ชีวิตวันวันของ Jame Evening ตอนที่ 20 (ทำไมการปล่อยให้คนที่เรารักจากไปเป็นการรักตัวเองมากขึ้น?)
สวัสดีวันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 เที่ยงคืน 2 นาทีก็วันนี้นะครับได้มีไปคิดถึงนะครับถึงเรื่องเก่าๆนะครับว่าการรักตัวเองมากขึ้นเนี่ยมันมีมาจากอะไรบ้างครับแล้วก็นึกถึงเพื่อนเก่าคนนึงนะครับที่เขาเคยเจ็บปวดในเรื่องของความรักมากๆนะครับเจ็บปวดในเรื่องของความสัมพันธ์ที่แบบว่าทำให้เขารู้สึกแย่หรือจมดิ่งกับมันไปแบบเป็นเดือนๆหรือแบบว่าเกือบปีครับที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีก็เรานึกถึงเรื่องนี้
เพราะว่าเราไปได้ยินเขาคุยกันถึงเรื่องเกี่ยวกับความรักกันมาเป็นวัยรุ่นกลุ่มนึงแหละนะครับเขาคุยกันถึงความรักว่าทำไมถึงยังรักคนนี้อยู่อีกอ่ะทำไมแบบไม่ปล่อยเขาไปซะทีไรเงี้ยไม่ไม่ตัดใจสักทีไรเงี้ยก็คือแบบเหมือนเพื่อนคุยกันในกลุ่มแก๊งนะครับว่าแบบว่าเออทำไมแบบปล่อยไปซะทีเหอะอะไรเนี่ยเขาก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นอะไรเนี่ยเขาไม่ได้มาสนใจใยดีอะไรแกขนาดนั้นเลยนะเว้ยเขาค่อนข้าง
ที่จะแบบปล่อยแกไปด้วยซ้ำแบบไม่สนใจแกเลยแล้วทำไมแกต้องไปสนใจเขาด้วยนะครับก็อันนี้เป็นประโยคสนทนาคร่าวๆที่ผมได้ยินมาตอนที่เราเดินสวนกับกลุ่มแก๊งนี้นะครับผมเดินค่อนข้างช้านะครับก็เลยได้ยินข้างๆแบบว่าประโยคเกือบเต็มๆเลยนะครับผมก็มันทำให้เรามาฉุกคิดนะครับถึงคำถามที่ว่าทำยังไงเราถึงจะรักตัวเองมากขึ้นนะครับจากการที่
มันเกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้อ่ะครับแต่ความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นการที่เราเหมือนเราไปรักเขาอีกฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายนึงเนี่ยไม่ได้รักเรากลับมาเขาอ่ะเหมือนโบยบินไปแล้วอ่ะครับแต่เราอ่ะยังอยู่บนดินเนี่ยมองหน้าเขาอยู่บนฟ้าอะไรแบบนี้อ่ะครับคือเขาลอยตัวไปแล้วอาจจะลอยตัวด้วยการที่เรามอบความรักไปให้เขาแต่
เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่เขาไปรักคนอื่นซะด้วยซ้ำในบางครั้งนะครับก็ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นคำถามที่น่าสนใจมากเลยอ่ะก็คือทำไมเราถึงปล่อยคนที่เรารักมากๆไปจากตัวเองได้แล้วทำไมการปล่อยคนที่เรารักมากๆแล้วครับไปจากตัวเองได้เป็นการรักตัวเองมากขึ้นอันนี้คือคำถามที่ผมสงสัยในตัวเองมากทั้งที่เรารักคนนี้มากๆเลยนะ
แต่ว่าเราปล่อยคนนี้ไปอาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่สนใจเราหรือเปล่าหรือจะเป็นเพราะว่าเราใส่ใจเขาไม่มากพอหรือเปล่าก็แล้วแต่นะครับแต่เมื่อเราได้อยู่กับตัวเองอ่ะครับคือเราปล่อยเขาไปแล้วนะปล่อยให้เขาไปอยู่ที่อื่นอยู่กับคนอื่นหรือว่าอยู่กับครอบครัวเขาก็แล้วแต่นะครับโดยที่เราเนี่ยเหมือนกับว่าไม่รู้จักกันแล้วไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอีกแล้วอ่ะครับ
ผมมองว่ามันเหมือนกับว่ามันเป็นการที่เราจะอยู่กับตัวเองได้ใช้ชีวิตได้มองถึงส่วนต่างๆของตัวเองอ่ะครับว่าตอนนี้เราเป็นยังไงเรารู้สึกยังไงเรากล้าพอที่จะก้าวเดินต่อไปหรือยังเราได้ทำร้ายตัวเองไปมากแค่ไหนเราได้ทำให้คนอื่นรอบข้างเราเนี่ยเสียใจไปมากแค่ไหนมันทำให้เราได้กลับมามองได้กลับมามองว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้างแล้วเราก็จะเริ่มหา
อะไรดีๆเข้ามาสู้ตัวเองนะครับอย่างเช่นอาจจะเป็นการพักผ่อนกับครอบครัวการไปอ่านหนังสือกับครอบครัวหรือว่าอยู่กับตัวเองดูหนังฟังเพลงไปใช้ชีวิตกับเพื่อนนะครับที่เราสนิทด้วยหรือจะเป็นที่แบบเพื่อนธรรมดาก็ได้ไปออกกำลังกายบ้างเพื่อที่จะได้ผ่อนคลายแล้วก็ร่างกายจะได้แข็งแรงด้วยมันดูเหมือนเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวเองดูสดชื่นนะครับทำให้ตัวเองดูกลับมาสดใสเหมือนเดิมตัวกลับมาเป็น
เราในเวอร์ชั่นที่พร้อมที่จะแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นนะครับนี่คือเราในเวอร์ชั่นที่อยากจะรักตัวเองมากขึ้นนะครับหรือเป็นเวอร์ชั่นที่เราอยากจะมีความสุขมากขึ้นโดยการที่เราปล่อยคนที่เขาไม่ได้สนใจเราแล้วหรือไม่ได้เห็นใจอะไรเราอีกแล้วนะครับถึงแม้ว่าความสัมพันธ์นั้นแหละจะเป็นความสัมพันธ์ที่เราอาจจะเป็นคนที่ทำลายมันเองก็ตามแต่หรือเขาเป็นคนที่ทำลายมันก็ตามแต่นะครับแล้วแต่เลยนะครับว่ามันจะเกิดขึ้นแบบไหน
แต่อยากให้มองว่าการที่เราปล่อยออกไปได้อ่ะครับปล่อยความรักที่เขาไม่ได้รักเราแล้วนะครับจะช่วยให้เราเติบโตขึ้นช่วยให้เรารักตัวเองมากขึ้นครับผมมองว่าแบบนั้นนะทีนี้ผมเลยอยากให้ทุกคนนะครับลองไปถามตัวเองดูบ้างว่าคนที่เรารักอยู่ในตอนนี้เขารักเราอยู่บ้างไหมถ้าเขาไม่ได้รักเราอยู่เนี่ยเราลองปล่อยเขาไปดูไหมแล้วรักตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ไหมล่ะลองดูไหมนะครับอยากให้ทุกคนลองดูนะครับว่าลองสังเกตตัวเองว่าถ้าเราปล่อยคนๆนี้ไปแล้วชีวิตเราจะดีขึ้นไหมเขาจะรักตัวเองมากขึ้นไหมการรักตัวเองให้มากขึ้นเนี่ยก็เหมือนกับว่าเราพร้อมที่จะรักคนอื่นแล้วนะครับก่อนที่จะรักคนอื่นได้เราต้องรักตัวเองให้ได้ก่อนนะครับก็ลองไปถามตัวเองดูกันนะครับแล้วก็ลองไปทำดูนะครับว่าเป็นยังไงถ้าผลลัพธ์ไปในทางที่ดีก็ยินดีด้วยครับแต่ถ้าไปในทางที่ไม่ดีก็ไม่เป็นไรครับลองหาวิธีอื่นดูนะเราทำเพื่อรักตัวเองนะครับโอเคครับไว้เจอกันใหม่ตอนที่ 21 ครับขอบคุณครับ