(นิยายอ่านสนุก) ทาสรักดวงใจอสูร โดย...กัมพู
นิยายเรื่อง ทาสรักดวงใจอสูร (นามปากกา กัมพู) แนวนิยายรัก
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
--------------------------------------
คำโปรย...
“อ้าวแม่คุณ! ไงมาด่ากันเสียได้ล่ะฮะ! ก็เห็นมัวแต่เล่นองค์อยู่นั่น ใครจะไปรู้เธอต้องการอะไร ระหว่างเงิน กับแต้ม...อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้บอกจะไม่จ่ายค่าตัวเธอเสียเมื่อไหร่ ก็แค่บอกมาจะเอาเท่าไหร่เรื่องเงินสำหรับฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...”
เพียงแค่สิ้นเสียงของชายหนุ่มเท่านั้น ร่างบางอรชรก็หันขวับมาจ้องตาชายหนุ่มตาเขม็ง ใบหน้าซีดเซียวแดงก่ำ หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มทิ้งอย่างน่ามอง ในความรู้สึกของทินกร พอได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดขึ้น ในตอนที่เขาไม่เมาและในที่มีแสงสว่างแบบนี้ ทำเอาชายหนุ่มนิ่งอึ้งตะลึงตะลานกับความงดงามที่ได้เห็น
ทินกรเผลอตัวรีบยกมือฝ่ามือขึ้นขยี้ตา เพื่อมองภาพตรงหน้าให้แน่ใจ นั่นคนหรือว่านางฟ้ากันแน่
สวยโคตรๆ...
ลิงค์ดาวน์โหลดนิยายอีบุ๊ก (ทาสรักดวงใจอสูร) Meb- https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijk1MzMzIjt9
เปิดเรื่อง
บทที่ ๑...พลาดพลั้ง
ฮือ...ฮือ...ฮือ...
ยังไม่ทันที่แสงสีทองแห่งอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่จะถักทอแสงสีส้มครอบคลุมพ้นขอบฟ้าดีด้วยซ้ำ เสียงร้องไห้กระซิกของใครบางคน กลับดังอยู่ไม่ห่างหู สร้างความรำคาญใจให้กับคนเพิ่งหลับตาลงพักได้ไม่กี่ชั่วโมง
มันเลยทำให้ทินกรต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากนิทรารมณ์อันแสนสุขไปโดยปริยายนั่นเอง
ฮือ...ฮือ...ฮือ...
ใครวะ!...เสือกมานั่งแหกปากร้องไห้ในห้องนอนของเขา หรือจะเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน?
ทว่าแล้วใครมันจะกล้า บังอาจทำอย่างนั้นได้ ในเมื่อเด็กทุกคนในบ้านหลังนี้ ต่างรับทราบกฎกติกาของเขากันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่บิดามารดา กับเรื่อง ความเป็นส่วนตัว ถ้าเขาไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาวุ่นวาย ทุกคนก็ห้ามเข้า
หรือว่า อาจจะเป็นเด็กรับใช้ที่คุณแม่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ ถึงได้กล้าลองของ...
คิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาเรียวยาวซึ่งยังปิดสนิทนั้นขมวดมุ่น โครงหน้าเหลี่ยมประกอบด้วยปลายจมูกโด่งเป็นสันทอดยาวจรดกลีบปากหยักได้รูปย่นยู่ อารมณ์คนเพิ่งได้นอนไม่นาน กลับมาพุ่งสูงลิ่ว
มันเป็นเช้าของวันใหม่ หลังจากเมื่อคืนนี้ เขากับสุนทรนัดแนะ ออกเที่ยวตระเวนราตรีกันจนหนำใจ ตอนขับรถขากลับเข้าบ้าน ช่วงนั้นเขาแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนนี้สมองเขาก็ยังจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว
รู้แค่เพียง เขาถูกสุนทรหิ้วปีกออกจากผับซาโวร่า ผับชื่อดังแถวถนนสีลม
ฮือ...ฮือ...ฮือ...
“เสียงใครมาร้องไห้ข้างหู คนจะหลับจะนอน หนวกหูฉิบหาย...”
ทินกรบ่นเสียงหงุดหงิดรำคาญ ก่อนคว้านหาหมอนหนุนขึ้นมาปิดบังใบหู ตะแคงกายหันข้าง กันเสียงน่ารำคาญนั้นเล็ดลอดเข้ามา อารมณ์ที่เริ่มกรุ่นๆ ก่อตัวขึ้นเป็นริ้วรอยของความแปลกใจ เมื่อสมองกำลังประมวลภาพเหตุการณ์เรื่องราวของเมื่อคืนปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัด
“ฉิบหายแล้วกู!...”
ทินกรสบถเสียงดังลั่น ดวงตาดำไม่ต่างจากขนกาเบิกโพลง
ใคร? นั่นสิใครกัน...
ทันในความคิด ชายหนุ่มกวาดตามองร่างกลมกลึง ผิวพรรณขาวผุดผ่องละเอียดเหมือนผิวผู้ดี อีกทั้งเส้นผมยังเหยียดตรง สีดำขลับดุจไหมกระจายเป็นแพรดูสะดุดตาอยู่เต็มหมอนหนุน ยาวเรื่อยลงมาจนถึงพื้นฟูกตัดกับสีผ้าปูสีขาวได้อย่างน่ามอง
ผู้หญิงรึ?...
เจ้าหล่อนกำลังนอนเปลือย หันแผ่นหลังโชว์ความขาวเป็นยองใย เนื้อตัวนั้นสั่นเทาตามแรงสะอื้น ทำเอาคนเพิ่งคล้ายจากอาการสร่างเมาใจคอไม่สู้ดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วพาดยาวเหนือดวงตาคมกริบมุ่น ยกมือเกาหัวแกรกๆ
นี่เขาหิ้วผู้หญิงที่ไหนมาวะ?
เขาถามตัวเองอย่างงวยงง ชายหนุ่มพยายามใช้สมองนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืน แล้วก็ต้องเบิกตากว้างใจตกหล่นลงตาตุ่ม เมื่อเขาจำได้คลับคล้ายคลับคลา ผู้หญิงคนนี้ คืนคนเดียวกับที่สุนทรเพื่อนรักเขาแนะนำให้รู้จัก
ตายห่า! แล้วเขาทะลึ่งหิ้วแม่คนนี้ ขึ้นมานอนบนเตียงของเขาได้อย่างไรกันวะ?...
ทินกรพยายามหวนนึกถึงค่ำคืนนั้นอีกครั้ง ภาพเลือนรางทยอยผุดขึ้นมา
จำได้ว่าเมื่อคืนเขาเมาหนักมาก ด้วยถูกไอ้เพื่อนเกลอตัวดีอย่างสุนทร คะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าเข้าไปอยู่หลายแก้วทีเดียว ถือเป็นการฉลองส่งท้าย เพราะจะไม่ได้สังสรรค์กันอีกนาน ด้วยตัวเขานั้น กำลังจะบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แหละ ตามแผนเดิมที่เคยวางเอาไว้ ก่อนเขาจะเข้าช่วยงานของบิดาจนตอนนี้ทุกอย่างราบรื่น ลงตัว ไม่ได้มีอะไรต้องเป็นห่วงหรือต้องเป็นกังวล ทุกแผนกและแผนงาน ถูกจัดระบบงานไว้อย่างดีเยี่ยม ฝีมือของบิดาเขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ท่านเก่งและยังมีฝีมือทางธุรกิจด้านนี้อย่างหาตัวจับยาก ท่านสร้างแขนและขาของบริษัทไว้อย่างมากมาย อย่างที่ไว้วางใจได้สบาย เขาจึงเห็นเป็นการดี สำหรับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อจะได้นำกลับมาพัฒนาบริษัทสืบต่อไป
ว่าแต่...แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาเสือกทะลึ่งหิ้วขึ้นมานอนในห้องนี้ได้...
เพราะสภาพความวุ่นวายในผับเมื่อคืน จำได้ว่าเขากับเพื่อนนั่งดื่มกันเรื่อยๆเคล้าเสียงเพลงไพเราะจากนักร้องชื่อดัง ตอนนั้นเขายังครองสติได้ดี แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง เหมือนสุนทรแนะนำผู้หญิงสักคนให้เขารู้จัก
แต่ว่าชื่ออะไรหว่า...
ทินกรขมวดคิ้วยุ่งเหยิง ยิ่งพอเขากวาดตาสำรวจมองแผ่นหลังเปลือยขาวเนียนตา ชายหนุ่มมีแอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เจ้าหล่อนเอาแต่นอนร้องไห้สะอื้นจนไหล่สั่น
ก็เขาจำอะไรไม่ได้จริงๆ รู้แต่เพียงว่าเธอมาของานสุนทรทำ ใครแนะนำมาเขาก็จำไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจกับเธอมากนัก...
เพราะความคิดของเขาในตอนนั้น มองผู้หญิงคนนี้อย่างมีอคติในใจ ยอมรับเขารู้สึกไม่ถูกชะตาสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบนักหรอก ผู้หญิงที่มักชอบวิ่งเข้าหา เสนอตัวให้ผู้ชายก่อนแบบนี้ ดูจากภาพลักษณ์เมื่อคืน แม่คนนี้คงมีอาชีพไม่ต่างจากผู้หญิงหากินทั่วไป คงออกมาหาลำไพ่พิเศษอะไรทำนองนั้น พอเจอเพื่อนเขาเข้าหน่อย รีบเดินฉีกยิ้มหวานหยด ตรงดิ่งมาหา อย่างกับเจอทองเนื้อดีกองอยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้นแหละ...
“สวัสดีค่ะคุณทร ดีใจจังได้เจอคุณเสียที”
“สวัสดีครับคุณห...”
“เรียกมุกเฉยๆก็พอค่ะ”
“ครับคุณมุก...เมื่อวานต้องขออภัยด้วย ผมติดธุระจริงๆ เลยไม่สะดวกให้คุณมุกเข้าพบ”
สุนทรขยับนั่งตัวตรง สำรวมกิริยาท่าทางจนดูนอบน้อมกว่าที่ควร ทว่าคนกำลังกรึ่มสุรายี่ห้อแพง กลับตีความหมายเป็นเสียทางลบ
ไอ้นี่...เห็นผู้หญิงสวยเข้าหน่อย เปลี่ยนท่าทางเลยนะมึง ประเดี๋ยวเถอะ...เขาจะโทรฟ้องสายไหม คนรักของมัน
“ค่ะ...มุกเข้าใจ” ม.ร.ว.หญิงบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ทำเอาคนนั่งเยื้องถัดมาอีกด้าน ทำปากบิดเบี้ยว ตวัดสายตาขุ่นเขียวมองผู้หญิงหน้าไม่อาย แล้วแกล้งวางแก้วเหล้าในมือเสียงดัง จนสุนทรหันขวับพร้อมส่งยิ้มปุเลี่ยน
ด้วยลืมเสียสนิท ยังไม่ได้แนะนำให้เพื่อนรักได้รู้จักกับราชนิกุลคนงาม มัวแต่ตกใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอหม่อมหญิงในสถานที่อโคจรแบบนี้...
ส่วนม.ร.ว.หญิงมุกระวีสะดุ้งตกใจกับสายตาเขียวปั๊ดของชายหนุ่มแปลกหน้า
เขามองมาทางเธอ ทำราวกับว่าเธอกับเขาเคยเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน...
“กรนี่คุณมุก...คุณมุกครับนี้เจ้ากร เป็นเพื่อนสนิทของผม” สุนทรทำหน้าที่แนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน
มุกระวีข่มความไม่พอใจเอาไว้ในอก แล้วยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มก่อนตามมารยาท ด้วยวัดจากทางสายตา ผู้ชายคนนี้คงมีอายุมากกว่าเธออยู่หลายปี
“สวัสดีค่ะ”
ทว่าทินกรกลับยกแก้วเหล้าที่เขาเพิ่งวางขึ้นจรดริมฝีปากเฉย พลางหันหน้าออกจากจุดสนทนา ไม่สนใจกับการทักทายของอีกฝ่าย
สุนทรนึกขวางไอ้เพื่อนตัวดีในใจ ทำได้เพียงฮึมฮำ
ส่วนหม่อมหญิงคนงามได้แต่ทำหน้าตาเหลอหลา ด้วยไม่เคยเจอ คนนิสัยไร้มารยาทจนน่าถูกไม้เรียวหวดก้นมาก่อน...
ทินกรรู้สึกขวางหูขวางตากับผู้หญิงสวยหมดจดตรงหน้า
รู้สึกรังเกียจรึ...คงน่าจะใช่ ใจเขามันบอกอย่างนั้น จะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร ผู้หญิงประเภทนี้ มันดูกันยากเสียตรงไหน เพราะคงไม่มีผู้หญิงดีที่ไหนจะเสนอตัวเข้าหาผู้ชายก่อน
ทินกรคิดด้วยใจอคติ โดยลืมเสียสนิท คู่หมั้นคู่หมายของตัวเองนั้นก็มีพฤติกรรมไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ด้วยกนกวิไลมักแวะเวียนมาหาชายหนุ่มไม่เคยว่างเว้น ทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน ตามติดเกือบทุกฝีก้าว ก่อนทั้งคู่จะถูกจับให้หมั้นหมายกันไว้เสียอีกด้วยซ้ำ...
ชายหนุ่มหยัดกายที่อุดมสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามขึ้นนั่ง พิงแผ่นหลังกำยำกับหัวเตียง เหยียดปลายเท้ายืดตรง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเสยผมซึ่งปรกลงมาแถวหน้าผากไปไว้ด้านหลัง ด้วยท่าทางหงุดหงิด รำคาญใจ อาการมึนศีรษะเข้าโจมตีจนชายหนุ่มรีบหลับตาลง ใช้นิ้วคลึงขมับให้คลายอาการมึนดั่งกล่าวจนรู้สึกดีขึ้น ก่อนดวงตาคมกริบสีสนิมเหล็กจะตวัดมองแม่สาวหากิน คงต้องรีบจัดการให้ออกจากบ้าน ก่อนบิดาและมารดาเขาจะตื่นมาเจอ
แต่เจ้าหล่อนก็เอาแต่นอนร้องไห้มันลูกเดียว
แล้วจะร้องไห้ทำไมหนักหนา... ทำเหมือนไม่เคยนอนกับลูกค้า เป็นสาวบริสุทธิ์ แล้วถูกเขาขืนใจเสียอย่างนั้นแหละ...
มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นอาชีพหากินของเจ้าหล่อนเองแท้ๆ
หรือว่ากำลังแสดงละคร เพื่อหวังเรียกค่าตัวเพิ่ม น่าจะใช่ ทำมาเป็นบีบน้ำตาหวังเรียกความสงสารจากเขาสินะ
หากมองได้ไม่นานนัก เป็นเหตุให้ทินกรต้องรีบแบนสายตาหนีกับความยวนตา ยวนใจ เขามันก็ผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูนมาจากไหน พอได้มาเห็นอะไรขาวๆเข้าหน่อย ร่างกายมันก็พร้อมจะตื่นตัวเป็นธรรมดา
แล้วยิ่งแม่นี่ ทั้งขาว ทั้งอวบ กลิ่นตัวก็หอมแปลกๆคล้ายกลิ่นหอมของแป้งเด็ก ทินกรเลยชักใจคอไขว้เขว ปั่นป่วนตรงกึ่งกลางลำตัว จนต้องรีบหยิกแขนตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน
ก็ตอนเขาลุกขึ้นนั่ง ไอ้ผ้าห่มผืนนุ่มที่เขาใช้ห่มกายไว้เพียงผืนเดียว มันถูกรั้งเผยอขึ้นตาม ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกายเขากับหญิงสาว แลเห็นความขาวที่มากกว่าแผ่นหลังเนียนละเอียด ไม่ต้องจินตนาการให้เสียเวลา เขาเห็นเรือนร่างผุดผาดหายลับอยู่ภายใต้ผ้าผืนเดียวกัน ยอมรับเลย หญิงขายตัวคนนี้รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นงดงามอย่างไร้ที่ตำหนิ เอวเล็กคอดกิ่วจนกลัวจะหักนั่นก็อีก มันมีส่วนโค้งแล้วส่วนเว้าได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
แถวก้นนุ่มกลมกลึงยังมีริ้วรอยของการถูกกัดให้เห็น คงมาจากเขาเป็นคนทำ จะมาจากใครได้เล่า...
แต่ทว่าทุกความคิดของชายหนุ่มต้องถูกสลัดทิ้ง เมื่อเสียงร้องไห้ดังขึ้นหนักกว่าเดิม
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ฉุนโกรธทั้งตัวเองและผู้หญิงตรงหน้า เขาไม่น่าพลาด ไร้สติจนเสียท่า มักง่าย จนหิ้วผู้หญิงอย่างว่าขึ้นมามีอะไรกันในบ้านตัวเอง เพราะมองจากสภาพเปลือยล่อนจ้อนของทั้งเขากับเจ้าหล่อน กับรอยตรงก้นนุ่มนั่นอีก จะเกิดอะไรขึ้นได้เล่า ถ้าเขากับแม่นี่จะไม่...กันเมื่อคืน
ทินกรระบายลมหายใจหนักหน่วงจนปีกจมูกพะเยิบพะยาบไหว ซีกแก้มทั้งสองแดงก่ำตามแรงอารมณ์คุกรุ่นภายใน องศาเดือดใกล้แตะร้อยเต็มที ด้วยเสียงร้องไห้กระซิกของแม่นักแสดงเรียกค่าตัวชั้นเยี่ยม...
ชายหนุ่มปักใจเชื่อความคิดของตัวเอง คงไม่ผิดไปจากอื่น ดูจากท่าทางเมื่อคืน เหมือนแม่ผู้หญิงคนนี้กำลังร้อนเงินมาเสียด้วย...
นิสัยส่วนตัวของทินกรนั้นเขาออกเป็นผู้ชายช่างเลือก ออกมาทางหัวโบราณ ไม่เคยเสียเงินกับเรื่องประเภทนี้ ก็อย่างว่าไว้นั่นแหละ เขารังเกียจการใช้ของร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวแบบนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดตามธรรมชาติสำหรับผู้ชาย เขามักเลือกเป็นคนจัดการด้วยตัวตัวเองเสียมากกว่าการออกมาหาความสุขตามแหล่งบันเทิง เพื่อมองหาไก่ขนงามสักตัว แล้วหิ้วกลับมาจัดการสานสัมพันธ์ต่อที่บ้านเฉกเช่นครั้งนี้
ความคิดของเขาต้องหยุดชะงัก พร้อมกับสีหน้าเครียดขรึม เมื่อเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังขึ้นมากระทบกับโสตประสาทอีกหน
อย่างไรต้องรีบหาทางเอาแม่คนนี้ออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดให้ได้
“ปกติเธอเรียกค่าตัวครั้งละกี่บาทกันล่ะ... หมื่นหรือสองหมื่น หรือว่ามากกว่านั้นฉันไม่เกี่ยงหรอกนะ ขอแค่เธอหยุดแหกปาก หยุดแสดงละครบ้าบอ แล้วรีบจัดการตัวเองกลับออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุดก็พอ”
เสียงถามของทินกรดังขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เขายังโมโหตัวเองไม่หาย ที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ระมัดระวังตัวเองให้มากกว่านี้ กลับดันปล่อยตัวเองเมามายไร้สติ คว้าผู้หญิงอย่างว่าเข้ามานอนในห้องส่วนตัว แถมยังมีอะไรลึกซึ้งต่อกัน นี่ถ้าหากมารดาของเขาเข้ามาเห็นคงได้บ้านแตกกันล่ะคราวนี้
พอนึกถึงมารดา ภาพใบหน้าสวยเฉี่ยวของกนกวิไลผุดทับซ้อนขึ้นมาทันที
เจ้าหล่อนเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเขา ตามความเห็นชอบของทั้งสองครอบครัว บนพื้นฐานความเหมาะสม และ ฐานะทางสังคม มากกว่าเรื่องของหัวใจเป็นองค์ประกอบ
กนกวิไล ถือเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียว สามารถเข้ากับทุกคนในบ้านของเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมารดา ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะเป็นคนโปรดของท่าน มากกว่าเขาซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆเสียอีก
ดังนั้น ทุกคนเลยต่างลงความเห็นชอบ ให้เขากับหญิงสาวหมั้นหมายกันเอาไว้สักปีสองปี ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด หลังจากเรียนจบปริญญาโท ค่อยพูดถึงเรื่องงานแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว
ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธความหวังดีนี้ของผู้ใหญ่ อะไรที่ทำให้มารดาเขามีความสุข เขาพร้อมให้ความร่วมมือเสมอ เพราะท่านเป็นโรคหัวใจ เขามักเออออกับท่านในทุกเรื่อง หากท่านต้องการ
อีกทั้งในเมื่อที่ผ่านมา ตัวเขาก็ไม่ได้มีคนรักหรือผู้หญิงที่เขาคิดจะรักจริงจังเลยสักคนเดียว คงไม่เสียหายอะไร ถ้าเขาจะยอมเปิดใจให้กนกวิไลเดินเข้ามา เพื่อศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกัน
พร้อมยกย่องให้หญิงสาวมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา
เขาไม่รู้จักหัวใจตัวเองสักเท่าไหร่นักหรอก เขาต้องการอะไรกันแน่ ความรักสำหรับเขาคือเรื่องไร้สาระ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน เขายึดถือเอาความสบายใจเป็นหลัก ยิ่งกับกนกวิไล ความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าหล่อน ไม่ได้หวือหวาวูบวาบ โหยหาถึงขั้นอยู่ไม่ได้ถ้าหากไม่มีเธอ อะไรทำนองนั้น
กนกวิไลมีคุณสมบัติเป็นกุลสตรีเพียบพร้อม ใครได้เป็นภรรยาถือว่าโชคดีมาก มันเป็นคำชื่นชมเยินยอมาจากปากมารดาของเขาอีกเช่นเคย ทว่าตามจริง เขากลับยังไม่เคยเห็นเจ้าหล่อนลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเรื่องเดียว ถ้าหากจะมีอะไร และดูโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขวัญ พอยอมรับกันอยู่ได้บ้าง เห็นจะมีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือเรื่องการออกงานสังคม
ดูท่าแล้วเจ้าหล่อนคงชื่นชอบด้านนี้มากเป็นพิเศษ ถึงได้ดูคล่องแคล่ว จัดเจนเสียเหลือเกิน อาจเรียกได้ว่า หนังสือพิมพ์กรอบหน้าสังคม มักมีรูปของสาวเจ้าขึ้นโชว์หราแทบจะทุกวัน
และการไปเรียนต่อปริญญาโทครั้งนี้ ตัวของกนกวิไลเองได้ขอตามเขาไปเรียนต่อที่นั่นด้วย ใจจริงเขาอยากจะปฏิเสธ เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ยังไงเขายังคงรักความเป็นอิสระ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เต็มคำ ด้วยเพราะไม่อยากขัดใจคุณนายกิ่งแก้วมารดาของเขา
ท่านให้แรงสนับสนุนกนกวิไลเต็มที่ และยังเห็นดีเห็นงามตามหญิงสาวอีกต่างหาก...
ทินกรปรายหางตามองคนเอาแต่นอนร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ถามค่าตัวก็ไม่ยอมตอบ ไม่รู้จะเล่นแง่อะไรนักหนา
“เอ้า...มัวแต่นอนร้องไห้อยู่นั่น อยากได้เงินกี่บาทก็ว่ามา...ถ้าสมเหตุสมผลไม่ดูเป็นการรีดเนื้อกันเกินไป ฉันพร้อมยินดีจ่ายให้ไม่อั้น...หรือไอ้ที่ไม่ยอมบอกราคา กำลังคำนวณ คิดจะโก่งค่าตัวให้สูง หรือเธอเป็นสาวนิยมชอบล่าแต้ม จะให้ฉันเอาฟรีๆว่างั้นเถอะ...” เสียงถามห้วนจัด บ่งบอกถึงอารมณ์โมโห
ทว่าคนถูกยัดเยียดให้เป็นสาวขายบริการ ไม่อาจทนนอนนิ่งฟังวาจาหยามหมิ่นได้อีกต่อไป เธอสูดลมหายใจ ยกหลังมือปาดน้ำตาทิ้ง แล้วตอบโต้ผู้ชายปากร้ายกลับ
“คุณมันผู้ชายสาระเลว...” คนถูกเลี้ยงให้อยู่ในกรอบประเพณีอันงดงามมาโดยตลอด จนใจกับการสรรหาคำพูดเจ็บแสบมาจัดการคนปากไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้คนฟังรู้สึกคันตรงหัวใจยิบอย่างบอกไม่ถูก
ทินกรหรี่ตามองอย่างหมายมาด ปากดีใช่ย่อยเหมือนกันแฮะ แต่จะแปลกอะไรกับผู้หญิงประเภทนี้ ไม่ด่าเขาจนเสียหมาก็บุญเท่าไหร่แล้ว...
“อ้าวแม่คุณ! ไงมาด่ากันเสียได้ล่ะฮะ! ก็เห็นมัวแต่เล่นองค์อยู่นั่น ใครจะไปรู้เธอต้องการอะไร ระหว่างเงิน กับแต้ม...อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้บอกจะไม่จ่ายค่าตัวเธอเสียเมื่อไหร่ ก็แค่บอกมาจะเอาเท่าไหร่เรื่องเงินสำหรับฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...”
เพียงแค่สิ้นเสียงของชายหนุ่มเท่านั้น ร่างบางอรชรก็หันขวับมาจ้องตาชายหนุ่มตาเขม็ง ใบหน้าซีดเซียวแดงก่ำ หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มทิ้งอย่างน่ามอง ในความรู้สึกของทินกร พอได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดขึ้น ในตอนที่เขาไม่เมาและในที่มีแสงสว่างแบบนี้ ทำเอาชายหนุ่มนิ่งอึ้งตะลึง ตะลาน กับความงดงามที่ได้เห็น
ทินกรเผลอตัวรีบยกมือฝ่ามือขึ้นขยี้ตา เพื่อมองภาพตรงหน้าให้แน่ใจ นั่นคนหรือว่านางฟ้ากันแน่
สวยโคตรๆ...
เธอสวยราวกับเทพธิดาจำแลง ปากคอคิ้วคางถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาว ล้วนเหมาะเจอะและสวยเด่น ทินกรหัวใจเต้นแรง เขาจำต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างเก็บกักอารมณ์ปรารถนาบางอย่าง ไม่ให้มันพุ่งขึ้นมาในขณะนี้ ได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน
ถึงได้ว่า...ตื่นเช้ามาเขาถึงได้หมดเรี่ยวหมดแรง ที่แท้เมื่อคืนนี้เขาคง...กับเจ้าหล่อนเกือบรุ่งสว่างนี่เอง
“คุณมันเป็นผู้ชายปากร้ายที่สุดเท่าที่หญ...ฉันเคยเจอมา” พูดแล้วพร้อมมองตาขวาง
ทินกรพอเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นสาวขายบริการ ต่อให้สวยหยาดฟ้ามาดินเพียงใด มันก็ไร้คุณค่าอยู่ดี ชายหนุ่มจึงชักสีหน้า ถลึงตาดุตอบโต้
“แล้วไง! ใครสนกันเล่า เพราะว่าปากของฉันมันจะร้ายกับผู้ประเภทอย่างเธอเท่านั้นแหละ...”
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ม.ร.ว.หญิงมุกะวีพึมพำออกมาเสียงเบาหวิว นัยน์ตายังคลอด้วยน้ำใส วินาทีนี้เธอคงทำได้เพียงส่งสายตาเชือดเฉือน ด้วยหัวใจดวงนี้กำลังถูกเหยียบย้ำให้แหลกเหลว รู้สึกเจ็บปวดปานจะแทบขาดใจเสียให้ได้
สิ่งที่ตัวเธอต้องสูญเสียมันให้ผู้ชายตรงหน้าไปอย่างไร้ค่า
มันหมายถึงชีวิตและศักดิ์ศรีของตัวเธอเลยทีเดียว...
หัวใจดวงน้อยที่เคยผ่านความบอบช้ำมาแล้วครั้งหนึ่งคล้ายจะเต้นช้าลง กายบางยังคงสั่นเทาจากแรงสะอื้น การถูกชายคนรักหักหลังนั้นสุดแสนทรมาน ทว่าการถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์จากชายแปลกหน้านั้นสร้างความเจ็บปวดยิ่งกว่า...
อาจเป็นด้วยเพราะเวรกรรม ทำให้เธอต้องมาพบเจอแต่เรื่องโชคร้าย ทำให้เจ็บปวดทรมาน...
เรื่องของท่านชายอิศรา คนรักของเธอต้องเข้าพิธีแต่งงานไปกับหญิงพลอยละไม ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวต่างมารดา ร่องรอยของมันยังเด่นชัด เมื่อทั้งสองแอบหักหลังเธอด้วยการเผลอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน จนหญิงพลอยเกิดตั้งท้อง
มันเกิดขึ้นเพราะความไว้ใจ ไม่คิดว่าคนที่เธอรักทั้งสองคนจะกล้าหักหลัง ลงมือทำร้ายเธอได้อย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้ พอหญิงพลอยตั้งท้อง เรื่องทั้งหมดถึงแดงขึ้น
ตอนเธอทราบข่าว มันทั้งช็อค ทั้งพูดไม่ออก หัวใจทั้งดวงคล้ายถูกเด็ดทิ้งจากกิ่งก้าน ปลิดปลิวหล่นหายอย่างไร้ค่า ไร้ความหมายอีกต่อไป...
นี่หรือคือสิ่งตอบแทนของคนที่รักกันมานานหลายปี ถ้าอิศรารักเธอจริงอยากปากพูด เรื่องอัปยศนี้คงไม่เกิดขึ้น
ในวัง มหานทีทร เธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชัง ไม่เป็นที่ปรารถนาของท่านพ่อเท่าไหร่นัก มันเป็นความรู้สึกฝังใจเธอมาโดยตลอด ด้วยเหตุท่านคิดว่าเธอคือต้นเหตุทำให้หม่อมแม่ต้องสิ้นพระชนม์ลงด้วยสภาพร่างกายอ่อนแอหลังจากการคลอด และความที่ท่านเป็นคนสุขภาพร่างกายไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร พอท่านคลอดเธอออกมาได้ไม่กี่วัน อาการแทรกซ้อนของโรคหัวใจกำเริบ ร้ายแรงถึงขั้นทำให้ท่านสิ้นพระชนม์ ท่ามกลางความเสียพระหฤทัยของท่านชายอติศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็นั่นแหละ...ท่านเสียพระหฤทัยได้ไม่นานนัก ในเวลาสองปีต่อมา ท่านพ่อของเธอได้สมรสใหม่กับหม่อมละไม เพื่อนรักของหม่อมแม่ของเธอนั่นเอง และยังมีบุตรธิดาด้วยกันถึงสองคน
คือ คุณชายวรากร และหญิงพลอยละไม
เหตุการณ์ในครั้งนั้น สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจในความรักของท่านพ่อที่มีต่อเธออย่างสุดแสน จากที่เคยต้องคอยปลอบใจตัวเองเรื่อยมา อย่างได้คลางแคลงความรักในตัวท่านพ่อ ทว่าเหตุการณ์วันนั้นทำให้เธอเลิกคิด เลิกหลอกตัวเอง ท่านพ่อไม่ได้รับเธอ
เมื่อท่านเข้าข้างหญิงพลอยละไม และไม่มีการกล่าวตำหนิถึงการกระทำของลูกสาวคนเล็กสักคำเดียว ตรงกันข้าม ท่านกลับเป็นฝ่ายสนับสนุน เห็นดีเห็นงามกับเรื่องดังกล่าวอีกต่างหาก
มันเป็นสิ่งทำให้เธอตัดสินใจเด็ดขาด เพราะแทนที่เธอจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนรอบข้าง แต่กลับมีเพียงสายตาสมเพชปนสมน้ำหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับหม่อมละไม ที่มีท่าทางดีอกดีใจซะจนออกหน้า เจ้าตัวไม่คิดเก็บกักอาการเหล่านั้นไว้ในใจ เหมือนอย่างเคยทำ...
หลังจากเสร็จพิธีงานแต่งของทั้งคู่ เธอจึงหิ้วกระเป๋าออกจากวัง ออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง...
*สามารถเข้าอ่านนิยาย ฉบับเต็ม ล่ามรักอสูร (dek-d) ได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า* -
https://writer.dek-d.com/suwannaparphtude/writer/view.php?id=1952540
แฟนเพจ: กนกรส https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/