หม่าล่า เมนูยอดฮิต กับคุณประโยชน์ที่มากมาย
หมาล่า (จีน: 麻辣; พินอิน: málà) เป็นรสชาติยอดนิยมอย่างหนึ่งในอาหารจีน เครื่องปรุงที่ให้รสชาตินี้ประกอบด้วยพริกไทยเสฉวน (ได้จากพืชบางชนิดในสกุลมะแข่น) พริก และเครื่องเทศอื่น ๆ เคี่ยวในน้ำมัน คำว่า หมาล่า มาจากการประสมกันของอักษรจีนสองตัว ได้แก่ หมา (麻) แปลว่า "ชา" กับ ล่า (辣) แปลว่า "เผ็ด" ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกในปากหลังจากรับประทานเครื่องปรุงดังกล่าวเข้าไป ซึ่งเรียกว่าอาการ "เด้าลิ้น"
หม่าล่า นั้นเป็นเครื่องเทศจีน เครื่องปรุงอาหารที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พริกป่น โป๊ยกั๊ก ยี่หร่า ขิงผง เกลือ และ พริกไทยเสฉวน หรือ ฮวาเจียว ส่วนผสมอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสูตร ซึ่งสิ่งที่ทำให้ลิ้นของเราเกิดอาการชา ก็คือเม็ดฮวาเจียวนั่นเอง หมาล่าถือเป็นรสชาติของอาหารประจำภูมิภาคสำหรับฉงชิ่งและเสฉวน และในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมชนิดหนึ่งในอาหารจีน หม่าล่านั้นนิยมใส่ในอาหารหลากหลายประเภท ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด รวมไปถึงเมนูปิ้งย่าง ด้วยกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ เลยทำให้หลายๆ คนที่ได้ทานหม่าล่านั้นต้องติดใจไปตามๆ กัน
ฮวาเจียว คืออะไร
ฮวาเจียว (Huajiao) หรือ พริกไทยเสฉวน (Sichuan Pepper) เครื่องเทศที่มีลักษณะภายนอกคล้ายพริกไทยดำ แต่ส่วนเปลือกจะมีสีน้ำตาลแดง มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เป็นเครื่องเทศที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนลึกๆ และความรู้สึกชาที่ปลายลิ้น ฮวาเจียว เป็นเครื่องเทศที่มักจะถูกใส่อยู่ในอาหารเสฉวนเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะเมนูหม่าล่า ด้วยความเชื่อของชาวจีนเสฉวนที่ว่าความเผ็ดร้อนของฮวาเขียว จะช่วยทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี และช่วยขับความชื้นออกจากร่างกาย การนำฮวาเจียวมาใช้ ก็สามารถใช้ได้ทั้งเมล็ดสด เมล็ดแห้ง โดยการใส่ทั้งเมล็ดหรือนำมาบดเป็นผงเครื่องเทศก่อนก็ได้ เวลาที่เราทานหม่าล่าแล้วรู้สึกชาที่ลิ้นเป็นพิเศษ ให้รู้ไว้เลยว่าเรากำลังเคี้ยวโดนเจ้าเม็ดฮวาเขียวอยู่นั่นเอง
ประโยชน์ของหม่าล่ามีอะไรบ้าง ?
- มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบการไหลเวียนเลือด เหมาะกับผู้ป่วยโรคโลหิตจาง เพราะพริกไทยเสฉวนมีปริมาณธาตุเหล็กสูง
- ช่วยลดความเจ็บปวด ด้วยคุณสมบัติของพริกชนิดต่างๆ ที่เมื่อเราทานพริกเข้าไปร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือเอ็นโดรฟินออกมา จึงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้
- ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่พบมากในพริกแทบทุกชนิด รวมไปถึงพริกไทยเสฉวน มีฤทธิ์ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ซึ่งในหม่าล่านั้นประกอบด้วยทั้งพริกไทยเสฉวนและพริกแห้ง การทานหม่าล่าจึงอาจสามรถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้
- ช่วยลดความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล ด้วยส่วนผสมของสมุนไพรหลากหลายชนิดในหม่าล่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยให้เสริมการทำงานของหัวใจให้แข็งแรง ช่วยลดความดันโลหิต และคอเลสเตอรอลได้
- ช่วยบำรุงการทำงานของหัวใจ ช่วยลดโอกาสการเกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ต้านการแข็งตัวของเลือด และอาการหลอดเลือดตีบ
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
- ช่วยขับลมในลำไส้ กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ ป้องกันการเป็นตะคริว ท้องอืด และท้องผูก
- มีสารต้านอนุมู,อิสระ ช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- น้ำมันหอมระเหยของพริกไทยเสฉวนนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารเคมีอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสามารถต้านเชื้อราและไวรัสได้ดี
- ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ป้องกันภาวะโรคกระดูกพรุน
- ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติในสตรี
- ช่วยบำรุงสายตา ทำให้จอประสาทตาแข็งแรง ลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อม และการสูญเสียการมองเห็น
- ใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
- ความเผ็ดร้อนของหม่าล่า จะช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา ช่วยลดอาการไข้ และดับพิษร้อนในร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอ ขับเสมหะ
- บรรเทาอาหารของโรคหวัด คัดจมูก
- ช่วยลดอาการไซนัส สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่พบในพริกแห้ง และพริกไทยเสฉวน มีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และอาการปวดจากไซนัสได้ชั่วคราว
- ช่วยให้อยากอาหาร
- ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ
ข้อควรระวังในการทานหม่าล่า
ด้วยความที่หม่าล่า เป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเป็นหลัก ข้อควรระวังในการทานหม่าล่า หลักๆ จะเป็นในส่วนของผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และระบบลำไส้ ดังนั้นควรทานแต่พอดี ไม่ควรทานหม่าล่าในปริมาณที่มาก และต่อเนื่องจนเกินไป
- ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ไม่ควรทานหม่าล่าตอนท้องว่าง หรือไม่ควรทานหม่าล่าที่มีความเผ็ดระดับสูง เพราะรสเผ็ด อาจไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตกรดขึ้นมาเยอะ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อแผลในกระเพาะอาหาร หรือเกิดอาการปวดท้องเนื่องจากแผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน กรดที่ไหลย้อนหลังจากการทานหม่าล่า หรืออาหารรสเผ็ดจัด อาจจะทำให้เยื่อบุหลอดอาหารระคายเคือง และเกิดอาการแสบร้อนกลางอกที่มากขึ้นได้
- ผู้มีปัญหาลำไส้แปรปรวน เนื่องจากหม่าล่าเป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้น เผ็ดจัด เค็มจัด การทานอาหารที่รสจัดมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายเกิดอาหารท้องอืด ปวดท้อง รวมไปถึงอาจจะเกิดอาการท้องเสียได้
- ซุปหม่าล่า เป็นซุปที่มี ไขมันค่อนข้างมาก ดังนั้นควรทานในปริมาณที่พอดี และเว้นช่วงการทาน เพื่อให้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
อ้างอิงจาก: https://th.wikipedia.org/wiki/หมาล่า
https://food.trueid.net/detail/KVxg85A4lp9z