กะทกรกป่าหรือเงาะป่า
กะทกรกป่า มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักขี้หิด รุ้งนก เงาะป่า เถาสิงโต ผักบ่วง หญ้าถลกบาต เครือขนตาช้าง ตำลึงฝรั่ง ตำลึงทอง
ลักษณะของกะทกรกป่า
ต้นกะทกรก จัดเป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุประมาณ 2-5 ปี มีมือสำหรับใช้ยึดเกาะ และมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทุกส่วน กะทกรกจะมีกลิ่นเหม็นเขียวเฉพาะตัว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด และเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพอากาศ
ลักษณะใบ
กะทกรก
มีใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหัว ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเว้าเป็น 3 แฉก แผ่นใบมีขนสีน้ำตาลขนาดเล็กขึ้นทั้งสองด้าน
ลักษณะดอกกะทกรก
ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ ดอกมีกลีบดอก 10 กลีบ กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อน กลีบด้านในเป็นสีขาว มีกระบังรอบเป็นเส้นฝอยสีขาวโคนม่วง ส่วนกลีบเลี้ยงของดอกเป็นเส้นฝอย ดอกมีก้านชูเกสรร่วม แยกเป็นก้านเกสรตัวผู้ และก้านเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน จะผสมเกสรและติดผลเอง
ลักษณะผลกะทกรก
ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมสีส้ม และมีใบประดับเส้นฝอยคลุมอยู่ ภายในผลมีเนื้อหุ้มเมล็ดใสและฉ่ำน้ำ (คล้ายกับเมล็ดแมงลักแช่น้ำเเละคล้ายเมล็ดเสาวรส) มีรสหวานแบบปะแล่ม ๆ และจะออกดอกออกผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน
ประโยชน์ของกะทกรก
ยอดอ่อน ผลอ่อน ผลสุก ผลแก่ รวมทั้งรกหุ้ม สามารถใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำมาต้มหรือลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก
และสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นยาฆ่าและป้องกันแมลงศัตรูพืชได้ เนื่องจากต้นกะทกรกมีกลิ่นเหม็นเขียว จึงช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์เข้ามาทำลายได้
สรรพคุณของกะทกรกป่า
- ผลดิบมีรสเมาเบื่อ ส่วนผลสุกมีรสหวานเย็น ช่วยบำรุงปอด
- ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ
- ช่วยถอนพิษเบื่อเมาทุกชนิด
- ช่วยแก้ความดันโลหิตสูง (ราก)
- เปลือกใช้เป็นยาชูกำลัง เนื้อไม้ใช้เป็นยาควบคุมธาตุในร่างกาย
- ส่วนเถาใช้เป็นยาธาตุ
- รากสดหรือรากตากแห้งใช้ชงกับน้ำดื่มเป็นชา จะช่วยทำให้สดชื่น