในการอ่านใจคนจากทิศทางของร่างกาย:
- ทิศทางของเท้า: เท้ามักจะชี้ไปในทิศทางที่บุคคลต้องการไป ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังนั่งคุยกับคุณและเท้าชี้ไปทางประตู พวกเขาอาจไม่สนใจการสนทนาหรือต้องการจากไป ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังนั่งคุยกับคุณและเท้าชี้มาที่คุณ พวกเขาอาจสนใจการสนทนาและต้องการสานต่อ
- ทิศทางของลำตัว: ลำตัวมักจะชี้ไปในทิศทางที่บุคคลให้ความสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังคุยกับคุณและลำตัวหันไปทางคุณ พวกเขาอาจให้ความสำคัญกับการสนทนา หากคุณหันไปทางอื่น พวกเขาอาจไม่ให้ความสำคัญกับการสนทนา
- การสัมผัส: ผู้คนมักจะสัมผัสคนที่พวกเขารู้สึกสบายใจและไว้ใจ การสัมผัสสามารถเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่การจับมือไปจนถึงการสัมผัสเบาๆ บนไหล่ หากคุณสัมผัสใครสักคนและพวกเขาถอยหนีหรือขยับออก พวกเขาอาจไม่สบายใจหรือไม่ไว้ใจคุณ
- ระยะห่าง: ผู้คนมักจะรักษาระยะห่างทางกายภาพกับคนที่พวกเขารู้สึกสบายใจและไว้ใจ ระยะห่างที่สะดวกสบายอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วผู้คนจะรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ห่างจากคนที่พวกเขาไม่รู้จักมากกว่าคนที่พวกเขารู้จัก
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ใช่ทุกคนที่แสดงออกทางร่างกายในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจแสดงออกทางร่างกายมากกว่าคนอื่น และบางคนอาจซ่อนอารมณ์ของพวกเขาไว้ได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตสัญญาณทั้งหมดข้างต้นเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินว่าใครรู้สึกอย่างไร
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างทิศทางร่างกายทั่วไปและความหมาย:
- เท้าชี้ไปทางประตู: บุคคลไม่สนใจการสนทนาหรือต้องการจากไป
- ลำตัวหันไปทางคุณ: บุคคลให้ความสำคัญกับการสนทนา
- การสัมผัส: บุคคลรู้สึกสบายใจและไว้ใจคุณ
- ระยะห่าง: บุคคลรู้สึกสบายใจกับคุณ
การอ่านใจคนจากทิศทางของร่างกายเป็นทักษะที่มีประโยชน์ที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น เพียงสังเกตอย่างระมัดระวังและถามคำถาม คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น
4. การมองตา
การมองตาเป็นวิธีหนึ่งในการอ่านความรู้สึกของอีกฝ่าย ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการในการอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย "การมองตา":
- ระยะเวลาในการมองตา: ระยะเวลาในการมองตาอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจมองคุณเป็นเวลานานกว่าปกติ คนที่กำลังรู้สึกสบายใจอาจมองคุณเป็นเวลาสั้นกว่าปกติ
- ความถี่ในการมองตา: ความถี่ในการมองตาอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกหกอาจมองคุณบ่อยกว่าปกติ คนที่กำลังรู้สึกสบายใจอาจมองคุณน้อยกว่าปกติ
- การกระพริบตา: การกระพริบตาอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจกระพริบตาน้อยลง คนที่กำลังรู้สึกสบายใจอาจกระพริบตามากกว่าปกติ
- การแสดงออกทางสีหน้า: การแสดงออกทางสีหน้าอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจขมวดคิ้วหรือบีบดวงตา คนที่กำลังรู้สึกสบายใจอาจยิ้มหรือหัวเราะ
- ภาษากาย: ภาษากายอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังโกรธอาจกอดอกหรือก้าวถอยหลัง คนที่กำลังรู้สึกสบายใจอาจยืนตรงหรือเท้าชิดกัน
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ใช่ทุกคนที่แสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจแสดงออกทางอารมณ์มากกว่าคนอื่น และบางคนอาจซ่อนอารมณ์ของพวกเขาไว้ได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตสัญญาณทั้งหมดข้างต้นเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินว่าใครรู้สึกอย่างไร
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีการมองตาที่บ่งบอกถึงอารมณ์ต่างๆ:
- การมองตาแบบท้าทาย: การมองตาแบบท้าทายอาจบ่งบอกถึงความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความท้าทาย
- การมองตาแบบหลบๆ ซ่อนๆ: การมองตาแบบหลบๆ ซ่อนๆ อาจบ่งบอกถึงความประหม่า ความวิตกกังวล หรือความไม่สบายใจ
- การมองตาแบบชื่นชม: การมองตาแบบชื่นชมอาจบ่งบอกถึงความเสน่หา ความหลงใหล หรือความรัก
- การมองตาแบบสบายๆ: การมองตาแบบสบายๆ อาจบ่งบอกถึงความไว้วางใจ ความสบายใจ หรือความสบายใจ
การอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย "การมองตา" เป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน แต่สามารถทำได้ เพียงสังเกตอย่างระมัดระวังและถามคำถาม คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น
5. อ่านนิสัยความคิดจากท่าทาง
ท่าทางสามารถบอกคุณมากมายเกี่ยวกับนิสัยและความคิดของบุคคล ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการในการอ่านนิสัยและความคิดของบุคคลจากท่าทาง:
- เท้า: เท้ามักจะชี้ไปในทิศทางที่บุคคลต้องการไป ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังนั่งคุยกับคุณและเท้าชี้ไปทางประตู พวกเขาอาจไม่สนใจการสนทนาหรือต้องการจากไป ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังนั่งคุยกับคุณและเท้าชี้มาที่คุณ พวกเขาอาจสนใจการสนทนาและต้องการสานต่อ
- มือ: มือมักจะแสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคล ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังจับมือแน่น พวกเขาอาจรู้สึกประหม่าหรือกังวล ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังขยับมืออยู่ตลอดเวลา พวกเขาอาจรู้สึกไม่สบายใจหรือวิตกกังวล
- ไหล่: ไหล่มักจะแสดงออกเกี่ยวกับความมั่นใจของบุคคล ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังห่อไหล่ พวกเขาอาจรู้สึกไม่สบายใจหรือวิตกกังวล ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังยืนตรง พวกเขาอาจรู้สึกมั่นใจและสบายใจ
- ใบหน้า: ใบหน้ามักจะแสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ของบุคคล ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังยิ้ม พวกเขาอาจรู้สึกมีความสุขหรือพอใจ ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังขมวดคิ้ว พวกเขาอาจรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด
- ดวงตา: ดวงตามักจะแสดงออกเกี่ยวกับความสนใจของบุคคล ตัวอย่างเช่น หากบุคคลกำลังมองคุณ พวกเขาอาจสนใจการสนทนา ในทางกลับกัน หากบุคคลกำลังมองไปรอบๆ พวกเขาอาจไม่สนใจการสนทนา
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ใช่ทุกคนที่แสดงออกทางร่างกายในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจแสดงออกทางร่างกายมากกว่าคนอื่น และบางคนอาจซ่อนอารมณ์ของพวกเขาไว้ได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตสัญญาณทั้งหมดข้างต้นเพื่อที่คุณจะได้ตัดสินว่าใครรู้สึกอย่างไร
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างท่าทางทั่วไปและความหมาย:
- เท้าชี้ไปทางประตู: บุคคลไม่สนใจการสนทนาหรือต้องการจากไป
- มือจับแน่น: บุคคลรู้สึกประหม่าหรือกังวล
- ไหล่ห่อ: บุคคลรู้สึกไม่สบายใจหรือวิตกกังวล
- ยืนตรง: บุคคลรู้สึกมั่นใจและสบายใจ
- ยิ้ม: บุคคลรู้สึกมีความสุขหรือพอใจ
- ขมวดคิ้ว: บุคคลรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด
การอ่านนิสัยและความคิดของบุคคลจากท่าทางเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน แต่สามารถทำได้ เพียงสังเกตอย่างระมัดระวังและถามคำถาม คุณจะสามารถเข้าใจผู้คนรอบตัวคุณได้ดียิ่งขึ้น
หวังว่าวิธีการต่างๆเหล่านี้คงเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย ขอบคุณครับ
รูปภาพโดย: pixabay.com