หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

หม่าล่า เมนูยอดฮิต กับคุณประโยชน์ที่มากมาย

โพสท์โดย marthini

       

        หมาล่า (จีน: 麻辣; พินอินmálà) เป็นรสชาติยอดนิยมอย่างหนึ่งในอาหารจีน เครื่องปรุงที่ให้รสชาตินี้ประกอบด้วยพริกไทยเสฉวน (ได้จากพืชบางชนิดในสกุลมะแข่น) พริก และเครื่องเทศอื่น ๆ เคี่ยวในน้ำมัน คำว่า หมาล่า มาจากการประสมกันของอักษรจีนสองตัว ได้แก่ หมา (麻) แปลว่า "ชา" กับ ล่า (辣) แปลว่า "เผ็ด" ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกในปากหลังจากรับประทานเครื่องปรุงดังกล่าวเข้าไป ซึ่งเรียกว่าอาการ "เด้าลิ้น"

          หม่าล่า นั้นเป็นเครื่องเทศจีน เครื่องปรุงอาหารที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พริกป่น โป๊ยกั๊ก ยี่หร่า ขิงผง เกลือ และ พริกไทยเสฉวน หรือ ฮวาเจียว ส่วนผสมอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสูตร ซึ่งสิ่งที่ทำให้ลิ้นของเราเกิดอาการชา ก็คือเม็ดฮวาเจียวนั่นเอง หมาล่าถือเป็นรสชาติของอาหารประจำภูมิภาคสำหรับฉงชิ่งและเสฉวน และในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมชนิดหนึ่งในอาหารจีน หม่าล่านั้นนิยมใส่ในอาหารหลากหลายประเภท ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด รวมไปถึงเมนูปิ้งย่าง ด้วยกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ เลยทำให้หลายๆ คนที่ได้ทานหม่าล่านั้นต้องติดใจไปตามๆ กัน

ฮวาเจียว คืออะไร

          ฮวาเจียว (Huajiao) หรือ พริกไทยเสฉวน (Sichuan Pepper) เครื่องเทศที่มีลักษณะภายนอกคล้ายพริกไทยดำ แต่ส่วนเปลือกจะมีสีน้ำตาลแดง มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เป็นเครื่องเทศที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนลึกๆ และความรู้สึกชาที่ปลายลิ้น ฮวาเจียว เป็นเครื่องเทศที่มักจะถูกใส่อยู่ในอาหารเสฉวนเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะเมนูหม่าล่า ด้วยความเชื่อของชาวจีนเสฉวนที่ว่าความเผ็ดร้อนของฮวาเขียว จะช่วยทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี และช่วยขับความชื้นออกจากร่างกาย การนำฮวาเจียวมาใช้ ก็สามารถใช้ได้ทั้งเมล็ดสด เมล็ดแห้ง โดยการใส่ทั้งเมล็ดหรือนำมาบดเป็นผงเครื่องเทศก่อนก็ได้ เวลาที่เราทานหม่าล่าแล้วรู้สึกชาที่ลิ้นเป็นพิเศษ ให้รู้ไว้เลยว่าเรากำลังเคี้ยวโดนเจ้าเม็ดฮวาเขียวอยู่นั่นเอง

 ประโยชน์ของหม่าล่ามีอะไรบ้าง ? 

  1. มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบการไหลเวียนเลือด เหมาะกับผู้ป่วยโรคโลหิตจาง เพราะพริกไทยเสฉวนมีปริมาณธาตุเหล็กสูง
  2. ช่วยลดความเจ็บปวด ด้วยคุณสมบัติของพริกชนิดต่างๆ ที่เมื่อเราทานพริกเข้าไปร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือเอ็นโดรฟินออกมา จึงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้
  3. ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่พบมากในพริกแทบทุกชนิด รวมไปถึงพริกไทยเสฉวน มีฤทธิ์ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ซึ่งในหม่าล่านั้นประกอบด้วยทั้งพริกไทยเสฉวนและพริกแห้ง การทานหม่าล่าจึงอาจสามรถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้
  4. ช่วยลดความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล ด้วยส่วนผสมของสมุนไพรหลากหลายชนิดในหม่าล่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยให้เสริมการทำงานของหัวใจให้แข็งแรง ช่วยลดความดันโลหิต และคอเลสเตอรอลได้
  5. ช่วยบำรุงการทำงานของหัวใจ ช่วยลดโอกาสการเกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ต้านการแข็งตัวของเลือด และอาการหลอดเลือดตีบ
  6. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
  7. ช่วยขับลมในลำไส้ กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
  8. ช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ ป้องกันการเป็นตะคริว ท้องอืด และท้องผูก
  9. มีสารต้านอนุมู,อิสระ ช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  10. น้ำมันหอมระเหยของพริกไทยเสฉวนนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารเคมีอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสามารถต้านเชื้อราและไวรัสได้ดี
  11. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ป้องกันภาวะโรคกระดูกพรุน
  12. ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติในสตรี
  13. ช่วยบำรุงสายตา ทำให้จอประสาทตาแข็งแรง ลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อม และการสูญเสียการมองเห็น
  14. ใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
  15. ความเผ็ดร้อนของหม่าล่า จะช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา ช่วยลดอาการไข้ และดับพิษร้อนในร่างกาย
  16. ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอ ขับเสมหะ
  17. บรรเทาอาหารของโรคหวัด คัดจมูก
  18. ช่วยลดอาการไซนัส สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่พบในพริกแห้ง และพริกไทยเสฉวน มีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และอาการปวดจากไซนัสได้ชั่วคราว
  19. ช่วยให้อยากอาหาร
  20. ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ

ข้อควรระวังในการทานหม่าล่า

       

                  ด้วยความที่หม่าล่า เป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเป็นหลัก ข้อควรระวังในการทานหม่าล่า หลักๆ จะเป็นในส่วนของผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และระบบลำไส้ ดังนั้นควรทานแต่พอดี ไม่ควรทานหม่าล่าในปริมาณที่มาก และต่อเนื่องจนเกินไป

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
marthini's profile


โพสท์โดย: marthini
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เมื่อ INTJ มีงานกลุ่ม" 28 Years Later " 28 ปีที่รอคอยอันตราย 4 โรคต้องห้ามกินทุเรียน..!หนุ่มต่างชาติสุดน่ารัก และอารมณ์ดี..พากันใส่ชุดไทยสตรีเดินชิลเที่ยววัดอรุณฯหล่อฮังก้วย " หวานกว่าน้ำตาล 150 - 200 เท่า "
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่มต่างชาติสุดน่ารัก และอารมณ์ดี..พากันใส่ชุดไทยสตรีเดินชิลเที่ยววัดอรุณฯหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ยกเท้าถีบรถชาวบ้านไปทั่วกัมพูชา : คลังอาวุธทางทหารระเบิด ทหารเสียชีวิต 20 รายสุดยอดหนุ่มเตะต้นกล้วยเจาะยางด้วยท่า Calf kick ตามด้วยพลังหมัดเอาซะต้นกล้วยโค่นพี่บัวขาวเจอคู่แข่งก็คราวนี้แหละ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
"มังคุด"ผลไม้ไทย ป้องกันเชื้อ HIV ได้หรือไม่?5 โรคห้ามกินทุเรียน!!เมื่อ INTJ มีงานกลุ่มหล่อฮังก้วย " หวานกว่าน้ำตาล 150 - 200 เท่า "
ตั้งกระทู้ใหม่