แม่บ้านปริญญาใจ (นิยายอ่านเล่นเล่มเล็ก) โดย...กัมพู
นิยายเรื่อง แม่บ้านปริญญาใจ (นามปากกา กัมพู) แนวนิยายรัก
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
--------------------------------------
อารัมภบท...
หนนี้กทาการไม่ส่งเสียงถามให้เปลืองน้ำลาย ทว่าเธอลงน้ำหนักเท้าอย่างเบากริบ ย่องมาหยุดหน้าประตูห้องเจ้าปัญหา จัดการดึงบานประตูนั้นเปิดอ้าออกโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้ตัว...
“โอ๊ะ! ...”
เลยเป็นเหตุให้ผณกรซึ่งลงน้ำหนักตัวทั้งหมดพิงบานประตูไว้ทั้งบาน เซถลาลงมานอนกองบนพื้นอย่างหมดสภาพ...ซวยมากกว่านั้นคือขวดเบียร์ที่ชายหนุ่มถือมาด้วยหล่นแตกกระจายเต็มพื้นห้อง...
ส่วนเจ้าของฝีเท้าเบากริบรีบกระโดดหลบมายืนด้านด้วยความไวทายาด...
กทาการเห็นท่าไม่สู้ดี ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ตัวเขาสูงใหญ่ราวยักษ์ ใบหน้าดูถมึงทึง หนวดเครายาวรกไปทั่วใบหน้า มองแล้วช่างน่ากลัวชะมัด...
หญิงสาวเลยรีบหันไปคว้าแจกันใบเขื่องใกล้มือมาถือขู่ พร้อมตวัดสายตาแข็งกระด้างจ้องร่างหนาที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลเต็มที...
สายตาหญิงสาวเอาเรื่อง และยิ่งทำให้โมโหเดือดจนกลายเป็นน้ำร้อนเข้าไปกันยกใหญ่ เมื่อตอนสายตาของกทาการหรุบเห็นตรงพื้นบริเวณกระเบื้องขัดมัน ใกล้กับเจ้าของร่างยักษ์ใหญ่นั่งแหมะอยู่ กลับมีน้ำสีอำพันไหลเจิ่งนองออกมาจากปลายขวดที่มันกระทบกับพื้นรุนแรงจนแตกไม่เหลือซาก...
เดือดร้อนต้องลงมือทำความสะอาดใหม่อีกรอบกันละทีนี้...
ลิงค์เข้าดาวน์โหลดนิยายอีบุ๊ก ฉบับเต็ม (แม่บ้านปริญญาใจ) - https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMzE4MyI7fQ
ตอน...เด็กกำพร้า
กทาการเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติ เดิมทีเธอถูกทิ้งไว้ยังโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด... นัยว่ามารดาของเธอเป็นเพียงเด็กสาววัยรุ่น เกิดพลาดพลั้งจนกระทั่งตั้งท้องขึ้นมา ชายคนรักก็ดันมาตีจาก พอคลอดลูกได้เพียงสองวัน เด็กสาววัยรุ่นผู้นั้นกลับหลบหนีออกจากโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตามตัวเจ้าหล่อนผู้นั้นไม่พบ...
กทาการจึงถูกส่งตัวมายังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่มีชื่อว่า บ้านฤทัยรัก เธอใช้ชีวิตและเติบโตที่นั่นนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนกระทั่งทุกวันนี้กทาการมีอายุมากพอจะดูแลตัวเองได้สบาย มีงานมีการมั่นคงทำ ไม่ต้องเดือดร้อนเงินของพวกแม่ๆทั้งสามนาง...
หญิงสาวจึงได้ขอย้ายออกมาใช้ชีวิตตามลำพังภายในบ้านพักหลังขนาดย่อม รายล้อมด้วยสิ่งแวดล้อมค่อนข้างดีทีเดียว เพื่อนบ้านทุกหลังล้วนมีนิสัยน่ารัก น่าคบหา ไม่มีหรอกพวกเกกมะเหรกเกเร...
กทาการลงทุนซื้อบ้านหลังงามนี้ไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เป็นเงินออมก้อนใหญ่ในสมุดบัญชี ซึ่งเป็นเงินเก็บสะสมจากการทำงานสารพัดมานานหลายปี...กายย้ายออกมาอยู่ข้างนอกบ้านฤทัยรัก ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็กกำพร้าที่นี่ หากทุกคนเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว สามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่เดือดร้อน...เด็กคนนั้นจะต้องออกมาใช้ชีวิตเป็นของตัวเองลำพัง...บางคนโชคดีหน่อยก็ออกไปมีชีวิตใหม่กับครอบครัวที่มีฐานะมั่นคง บางคนออกมาแล้วเอาตัวไม่รอด บ้านฤทัยรักแห่งนี้ก็ยังอ้าแขนต้อนรับให้กลับมาตั้งหลักใหม่เสมอ...
หญิงสาวไร้ญาติไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ของเธอนั้นขาดแคลนความรัก...อาจด้วยเพราะตัวเองได้รับความรักและความเมตตาจากแม่ๆ ทั้งหลาย...เธอมีแม่ชบา แม่พิกุล และแม่มะลิ พวกท่านทั้งสามเป็นสาวเทื้อ เป็นแม่ของลูกอีกหลายชีวิตในบ้านไม้สามชั้นหลังใหญ่โตแห่งนี้...
พวกท่านทั้งสาม คอยให้การอบรมสั่งสอนลูกๆ ทุกคน ให้ดำรงตนเป็นคนดี โดยไม่ทำตัวเป็นภาระต่อสังคม เป็นคำสอนที่เด็กบ้านนี้ต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจ แล้วนำมาเป็นแนวทางปฏิบัติในการใช้ชีวิตประจำวัน...
กทาการก็มีความเชื่อว่าการทำความดีเป็นสิ่งถูกต้อง ความดีจะชนะทุกอย่าง เธอจึงไม่เคยละเลยที่จะทำแต่สิ่งดีๆ...
บ้านไม้สามชั้นขนาดกว้าง มีพื้นที่โดยรอบไว้ใช้ประโยชน์มากมาย มีทั้งลานสร้างกิจกรรมในด้านงานฝีมือ ฝึกฝนจนทำให้เด็กในบ้านเก่งจนสามารถสร้างรายได้เข้ามาอย่างเป็นกอบเป็นกำ ไหนจะแปลงผักปลอดสารพิษ เลยมาอีกนิดเป็นโรงครัวขนาดใหญ่ แบ่งกั้นไว้สำหรับอบขนมขายตามร้านคอฟฟี่ช็อป...
แม่มะลิเล่าว่า เดิมทีบ้านฤทัยรักเป็นเพียงบ้านไม้หลังเล็ก ...ก่อนมีผู้ใจบุญยกผืนดินหลายสิบไร่ให้โดยไม่คิดสตางค์สักบาท อีกทั้งพร้อมรื้อทอนบ้านหลังเก่า แล้วลงมือสร้างบ้านหลังใหม่ซึ่งกว้างขวางและดูมั่นคงกว่าเดิมให้เสร็จสรรพ รวมทั้งยังคอยมอบทุนสนับสนุนจำนวนไม่น้อย ให้แก่บ้านฤทัยรักไว้ใช้จ่ายในทุกๆเดือนอีกด้วย...
ส่วนตัวเธอนั้นได้เรียนหนังสือระดับสูงอย่างที่ตั้งใจ...
ก่อนจบมามีงานทำที่มั่นคงในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง...
ดังนั้นในทุกๆช่วงเย็นหลังจากเลิกทำงานประจำ...กทาการจึงมักแวะเข้ามาช่วยแม่ๆ ทำขนมอบแห้งเอาไว้ส่งตามร้านรวงต่างๆขายเสมอ...
ค่าขนมพวกนี้ช่วยทำให้เกิดรายได้เพิ่มพูนเป็นกอบเป็นกำ โดยไม่ต้องนั่งรอเพียงเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา...
กทาการเป็นหญิงสาวกตัญญูเป็นทุนเดิม แถมยังเป็นคนมีนิสัยหนักเอาเบาสู้มาตั้งแต่เด็ก...ดังนั้นเธอจึงมักหางานพิเศษทำยามมีเวลาว่างโดยไม่ให้กระทบกับงานประจำทำจนเกิดความเคยชิน วันไหนไม่มีงานพิเศษทำเธอคงฟุ้งซ่าน เพราะไม่เคยปล่อยเวลาให้สูญเปล่า คงตั้งแต่เธอมีแรงพอจะทำงานเล็กๆ น้อยๆ ได้กระมัง...หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงานนั้นจะได้รับเงินจำนวนมากหรือน้อยแค่ไหน ขอให้มีรายได้เข้ากระเป๋าสตางค์เป็นพอ...
เพราะในทุกๆ เดือน กทาการจะแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งของเธอโอนเข้าบัญชีบ้านฤทัยรัก เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระพวกแม่ๆทั้งสามคนอีกทางหนึ่งด้วย...
ด้วยเพราะบ้านฤทัยรัก เป็นบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ใช่มูลนิธิมีชื่อเสียง นานครั้งเท่านั้นถึงได้มีผู้ใจบุญแวะเวียนเข้ามาบริจาค ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่ของบ้านฤทัยรักนอกเหนือจากเงินเดือนประจำของผู้ใจบุญท่านนั้นแล้ว พวกแม่ๆ ของเธอ มักเจียดเวลาในช่วงเย็น ลงแรงช่วยกันทำขนมอบแห้งส่งตามร้านค้าต่างๆ นั่นเอง...
นอกเหนือจากเรื่องรายได้ ยังถือเป็นการสอนน้องๆ ให้รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันหน้าที่กันทำ ใครถนัดทำอะไรแบบไหนก็ลงมือทำสิ่งนั้น ด้วยความสมัครสามัคคี...
“เดี๋ยวตรงที่เหลือพวกแม่ทำต่อกันเองได้ลูก หนูหมอกรีบกลับบ้านเถอะ ไหนวันนี้จะต้องแวะขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักให้คุณดารินอีกไม่ใช่หรือไง”
แม่พิกุลโบกมือไล่เธอ ก่อนเดินเข้ามายืนตรงหน้าตู้อบขนมแทน...
“เหลืออีกแค่ห้านาทีขนมก็อบเสร็จแล้วค่ะ”
“กลับเถอะหนูหมอก คอนโดนั้นพอตกดึกยิ่งไม่ค่อยมีรถรับจ้างผ่านด้วยไม่ใช่หรือไง ดึกดื่นจะอันตราย แม่เป็นห่วง นี่ถ้าไม่ใช่เป็นคุณดารินเธอเป็นคนเอ่ยปากจ้างงานเอง แม่คงไม่ให้หมอกรับทำงานนี้แน่นอน ถึงเงินจะดีแค่ไหนแต่ก็อันตรายเหลือเกิน...”
แม่ชบาหมายถึงคอนโดหรู ตั้งอยู่ย่านใจกลางแหล่งเศรษฐกิจ...ถึงแม้เจ้าคอนโดดังกล่าวจะตั้งไม่ห่างจากย่านธุรกิจดังก็จริง ทว่าพอตกดึกเข้าหน่อย ถนนสายนั้นรถลาแทบไม่ค่อยมีขับผ่าน และคุณดารินที่แม่ชบาพูดถึง เจ้าหล่อนเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณ เลยเหมือนน้ำท่วมปาก ปฏิเสธก็ไม่ได้เสียด้วย...
“นั่นสิ...เหลืออีกแค่ไม่กี่อย่าง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเสร็จหมด ให้พวกน้องๆ เข้ามาช่วยทำต่อก็ได้ หมอกไปล้างมือล้างไม้เตรียมตัวกลับเลยลูก อย่าทำให้พวกแม่ๆ ทั้งต้องคอยเป็นห่วงเป็นกังวลกันเลย...”
“งั้นก็ได้ค่ะ...”
กทาการยอมถอยก้าวออกมาจากหน้าตู้อบขนมแต่โดยดี...ตัวเธอเองก็ตระหนักถึงอันตรายดังกล่าวเช่นกัน หญิงสาวจัดแจงล้างมือล้างไม้ก่อนเอ่ยปากลาบรรดาแม่ๆ ทั้งสามคน...
“หมอกกลับแล้วนะคะ แล้วพรุ่งนี้หมอกจะมาช่วยแม่ๆ ทำขนมขายใหม่...”
“จ้ะ...พระคุ้มครองนะลูก เดินทางปลอดภัย...”
แม่ๆ ทั้งสามหันมารับไหว้พร้อมด้วยคำอวยพรต่อท้าย กทาการแวะล่ำลาน้องๆ ในบ้านฤทัยรักก่อนเจ้าตัวจะเดินออกมานั่งรถรับจ้างประจำทางหน้าปากซอย และเพียงไม่เกินชั่วโมงหญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวรูปไข่ซึ่งมีนัยน์ตาหวานซึ่งเป็นจุดโดดเด่นให้คนต้องเหลียวมองตาม ผมดำยาวสลวยถึงกลางหลังก็เดินทางมาถึงคอนโดหรูดังกล่าว...
วันนี้กทาการมีความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก หางตาขวามันคอยกระตุกยิกขึ้นบ่อยครั้ง ทำเอาใจคอเธอไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก แต่ยังพยายามไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน มือคอยยกขยี้หนังตาให้มันหายกระตุก...
จิตตั้งอธิษฐาน ขอให้หลังจากนี้ตนเองนั้นพบเจอแต่เรื่องดีๆก็แล้วกัน...
ก่อนเจ้าตัวกระชับกระเป๋าสะพาย พร้อมเดินเข้าสู่ภายในตึกโดดเด่นตรงหน้า...
หญิงสาวหยุดยิ้มทักทายเจ้าหน้าที่สาวตรงเคาน์เตอร์...เจ้าหล่อนเป็นคนอัธยาศัยดี และอีกทั้งตนนั้นเคยเข้ามาทำความสะอาดห้องหรูภายในตึกนี้หลายครั้ง เลยทำให้รู้จักอีกฝ่าย...พอได้พูดคุยกันสักพัก เกิดถูกชะตา ทั้งเธอและเจ้าหน้าที่สาวจึงกลายเป็นเพื่อนพูดคุยด้วยความสนิทใจในเวลาไม่นาน...
“วันนี้มาช้าจังเลยนะหมอก รถติดเหรอ”
ไม่ค่อยติดหรอกจ้ะเดือน แต่หมอกแวะเข้าไปช่วยแม่ๆ ทำขนมขายก่อนมาที่นี่น่ะ...เอ้านี่จ้ะ...หมอกเอาขนมอบแห้งฝีมืออดีตสาวชาววังมาฝากด้วยนะ...”
“โอ้โห! ลาภปากเดือนอีกตามเคย...ขอบใจนะ”
สาวได้รับของฝากเป็นขนมถูกใจคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนเอี้ยวตัววางถุงขนมของฝากไว้ใต้เคาน์เตอร์ทำงาน...กทาการเห็นว่าตอนนี้ชักจะเย็นมากขืนมัวโอ้เอ้คงไม่ทันเวลารถรับส่งภายในซอย เจ้าตัวจึงรีบเอ่ยขอตัวขึ้นไปทำงานยังชั้นบน...
“นั้นหมอกขอตัวก่อนนะ ถ้าไม่ดึกมากนัก เดี๋ยวจะแวะลงมาคุยด้วยใหม่”
กทาการบอกลาเพื่อนสาว ก่อนเจ้าตัวจะเดินเลี้ยวเข้าสู่ทางประตูกระจก ซึ่งเป็นบริเวณติดกับที่ตั้งของตัวลิฟต์ เดือนแรมเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ แต่พอหันกลับมาอีกที กทาการกลับเดินหายลับเข้าไปในตัวลิฟต์เสียแล้ว...
เจ้าหน้าที่ประจำคอนโดสาวทำสีหน้ายุ่งยากใจ...
“เอาไงดีหวา! ดันลืมบอกกับหมอกเสียด้วย วันนี้มีญาติของคุณดารินเข้ามาพักอยู่ในห้อง แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง หมอกเข้าไปทำความสะอาดแค่แป๊บเดียว คุณคนหล่อคนนั้นคงยังไม่กลับมาตอนนี้...”
เดือนแรมไหวไหล่ตัดปัญหาตรงหน้าทิ้ง มุมปากสีสดยิ้มหวาน นัยน์ตากระจ่างชวนเพ้อฝันยามเมื่อนึกถึงญาติของลูกค้าคนดัง...
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อเป็นบ้า...
หญิงสาวช่างเพ้อทรุดร่างลงนั่งยังเก้าอี้ประจำ พร้อมหยิบถุงขนมหน้าตาน่ารับประทาน ของฝากจากเพื่อนสาวนิสัยดีมาแกะกินเป็นการฆ่าเวลาทำงาน นัยน์ตายังคงพราวระยับเมื่อใบหน้าหล่อเหลาผุดพรายขึ้นมาอีกครา พอทำให้หัวใจแห้งเหี่ยวมาหลายปีรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้าง...
ส่วนทางด้านกทาการ พอเข้ามายืนภายในลิฟต์ เจ้าตัวกดชั้นที่ต้องการซึ่งเป็นชั้นบนสุด ยืนคอยอยู่สักพักตัวลิฟต์จึงเคลื่อนตัวขึ้นมาถึงชั้นที่เธอต้องการ...ตอนเดินออกจากลิฟต์เธอยังส่งยิ้มให้กับคนที่เดินสวนเข้ามายืนภายในตัวลิฟต์ด้วยความคุ้นเคย...
“สวัสดีจ้ะหนูหมอก...มาทำความสะอาดห้องให้น้องดารินสินะ”
“สวัสดีค่ะ...” กทาการพนมมือไหว้เมื่อคนที่เอ่ยเสียงทักทายมีอายุมากกว่าตัวเองหลายปี
ดารินไม่ได้เข้ามาอยู่ในคอนโดแห่งนี้ประจำ เจ้าหล่อนเพียงซื้อทิ้งไว้เฉยๆ เท่านั้น ชีวิตโดยส่วนใหญ่ของดาริน หญิงสาวมักต้องบินตามสามีติดต่อธุรกิจต่างประเทศตลอดเวลา นานทีปีหนถึงแวะเข้ามาพักอาศัยสักครั้งสองครั้งเท่านั้น...
ความจริงคอนโดแห่งนี้จะมีแม่บ้านประจำคอยดูแลให้บริการทำความสะอาดอยู่แล้ว ถ้าหากลูกค้าคนใดสนใจ สามารถติดต่อให้แม่บ้านของทางคอนโดเข้ามาทำความสะอาดภายในห้องพักนั้นๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม...
ทว่าดารินไม่ค่อยไว้วางใจ ยังไงก็คนแปลกหน้าต่อกัน เจ้าหล่อนอยากได้คนที่ไว้วางใจได้มากกว่า พอรู้ว่ากทาการอดีตเด็กสาวจากบ้านฤทัยรัก เคยรับจ้างทำงานนอกเวลาประเภทนี้มาก่อน ดารินจึงเอ่ยปากว่าจ้างโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก...
ด้วยส่วนตัวดารินเองได้รู้จักมักคุ้นกับทางบ้านฤทัยรักกันมาพอสมควร ตอนสมัยเป็นสาววัยรุ่นยังไม่แต่งงาน ดารินกับมารดามักเข้ามาบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นกับบ้านเด็กกำพร้าฤทัยรักทุกๆ ปี ครั้งแรกที่ดารินเห็นกทาการ ตอนนั้นเด็กสาวคอยวิ่งวุ่นจัดการธุระด้วยความขยันขันแข็งแทนคุณป้าชื่อดอกไม้ทั้งสาม ยอมรับว่าดารินเกิดสะดุดตา ชอบในนิสัยใจคอของเด็กสาวคนนี้ถึงขั้นประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเชียวละ...
กทาการมีนิสัยอ่อนน้อมและยังเป็นคนขยันใฝ่หาความรู้ใส่ตัว แถมยังไม่เคยนิ่งดูดายปล่อยตัวให้ไร้ประโยชน์ ดารินมักเห็นเด็กสาวนิสัยดีคนนี้คอยวิ่งหางานพิเศษทำเรื่อยมา...
หญิงสาวเคยถามว่าทำไม กทาการตอบดารินด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มว่า ต้องการแบ่งเบาภาระของพวกแม่ๆ และจะได้มีเงินช่วยค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ให้กับทางบ้านเด็กกำพร้าฤทัยรัก...
ดารินรู้สึกความประทับใจในตัวเด็กสาวผู้นี้ จนเกิดความเสียดายอยู่ครามครัน นี่ถ้าหากดารินมีน้องชายแท้ๆ สักคน จะขอจองกทาการมาเป็นน้องสะใภ้...
กทาการวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะกระจกเหมือนเช่นเคย อาศัยความเคยชินมาทำความสะอาดห้องพักหรูนี้บ่อยครั้ง เลยค่อยๆเดินเปิดไฟในส่วนของห้องทีละดวง จนเกิดแสงสว่างจ้าทั่วทั้งบริเวณ...กทาการเลยเร่งลงมือทำงานเพื่อจะได้เสร็จทันเวลารถรับจ้างหมด
หญิงสาวหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่สักพัก เมื่อเธอนั้นรู้สึกเหมือนมีสิ่งของบางอย่างภายในห้อง ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดเดิม...จำได้ว่าหมอนอิงใบนั้น วันก่อนเธอวางมันไว้อีกจุดหนึ่งนี่นา...
หรือว่าเราจะจำผิด...กทาการเอียงศีรษะคุ้นคิดได้สักพักกับพอดีสายตาเหลือบแลเห็นนาฬิกาติดฝาผนัง เข็มสั้นกำลังเคลื่อนตัวใกล้เลขแปด กระตุ้นให้เธอต้องหยุดคิดเรื่องไร้สาระแล้วให้ลงมือจัดการทำงานเสียที...
หญิงสาวจึงรีบขยับตัวเดินตรงมายังส่วนของทางด้านห้องครัว ตรงนี้มีตู้สำหรับเก็บเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดไว้เป็นระเบียบ...แยกออกมาทางปีกซ้ายของตัวห้องโถงกว้าง...
กทาการลงมือทำความสะอาดอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม เริ่มต้นตั้งแต่ห้องครัวเรื่อยมาจนถึงห้องรับแขก ทุกการเคลื่อนไหวเจ้าหล่อนทำได้ความคล่องแคล่วกระชับกระแชง...และด้วยขนาดของห้องพักนั้นมีขนาดกว้างขวาง เพราะว่าถูกแบ่งเป็นหลายห้อง กว่ากทาการจะทำเสร็จหมดทุกห้องก็ใช้เวลานานพอสมควร...
จนกระทั่งห้องสุดท้ายคือห้องน้ำภายในห้องนอนสำหรับใช้รับแขก หญิงสาวรู้สึกเอะใจขึ้นมาอีกครั้ง ตอนก้มลงขัดพื้น เธอได้กลิ่นของสบู่เหลวตีขึ้นมาเข้าจมูก และตรงฝาท่อระบายยังมีคาบของฟองสบู่เหลวเป็นคาบสีขุ่น...
หญิงสาวย่นหัวคิ้ว กวาดสายตามองความผิดปกติโดยรอบอย่างละเอียด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวพรวดออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มันต้องมีคนเข้ามาพักแน่ๆ และใครคนนั้นก็ไม่ใช่คุณดารินอย่างแน่นอน แม่พิกุลบอกเธอเองนี่นา วันนี้คุณดารินเพิ่งบินด่วนไปประเทศญี่ปุ่นกับสามี...
เธอต้องโทรถามคุณดารินให้รู้เรื่อง ถ้าไม่ใช่คุณดารินแล้วจะเป็นใคร...
หากคำตอบค้างคาใจของกทาการ ตอนนี้กำลังยืนโงนเงนด้วยเท้าที่ไม่ค่อยมั่นคงมากนัก มือข้างหนึ่งยันบานประตูกันไม่ให้ตัวเองล้มหัวฟาดพื้น ส่วนอีกมือกำลังล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงยีนเข้ารูป เน้นสะโพกหนั่นแน่น กับเรียวขายาวแข็งแกร่ง ผณกรมีสายเลือดผสมระหว่างไทยอเมริกัน ดังนั้นชายหนุ่มเลยรูปร่างสูงใหญ่กว่าชายไทยปกติทั่วไป...
สติที่เหลือน้อยนิดทำให้ผณกรยิ่งหากลับยิ่งไม่เจอ อารมณ์เขาเลยพานหงุดหงิดงุ่นง่าน เขาตบมือหนักๆลงบนลำตัว ขมวดคิ้วเข้มเพราะไม่รู้ตัวเองยัดไอ้เจ้าคีย์การ์ดห้องใบนั้นไว้ตรงส่วนไหนของเสื้อผ้า...
“บ้าฉิบ! “ ชายหนุ่มสบถเสียงขุ่นพลางถอนหายใจดังเฮือก
และเป็นเพราะเสียงกุกกักดังขึ้นแถวบริเวณหน้าห้อง มือซึ่งเตรียมเลื่อนหารายชื่อของคุณดารินมีอันต้องหยุดชะงัก...กทาการหันขวับพร้อมหยุดสายตายังจุดกำเนิดของเสียงนั่น ตั้งใจตะแคงหูฟังเสียงดังกล่าวใหม่ให้แน่ใจ ใช่เสียงคนหรือเสียงอะไรกันแน่ ค่อยสืบเท้าขยับเดินตรงไปยังหน้าประตูทีละน้อย...
“นั่นใครคะ? ...”
กทาการส่งเสียงถาม แต่อีกฝั่งประตูกลับไม่มีผู้ใดตอบรับ หญิงสาวจึงส่งเสียงถามซ้ำใหม่อีกครั้ง ตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น หากสถานการณ์ด้านนอกยังคงเหมือนเดิม คือยังคงเงียบสงัด...
หรือว่าเราจะหูฝาดไป...กทาการบ่นพึมพำพร้อมส่ายหน้า ก่อนหันหลังเดินกลับมายังกลางห้องรับแขก ขยับปลายนิ้วหารายชื่อคุณดารินใหม่อีกครั้ง เธอต้องการความกระจ่าง คุณดารินได้อนุญาตให้ใครเข้ามาพักที่นี่หรือไม่...
เหตุเพราะห้องในคอนโดหรูราคาราวห้าสิบล้านแห่งนี้ นอกจากคุณดารินกับสามี ก็มีเพียงแค่เธออีกคนที่ถือคีย์การ์ด เธอไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย ดังนั้นเธอต้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข...และเพียงไม่นานเสียงที่เจ้าตัวเข้าใจว่าเป็นเพียงความเข้าใจผิด กลับดังขึ้นมาอีกครั้ง...
หนนี้กทาการไม่ส่งเสียงถามให้เปลืองน้ำลาย ทว่าเธอลงน้ำหนักเท้าอย่างเบากริบ ย่องมาหยุดหน้าประตูห้องเจ้าปัญหา จัดการดึงบานประตูนั้นเปิดอ้าออกโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้ตัว...
“โอ๊ะ! ...”
เลยเป็นเหตุให้ผณกรซึ่งลงน้ำหนักตัวทั้งหมดพิงบานประตูทั้งบานไว้ เซถลาลงมานอนกองบนพื้นอย่างหมดสภาพ...ซวยมากกว่านั้นคือขวดเบียร์ที่ชายหนุ่มถือมาด้วยหล่นแตกกระจายเต็มพื้นห้อง...
ส่วนเจ้าของฝีเท้าเบากริบรีบกระโดดหลบมายืนด้านด้วยความไวทายาด...
กทาการเห็นท่าไม่สู้ดี ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ตัวเขาสูงใหญ่ราวยักษ์ ใบหน้าดูถมึงทึง หนวดเครายาวรกไปทั่วใบหน้า มองแล้วช่างน่ากลัวชะมัด...
หญิงสาวเลยรีบหันไปคว้าแจกันใบเขื่องใกล้มือมาถือขู่ พร้อมตวัดสายตาแข็งกระด้างจ้องร่างหนาที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลเต็มที...
สายตาหญิงสาวเอาเรื่อง และยิ่งทำให้โมโหเดือดจนกลายเป็นน้ำร้อนเข้าไปกันยกใหญ่ เมื่อตอนสายตาของกทาการหรุบเห็นตรงพื้นบริเวณกระเบื้องขัดมัน ใกล้กับเจ้าของร่างยักษ์ใหญ่นั่งแหมะอยู่ กลับมีน้ำสีอำพันไหลเจิ่งนองออกมาจากปลายขวดที่มันกระทบกับพื้นรุนแรงจนแตกไม่เหลือซาก...
เดือดร้อนต้องลงมือทำความสะอาดใหม่อีกรอบกันละทีนี้...
กทาการโกรธจัดเพราะว่างานเธอใกล้เสร็จทันเวลาที่กะเอาไว้...พอมาเจอเรื่องแบบนี้เข้ามีหวังคงได้ตกรถกันพอดี...ดังนั้นเวลานี้ สีหน้าที่เคยอ่อนหวานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยแปลเปลี่ยนเป็นเขียวสลับแดง อยากเอาแจกันในมือฟาดหัวชายตรงหน้าสักที เมาแล้วยังมาสร้างปัญหาให้กับคนอื่นเขาได้อีก ทำไมไม่หลับอยู่ในห้องพักของตัวเองก็ไม่รู้...
มือซึ่งถือแจกันเงื้อขึ้นสูง ก่อนร่างกลมกลึงจะโน้มลงต่ำหาคนหมดสภาพบนพื้นห้อง...
“นายมาทำอะไรที่หน้าประตูห้องนี้ หรือว่าจะมาแอบขโมยของ...”
ตวาดถามไม่ถึงประโยคดีด้วยซ้ำ กทาการต้องรีบเบือนหน้าหนีกลิ่นเหม็นฉุนกึก...
เป็นกลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างหนา ฟุ้งกระจายรุนแรงจนคนได้กลิ่นรู้สึกแสบจมูก พอผสมเข้ากับกลิ่นตรงพื้นห้อง เลยยิ่งทำให้ภายในห้องพักหรูไม่ต่างจากบ่อหมักเหล้าดีๆ นี่เอง...
กทาการเลยรีบเบือนหน้าหนี เธอไม่ชอบกลิ่นของมัน ถึงขึ้นรังเกียจเลยก็ว่าได้...
ส่วนคนเมามายถึงขั้นเดินไม่ตรงทางและทรงตัวไม่อยู่ ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ทั้งนั้น ผณกรได้แต่นั่งข่มความเจ็บแล้วกัดฟันกรอดๆ มันเกิดอะไรขึ้น...
“บ้าฉิบ! ...” เขาสบถเสียงต่ำ
ตอนนี้ผณกรทั้งจุก ทั้งโมโห ไม่คิดว่าการมาเมืองไทยมันจะทำให้ชีวิตเขาพังพินาศ ต้องมาพบเจอแต่กับเรื่องบัดซบ ไหนจะเรื่องคนรักแอบไปแต่งงานโดยปล่อยให้เขาโง่เป็นควายมาเป็นแรมปี แล้วไหนจะถูกผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มายืนส่งเสียงแว๊ดๆ แถมยังทำให้เขาเจ็บตัวอีกต่างหาก...
ผณกรตวัดสายตาขุ่นแค้น จ้องเจ้าของร่างบอบบาง ซึ่งเขาเห็นเพียงรางเลือน แม่นั่นกำลังยืนจังก้าทำราวกับแม่งูคอยหวงไข่ เอาแต่ส่งเสียงขู่เขาฟ่อๆ...
“ยายบ้า! เธอนั่นแหละมาทำอะไรในห้องของฉัน...”
“นายนั่นแหละบ้า และนี่ก็ไม่ใช่ห้องของนายด้วย อย่ามาใช้แผนทุเรศแบบนี้ ...”
กทาการตวาดลั่น ทำท่าเงื้อแจกันในมือขึ้นสูง ผณกรหรี่ตามองใบหน้าขาวๆ นวลๆ แล้วสูดลมหายใจลึก สวยก็ไม่สวยยังจะมาก๋ากั่น ลองดีกับผู้ชายอกสามศอก...
ผณกรกัดฟันแน่น ค่อยๆ พยุงร่างหมดสภาพลุกขึ้นยืน แม้ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นักก็ตาม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง เสยผมรุงรังไว้ด้านหลัง เขาต้องการขจัดอาการงัวเงียนั้นทิ้ง...เพราะคงมีเรื่องต้องเคลียร์กับยัยผู้หญิงบ้านี่อีกยาวแน่...
ประเด็นสำคัญคุณเธอมาทำซ่าอะไรในห้องพี่สาวของเขา...
“แผนบ้าแผนบออะไรของเธอ...เธอนั่นแหละ เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง...ใครอนุญาต”
“เจ้าของห้องสิอนุญาต แล้วฉันก็เข้ามาทำความสะอาด...”
“ทำความสะอาด? ...”
“อือ...หึ...” กทาการเชิดหน้าหวานขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“นั้นก็แสดงว่า...เธอคงเป็นแค่แม่บ้านของตึกนี้สินะ”
ผณกรเลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่งขึ้นสูง หรี่สายตาเข้มมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สร้างความไม่พอใจสำหรับคนถูกมอง สายตาของเขากำลังดูถูกเธอเห็นๆ...
“ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับนาย ว่าแต่...แล้วนี่นายเมาจนจำห้องผิด หรือว่ากะจะเข้ามาขโมยของกันแน่...” แจกันในมือถูกง้างให้สูงขึ้นอีกครั้ง กทาการเอียงหน้ามองร่างสูง ส่งสายตาจ้องเขม็งเพื่อจับผิดสังเกต
“ถ้านี้คือห้องของพี่ริน...ฉันหมายถึงพี่ดาริน เธอคิดว่าฉันจะเข้าห้องผิดหรือว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงดีล่ะ?”
“นาย...เอ่อ...คุณเป็นน้องชายของคุณรินงั้นเหรอ...”
กทาการย่นคิ้ว ลดแจกันในมือแนบไว้ข้างลำตัว สีหน้าดูเจือนลงเล็กน้อย...
“ก็ใช่นะสิยายเซ่อ...”
“เอ๊ะ! คุณ หัดพูดจาให้มันดีๆ หน่อยสิ คุณเรียกใครยายเซ่อ...”
กทาการแหวใส่แสดงสีหน้าไม่พอใจจริงจัง...
ผณกรต้องยกมือทั้งสองข้างยอมแพ้ เสียงแว๊ดๆ ของเจ้าหล่อน มันยิ่งทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาจี๊ดเลยทีนี้...
“ขอโทษที...ผมมันคนปากไว...”
พอได้ยินคำขอโทษ เลยทำให้กทาการรู้สึกใจเย็นลงหน่อย เธอพยักหน้าให้เขา...
“นั้นคุณรอตรงนั้นแป๊บ ขอฉันโทรถามคุณรินให้แน่ใจสักหน่อย คุณใช่น้องชายของเธอจริงๆ หรือเปล่า คนสมัยนี้ไว้ใจกันได้ซะที่ไหน เห็นท่าทางดี บุคลิกดี กลายเป็นโจรลวงโลกออกเยอะแยะจะตายไป...”
“เชิญตามสบาย..”
ผณกรไหวไหล่ หวังเดินเข้ามานั่งพักยังโซฟา ในหัวของเขาตอนนี้มันยังรู้สึกมึนๆ อยู่เลย หากได้นั่งพักสักครู่คงหาย...
“นั่นคุณจะเดินไปไหน...”
กทาการหันขวับมาตวาดลั่นตอนเธอได้ยินเสียงลากเท้าดังตามหลังมาติดๆ ...
“ก็จะไปนั่ง...” ผณกรทำหน้าเหวอ กลอกตามองผู้หญิงตรงหน้า... ผู้หญิงอะไรเสียงดังชะมัด...
“หยุดเลย...คุณต้องยืนรออยู่ตรงนั้นก่อน จนกว่าฉันจะถามคุณรินให้แน่ใจ คุณใช่น้องชายของเธอจริงๆหรือไม่...”
ผณกรตีหน้ายักษ์ แต่ยังเห็นแก่ความรอบคอบของเจ้าหล่อนหรอกนะ ชายหนุ่มจึงเดินหน้าเซ็งกลับมายืนพิงกรอบประตูหน้าห้องตามเดิม อาการเมาก่อนหน้านั้น หายเกือบเป็นปลิดทิ้ง ผณกรรอคอยอย่างใจเย็น จนกระทั่งสายตาคมกริบของเขาแลเห็นยายแม่บ้านทำความสะอาดห้องให้พี่สาวยืนหมุนซ้ายหมุนขวา ทำหน้าพิกลตอนพูดโทรศัพท์ พอแม่นั่นกดวางสายแล้วหันมาทางเขา จากสีหน้าราวแม่เสือร้ายก่อนหน้านั้น กลับเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสีหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างปัจจุบันทันด่วน...
เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเพียงแค่เสี้ยววินาที...
หึ...ทำตัวไม่ต่างจากจิ้งจก...ผณกรนึกเหน็บแนมแม่คนเปลี่ยนสีไวในใจ...
“เชิญคุณกรตามสบายเลยนะคะ...”
คนถูกเชิญหยักคิ้ว ฉายแววตาเอาเรื่อง แล้วเดินอาดๆ มาทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟากลางห้องโถงเล็ก ยกขายาวๆ ขึ้นไขว่ห้าง กอดอกมองเจ้าของใบหน้าขาวนวล ซึ่งพอเจ้าหล่อนผายมือเชื้อเชิญเขาด้วยท่าทางสุภาพ ก็เดินตัวปลิวหายลับไปยังห้องครัวทันที ไม่รอให้เขาเอ่ยซักถามอะไรเลยสักคำด้วยซ้ำ...
บริษัทที่กทาการทำงานอยู่ด้วยนั้น เป็นบริษัทเกี่ยวกับการส่งออกอะไหล่รถยนต์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดัง อีกทั้งยังสร้างกำไรต่อเนื่องกันมาตลอดหลายปีติดกัน... ถือเป็นอีกหนึ่งความโชคดีของตัวกทาการเอง เพราะนอกเหนือจากเงินเดือนถึงเลขสองหลัก กทาการยังได้สวัสดิการด้านอื่นๆ อีกมากมายพ่วงตามมา...
เอาเป็นว่างานดี เงินดี รวมถึง ตนนั้นยังได้เพื่อนร่วมงามซึ่งส่วนใหญ่ก็มีนิสัยดี ทำให้กทาการทำงานในบริษัทแห่งนี้ด้วยความสุขใจเรื่อยมา...
ตอนนี้กทาการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของท่านประธานใหญ่ จะว่าไปตำแหน่งผู้ช่วยเลขานี้กทาการได้มาแบบฉุกละหุกอยู่ไม่น้อย มันเป็นตำแหน่งงานที่หญิงสาวเพิ่งถูกเลื่อนขึ้นมาทำได้ไม่กี่วันนี้เอง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือใช้อภิสิทธิ์เส้นสายแต่อย่างใด ความโชคดีนี้เธอได้มาเพราะความขยันขันแข็งของตัวเองล้วนๆ ซึ่งดูเหมือนจะติดเป็นนิสัยของกทาการมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ เลยดันไปเข้าตาของพี่อรดี เลขาท่านประธานใหญ่เข้าให้อย่างจังนั่นเอง...
พี่อรดีกำลังจะลาคลอดในอีกสองเดือนข้างหน้า เจ้าตัวเลยต้องการหาผู้ช่วยไว้ในยามตัวเองไม่ได้มาทำงานในหน้าที่สำคัญ และดูท่าพี่อรดีอยากขอลาต่ออีกหลายเดือนเสียด้วย เจ้าตัวเลยเสนอชื่อของกทาการกับคุณทรงวุฒิ เรียกตัวให้ขึ้นมาศึกษางานด้านนี้แทนที่ตำแหน่งเดิมในแผนกบุคคล...
คุณทรงวุฒิเป็นหนุ่มใหญ่ใจดี กทาการเลยทำงานด้วยความสบายใจ แม้บางทีต้องทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานบางคน มองมายังเธอด้วยสายตาคลางแคลงใจ...
คุณทรงวุฒิเป็นเจ้านายที่มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่งในวงการธุรกิจ หากก็ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน เพราะเมื่อช่วงปลายปีก่อน เจ้าของบริษัทหนุ่มหล่อผู้เคยครองตัวเป็นหนุ่มโสด จนทำให้บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่มีหัวใจกระชุ่มกรชวยมาเนิ่นนาน เกิดสละโสดด้วยการเข้าพิธีวิวาห์กับสาวงามรุ่นลูก สร้างความเสียดายให้กับพนักงานสาวๆ ในบริษัทกันเป็นทิวแถว...
และสาวเจ้าผู้โชคดีคนนั้น กทาการเคยได้ยินข่าวเม้าจากคนวงในใกล้ชิด เธอผู้นั้นมีดีกรีเป็นถึงสาวนักเรียนนอก ใบหน้าสะสวยหวานราวกับนางงาม แถมยังเพิ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศมาหมาดๆ เจ้าตัวเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน...
ถือเป็นข่าวซุบซิบสร้างความอิจฉาตาร้อนผ่าวให้กับบรรดาสาวเพ้อฝันทั้งหลาย...
กทาการกับเพื่อนในแผนกเคยเห็นหน้าหญิงสาวผู้โชคดี คนรักของเจ้านายใหญ่มาหลายครั้ง ดูทั้งคู่ช่างเหมาะสมราวดั่งกิ่งทองใบหยก ความหวานชื่นระหว่างคู่สามีภรรยาก็ไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่เรียกได้ว่าน้ำตาลยังเรียกพี่กันเลยทีเดียว...
หลังจากเลิกงานตอนเย็น วันนี้ตรงกับวันที่กทาการต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องพักให้กับดารินเหมือนเช่นเคย หลังจากวันสุดท้ายที่เธอเกือบมีปัญหากับญาติหนุ่มของนายจ้างสาวใหญ่ กทาการก็ยังไม่ได้แวะเวียน หรือแม้กระทั่งเฉียดกายเข้าไปทำความสะอาดห้องในคอนโดหรูห้องนั้น จนเกือบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ในห้องพักนั้นยังมีชายหนุ่มแปลกหน้าเข้าพักอาศัยอยู่ ไม่ใช่ห้องว่างเปล่าให้ตนเองนั้นเข้าออกได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใดอีกต่อไป...
เสียงกุกกักตรงหน้าประตูห้องเรียกสายตาคมกล้าให้เงยขึ้นมอง แผ่นหลังกว้างพิงซบกับพนักโซฟามีเอนเซลงเล็กน้อยตามแอลกอฮอล์สะสมในร่างกายมาหลายวัน และเมื่อปรากฏร่างเพรียวผอมบางของยายแม่บ้านจอมจุ้น ผณกรเลยเลิกให้ความสนใจทันที แล้วหันกลับมาให้ความสำคัญกับแก้วสีอำพันในมือ พร้อมกระดกแก้วบางใสขึ้นดื่มพรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง ไม่ได้อนาทรต่อรสข่มปร่านั่นจะบาดคอเขาจนใบหน้าย่นยู่ ไม่เหลือเคล้าหนุ่มหล่อสุดฮอตของวงการนักธุรกิจหน้าใหม่ให้เห็นแม้แต่น้อย...
สภาพตอนนี้ของผณกร ช่างไม่แตกต่างจากซากศพที่ยังมีลมหายใจ...
ขณะที่ตรงหน้าชายหนุ่มยังคงเกลื่อนไปด้วยขวดเหล้าเปล่ามากมาย มีทั้งหลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ ตั้งทิ้งไว้ทั้งบนโต๊ะกระจกบ้าง ตกกลิ้งระเนระนาดเกลื่อนอยู่บนพื้นอีกนับสิบขวดก็มี...
กทาการทำได้เพียงกะพริบตาปริบ สองเท้ากำลังก้าวเข้ามาภายในห้องสุดหรูหยุดชะงัก ก่อนใบหน้าเรียวรูปไข่ซึ่งประดับดวงตากลมโตสดใสจะเบ้หลบกลิ่นฉุนกึก ยามปลายจมูกโด่งได้รูปสวยของเจ้าตัวปะทะเข้ากับกลิ่นเหม็นบางอย่างเข้าอย่างจัง...
อือฮือ! กลิ่นอะไรนี่เหม็นชะมัด...
หากพอเพ่งสายตากวาดมองมายังที่มาของกลิ่นฉุนดังกล่าว...
กทาการได้แต่ยืนอึ้ง...
นั่นมันอะไรกัน?...
เพราะมันได้ใช่เพียงแต่แค่กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นน่ะสิ หากยังผสมปนเปรวมทั้งกลิ่นอาหารบูดเน่าและอาจหมายรวมทั้งกลิ่นตัวของญาติคุณรินอีกด้วยซ้ำ...
แม่บ้านมีใบปริญญาตรีติดตัวสูดลมหายใจหนัก หรี่สายตาระอาก่อนส่ายหัวให้กับสภาพทั้งห้องรวมทั้งคน วันนี้เธอคงเหนื่อยหนักว่าเดิมแน่...
กทาการเดินเลี่ยงเข้ามายังตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด พยายามหักห้ามไม่ให้เผลอปากบ่นคนเพิ่มงานหนักให้กับตัวเอง ยังไงซะเขาก็ถือเป็นเจ้านายของเธออีกคน...
“นี่เธอ...หยิบเหล้าในตู้มาให้ฉันหน่อยสิ...”
คนก้มหน้าก้มตาทำงานเหลียวร่างบางหันกลับไปมอง แล้วกลอกตา...
“เร็วๆ ด้วยละ...”
คนเมายังส่งเสียงอ้อแอ้เร่งสับทับมาให้อีกครั้ง...กทาการจำต้องวางงานในมือแล้วเดินย้อนกลับออกมาด้านนอก พร้อมฉวยเอาขวดเหล้าในตู้โชว์มาส่งให้คนเมาที่สภาพดูไม่จืด...
นัยน์ตากลมโตแอบชำเลืองมองตอนส่งขวดเหล้าในมือให้คนร้องสั่ง ก่อนทำปากยื่นกลับจำนวนขวดเหล้าละลานตาตรงหน้า...
อื้อหือ! นั่นเขาดื่มหรือว่าอาบกันแน่นะ ทำไมมันถึงได้เยอะแยะขนาดนั้น...
กทาการเพียงแอบเบ้หน้า ก่อนชักเท้าหันหลังกลับทิ้งคนเมาสภาพไม่ต่างจากซากศพไว้ลำพัง เขาจะดื่มหรือจะอาบมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองสักหน่อย สู้รีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านพักดีกว่า ขืนชักช้าโอ้เอ้รถประจำทางจะหมดเอาเสียก่อน ควักเงินจ่ายค่าเท็กซี่บ่อยๆ มันจะไม่คุ้มกับค่าจ้างเอา...
ส่วนคนเมาเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาก็จัดการเทน้ำสีเหลือลงแก้วพรวด ตัดความสนใจในทุกสรรพสิ่งรอบกาย...จมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไปอีกเช่นเคย เพราะหลายวันมานี้ คนถูกหักอกจนไม่เหลือชิ้นดีมีเพียงเจ้าสิ่งนี้เท่านั้นคอยเป็นเพื่อนปลอบใจ
ผณกรยังคงจมจ่ออยู่กับความรักที่แตกสลาย เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ คอยเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาทำผิดอะไรหนักหนา เหตุใดรินรดาถึงกล้าหักหลังความรักของเขาได้ลงคอ ทั้งที่เขายอมให้เจ้าหล่อนได้ทุกอย่าง ขอเพียงแค่เอ่ยปากขอมา เขาก็พร้อมจะสรรหาสิ่งเหล่านั้นมาประเคนให้เจ้าหล่อนได้ทุกเวลา...
ห่างกันเพียงไม่นาน เจ้าหล่อนกลับปันใจไปแต่งงานกับชายอื่น...แถมยังปกปิดไม่บอกเขาสักคำด้วย...
นั่นยิ่งทำให้ผณกรนึกสมเพชตัวเองหนักขึ้นกว่าเดิม ดูทีแล้วเขามันคงไม่ต่างจากไอ้โง่ ถูกคนรักสวมเขาให้กลายเป็นควายเชื่องๆ ตัวหนึ่ง...
“ริน...คุณทำกับคนที่รักคุณมากแบบนี้ลงคอได้ยังไง คุณคงเห็นว่าผมมันโง่เหมือนควายใช่ไหม ถึงได้กล้าทำกับผมแบบนี้...”
คนเมาเฝ้ารำพึงรำพัน ดวงตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ...
ผณกรเอาแต่งส่งเสียงคร่ำครวญ คำตัดพ้อทุกคำไม่ได้เบานัก ทำให้กทาการที่ไม่ได้ตั้งใจฟังได้ยินเต็มสองหู หญิงสาวเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที ที่แท้ญาติของคุณรินก็ถูกหักอกมานี่เอง...
*เข้าอ่านนิยาย ฉบับเต็มได้ที่ (Dekd) ตามลิงค์ด้านล่างเลยนะคะ*
https://writer.dek-d.com/suwannaparphtude/writer/view.php?id=2121104
แฟนเพจ: กนกรส https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/