นิยายเรื่อง ล่ามรักอสูร โดย...กัมพู
นิยายเรื่อง ล่ามรักอสูร (นามปากกา กัมพู) แนวนิยายรัก
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
--------------------------------------
อารัมภบท...
นั่นเป็นครั้งแรกกับการได้เห็นหน้าของรติชา แล้วพรหมลิขิตก็เล่นตลกกับเขาอีกครั้ง...
วันนั้นเขากำลังจะเดินทางกลับขึ้นเหนือ แต่เกิดลืมซื้อของบางอย่าง จึงจอดรถแวะซื้อของดังกล่าวในร้านสะดวกซื้อข้างทาง รถเขาจอดไว้ริมถนน ห่างไปเล็กน้อยเป็นป้ายรถเมล์ จำเป็นต้องเดินผ่าน ในขณะนั้นเองเขาได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือ...
‘คุณ...คุณคะ รบกวนช่วยเรียกรถแท็กซี่ให้ทีเถอะค่ะ คุณป้าท่านนี้อาการไม่ค่อยดีเลย ฉันจะพาแกไปส่งโรงพยาบาล’
เทวินทร์หยุดชะงักเท้าทันทีที่เขาถูกร้องขอ นัยน์ตาดุหรี่มองใบหน้าเรียวรูปไข่ มองผิวเผินเหมือนจะดูซีดลงเล็กน้อย หัวใจเขากลับเต้นถี่ระรัว มุมปากหยักของเขาเกือบยกสูงขึ้นอย่างลืมตัว เป็นอีกครั้งที่ผู้ชายอย่างเทวินทร์ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ให้มันสงบนิ่ง
‘ไปรถผมก็ได้ครับ น่าจะเร็วกว่าเรียกรถแท็กซี่ ในขณะท้องฟ้ากำลังจะรั่วลงมาด้วยเม็ดฝน’
เทวินทร์อาสาอย่างไม่คิดลังเล เขาเป็นฝ่ายปราดเข้าไปพยุงร่างอ่อนแรงของหญิงวัยกลางคน
รติชายกมือไหว้ขอบคุณเขาทันที สีหน้าดูติดเกรงใจ หากก็ดีกว่ารอให้ฝนตกจนอาจทำให้อาการของคุณป้าท่านนี้ย่ำแย่ขึ้นกว่าเดิม
‘ขอบคุณมากนะคะ ที่กรุณาช่วยเหลือเราสองคน’
ลิงค์ดาวน์โหลด อีบุ๊ก ฉบับเต็ม (MEB) - https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjIwNjM1OSI7fQ
เปิดเรื่อง
งานเลี้ยงก่อนวิวาห์
รติชา วัชรสกุลกิจ กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงซุ้มเครื่องดื่ม เธอกำลังตรวจตราดูความเรียบร้อย ใกล้กันนั้นเป็นโต๊ะจัดเรียงอาหาร วางไว้เป็นถาดมีฝาครอบตามหลักสุขอนามัย แบ่งเป็นอาหารคาวและหวานอย่างละโต๊ะทรงยาว ส่วนตรงกลางรายล้อมไปด้วยโต๊ะนั่งแบบทรงกลม มีเก้าอี้วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
ด้วยคืนนี้จะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ก่อนงานวิวาห์จริงในวันรุ่งขึ้น บรรดาแขกเหรื่อในงานล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทคุ้นเคยของทางฝั่งเจ้าสาวเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงมีบ้างบางคนที่รติชาเคยเห็นหน้าคาดตามาก่อน ดังนั้นแขกในงานหลายคนยามเห็นเธอเข้าจึงส่งยิ้มทักทายมาให้อย่างคนคุ้นเคยและไม่ถือเนื้อถือตัว ในฐานะแขกของเจ้านายที่มีต่อเด็กรับใช้ภายในบ้าน...
“คุณติชาผมขอน้ำเย็นๆ สักแก้วนะครับ วันนี้อากาศร้อนเป็นบ้าเลย”
“ได้ค่ะ...คุณเจษรอสักครู่นะคะ”
รติชารับคำแล้วเดินตรงมายังโต๊ะสำหรับวางเครื่องดื่ม จัดการรินน้ำเย็นจากเหยือกแก้วพร้อมนำมาเสิร์ฟให้ผู้ร้องขอด้วยใบหน้าละมุน มุมปากของเธอมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับไว้อย่างน่ามอง พลอยทำให้ใบหน้าสวยเก๋ของรติชาดูอ่อนหวานอย่างไร้ที่ติ ไหนจะผิวแก้มเนียนใสไร้ริ้วรอยนั่นอีก มองเผินๆ เขานึกว่าเด็กประถม พาทำเอาหัวใจคนมองเต้นระส่ำขึ้นมาอีกจนได้...
เจษยิ้มกว้างขวางให้กับสาวตรงหน้า รู้สึกผิวหน้าเขาชักร้อนวูบวาบอย่างไรชอบกล…
เขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอก มีธุรกิจส่วนตัวที่มั่นคง และยังเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายคนโตของคุณกวินกับคุณกาญจนา สนิทมากจนสามารถเข้าออกบ้านหลังนี้ได้บ่อยๆ พอๆ กับเข้าออกบ้านของตัวเองด้วยซ้ำ อาจด้วยเพราะธุรกิจส่วนตัวหลายบริษัทของเขา มีกรเวศเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสำคัญ
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง มันเกี่ยวพันกับเหตุผลทางใจ อันที่จริงคงเป็นเพียงแค่เขาคนเดียวกระมังที่รู้เหตุผลของข้อนี้ เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก...
“ขอบคุณครับ”
เจษรับแก้วน้ำมาดื่มรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง สายตาเขาเอาแต่จับจ้องอยู่บนใบหน้าอ่อนหวานอย่างเคยชิน พลอยทำให้สีหน้าเจษนั้นดูสดชื่นขึ้นมาทันตา ชายหนุ่มอมยิ้ม อารมณ์หงุดหงิดจากอากาศสุดแสนจะร้อนอบอ้าว ผนวกกับต้องขับรถชนิดเร่งด่วนข้ามจังหวัดมาให้ทันเวลางานเลี้ยง กลับมลายหายสิ้นในชั่วพริบตาเดียว
เพียงแค่เขาได้มองใบหน้าหวานๆ ของหญิงสาวคนนี้เท่านั้นเอง...
ชายหนุ่มยอมรับความรู้สึกพิเศษที่มีต่อรติชา หากเขาก็ไม่คิดเร่งรีบจนทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจ ค่อยๆ แฝงตัวเองเป็นมดแดงทำรังอยู่ใกล้ผลมะม่วงไปเรื่อยๆ แค่นี้เขาก็มีความสุขไปอีกแบบแล้วละ...
“คุณเจษต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ ติชาจะไปช่วยหยิบมาให้”
เสียงหวานเอ่ยถาม มือบอบบางยังคงขยับหยิบนั่นจับนี่ตลอดเวลา ไม่เพียงแค่สวย แถมยังขยันอีกต่างหาก เจษนึกชมผู้หญิงตรงหน้าอยู่ในใจ ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่แล้วครับ...เชิญคุณติชาทำงานต่อเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้วละ เดี๋ยวผมขอนั่งพักให้หายร้อนสักครู่ แล้วจะเข้าไปคุยกับเจ้าเวศข้างในบ้านเสียหน่อย” เจษบอกก่อนจะขอตัวเดินเลี่ยงมายืนหลบแดดตรงมุมหนึ่งของซุ่มงาน
“เชิญตามสบายนะคะ...” รติชายิ้มแล้วเดินมาตรวจความเรียบร้อยของถาดขนมหวาน เมื่อมีคนงานในบ้านกวักมือเรียกหา
หนุ่มนักธุรกิจไฟแรงยังมิวายแอบทอดสายตาชื่นชมไปยังสาวเจ้าเป็นระยะๆ เขารู้ดีว่าเจ้าหล่อนเป็นเพียงลูกสาวอดีตหัวหน้าแม่บ้าน...มารดาของรติชาเป็นเพียงคนงานในบ้านพัชรวราสินธุ์ ก่อนจะมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เขารู้ประวัติของหญิงสาวคร่าวๆ ด้วยคำบอกเล่าของไอ้เพื่อนตัวดี...
ส่วนหนึ่งเขาแอบชื่นชมนิสัยใจคอของรติชาเป็นการส่วนตัว...ตรงที่เจ้าหล่อนรักการเรียน และรักความเจริญก้าวหน้า แถมยังเป็นคนกตัญญูรู้คุณ นำประโยชน์จากความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาช่วยงานคุณป้ากาญจนาอย่างขยันขันแข็ง...
นั่นอาจเป็นเพราะว่าเจ้านายของบ้านหลังนี้ ท่านทั้งสองต่างมีน้ำจิตน้ำใจอันกว้างขวาง ไม่คิดกีดกั้นอนาคตของเด็กในบ้าน แถมยังส่งเสียให้ร่ำเรียนจนจบถึงใบปริญญาตรี โดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทน น้ำใจของคุณลุงกวินกับคุณป้ากาญจนา เขาเองก็เคยได้รับอยู่เสมอ ถ้าจะพูดไปคนในบ้านหลังนี้ทุกคนล้วนจิตใจดีงามกันทั้งนั้น...
รติชาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อจนกระทั่งเรียวแขนเล็กนั้นมีคนมาสะกิดเรียก...
“พี่ติชายุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
คนถูกถามเปิดปากยิ้มกว้างตอนเห็นหน้าคนสะกิดเรียก...นั้นเป็นใคร
พวงแก้มที่แดงจัดกว่าปกติจากกระไอแดดยิ่งทำให้รติชาสวยเด่นขึ้นมาอีกเป็นกอง คนทักเห็นแล้วยังอดนึกอิจฉาในใจไม่ได้อยู่เลย เธอเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าสาวของงาน มีชื่อว่าส้ม เป็นสาวน้อยร่างอวบที่มีนิสัยน่ารักและไม่เคยถือตัวในฐานะเพื่อนของเจ้านาย
“ไม่ยุ่งเท่าไรแล้วล่ะค่ะ...คุณส้มต้องการอะไรหรือคะ”
“ส้มเอาไอ้นี่มาให้ค่ะ...พี่ติชามีเวลาแล้วค่อยเปิดอ่านก็ได้ ยังพอมีเวลา”
สิ่งที่ยื่นส่งมาให้เป็นแผ่นกระดาษพับจนเหลือแผ่นเล็กจิ๋ว คนนำมาให้เสร็จ รีบหันหลังเดินอ้าวหายตัวไปเลย รติชาขมวดคิ้วก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือ คงเป็นเรื่องที่คุณส้มไม่ต้องการให้ใครรู้ แล้วรีบจัดการยัดเจ้าแผ่นกระดาษจิ๋วไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่ออย่างไม่มีสิ่งใดผิดปกติ...
---------------------------------
รติชาทำงานอยู่ในบ้านพัชรวราสินธุ์มาตั้งแต่เธอจำความได้ เพราะรติชาเป็นลูกสาวคนเดียวของหัวหน้าแม่บ้านกับอดีตนายทหารยศน้อยคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทั้งบิดาและมารดาของรติชาได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุไปเสียนานหลายปีแล้ว...
หน้าที่หลักของรติชาภายในบ้านพัชรวราสินธุ์ นอกเหนือจากการเป็นผู้ช่วยของคุณกาญจนานายหญิงของบ้าน รติชายังต้องคอยเป็นมือเป็นเท้า คอยดูแลและช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้กับแก้วเจ้าจอมอีกด้วย...
แก้วเจ้าจอม...เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของคุณกวินกับคุณกาญจนา เธอยังมีพี่ชายอีกคนมีชื่อว่า กรเวศ พัชรวาสินธุ์...
กรเวศเป็นหนุ่มนักธุรกิจเนื้อหอม เขาเป็นหนุ่มไฟแรง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล แถมยังประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งที่เขาอายุยังน้อยแท้ๆ ผลของความสำเร็จทั้งหลายที่ตามมา จึงไม่ใช่เฉพาะความมั่นคงเท่านั้น ทว่ากรเวศยังกลายเป็นหนุ่มฮอต ในกลุ่มบรรดาสาวๆ อีกด้วย...
ทว่าหลายเดือนมานี้กรเวศก็ทำให้หญิงสาวทั้งหลายต่างพากันอกหักกันเป็นทิวแถว เพราะชายหนุ่มกำลังมีข่าวโด่งดังอยู่กับดาราสาวดีกรีระดับนางงามโลก เจ้าหล่อนมีชื่อว่า รุ่งฟ้า
ซึ่งเป็นข่าวดังที่ทำเอารติชาเกิดอารมณ์ดิ่งวูบไปชั่วขณะ...
จะบอกว่าเล่นเอาภายในโพรงอกเธอมันเบาโหวงอยู่พักหนึ่งเลยก็ว่าได้...
เวลาหยิบจับหรือทำอะไรมันรู้สึกไร้ความสุขแปลกๆ แต่เป็นเพราะรติชารู้ตัวเองดีเสมอว่าเป็นใคร และอยู่ในฐานะอะไรของบ้านพัชรวราสินธุ์ มิหนำซ้ำยังเป็นเพียงแค่คนแอบรักเขาข้างเดียว ไหนเลยจะมีสิทธิ์ในตัวชายหนุ่ม...
ดังนั้นเรื่องราวระหว่างเธอกับกรเวศ ยังไงซะมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่วันยังค่ำ เจ็บเพราะรู้สึกอกหัก เพราะแอบรักเขาข้างเดียว ยังดีกว่าต้องมานั่งกินน้ำใต้ศอกของคนอื่นในวันข้างหน้าเป็นไหนๆ ...
หญิงสาวจึงทำใจยอมรับและตัดใจจากหนุ่มในฝันได้ในเพียงแค่ระยะเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นเรื่องที่ลงมือทำง่ายกว่าการดันทุรังจะพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับผู้ชายที่อยู่สูงเทียมฟ้า
รติชาถอนหายใจทิ้ง ตอนคิดได้ว่าตัวเองปลงตกกับเรื่องหัวใจได้ง่าย ยังโชคดีเท่าไร เธอไม่เผลอหลวมตัวยอมตกเป็นของเล่นสำหรับกรเวศ...มันมีอยู่หลายครั้งยามอยู่ตามลำพังกับเขา กรเวศมักชอบทำกิริยารุ่มร่ามใส่เธออย่างน่ารังเกียจ...รติชาก็ไม่เคยปริปากบอกใครให้รับรู้ อาจเป็นเพราะรติชาแอบรักเขาเลยไม่ต้องการทำให้เขาเสียชื่อ หรือกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของใคร สุดท้ายสิ่งที่ตนเองอมพะนำ เก็บเอาไว้ในใจ จึงย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองแท้ๆ ...
คุณแก้วเจ้าจอมเพิ่งเรียนจบและกำลังจะแต่งงานออกเรือนไปกับเจ้าบ่าวที่มีชื่อว่า เทวินทร์ สินธปกรณ์ พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้คนดังจากเชียงราย เหตุที่ทั้งคู่ต้องแต่งงานกันนั้นเกิดขึ้นจากสัญญาระหว่างคนสองตระกูล รติชาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่รติชารับรู้มาโดยตลอด...
นั่นคือแก้วเจ้าจอมทุกข์ใจกับงานวิวาห์ของตัวเองครั้งนี้พอสมควร ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับหลังจากทราบถึงกำหนดวันงานมงคลที่แน่นอน...
‘แต่แก้วไม่อยากแต่งงานกับคุณวินทร์นี่นา...ดูเขาเป็นผู้ชายที่น่ากลัวมากเลยนะคะพี่ติชา ไม่รู้ว่าการเป็นพ่อเลี้ยงปางไม้ ต้องคอยทำหน้าตา ดุๆ ใส่กันตลอดเวลาด้วย’
แก้วเจ้าจอมแสดงสีหน้าสยดสยองประกอบ รติชาเห็นถึงกับส่ายหน้า มุมปากยังคงยิ้มอ่อนให้กับสาวสวยประจำบ้านพัชรวราสินธุ์
‘คุณแก้วอคติกับเขามากกว่าค่ะ ถึงได้บอกว่าคุณวินทร์เธอดูน่ากลัว’
รติชาไม่เคยเห็นหน้าของว่าที่เจ้าบ่าวของแก้วเจ้าจอมจึงไม่อาจเออออตามคำบอกเล่าที่ได้ยิน
‘แก้วไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะคะพี่ติชา คุณวินทร์เขาดูท่าทางน่ากลัวจริงๆ คิ้วก็ชอบขมวดตลอดเวลาด้วย แก้วรู้สึกอึดอัด เหมือนคนหายใจไม่ทั่วท้องทุกทีเวลาอยู่กับเขาตามลำพัง’
‘คนเราสมัยนี้ดูแค่เพียงภายนอกอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ท่าทางเขาอาจจะดูน่ากลัว แต่ไม่แน่ว่าจิตใจข้างในอาจจะดีแสนดีก็ได้’
แก้วเจ้าจอมถอนหายใจหนัก เขยิบเข้ามานั่งใกล้พี่เลี้ยงสาวคนงามแล้วเบาเสียงที่พูดประโยคถัดมาให้ได้ยินเพียงสองคน...
‘แต่พี่ติชาก็ทราบดีนี่คะว่าตอนนี้แก้วมีคนที่คุยๆ ด้วยอยู่แล้ว’
‘ทราบค่ะ...แต่คุณแก้วก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน’
‘แก้วถึงได้มานั่งกลุ้มใจอยู่นี่ไงคะ พี่ติชาพอจะมีวิธีดีๆ แนะนำแก้วบ้างไหม”
‘วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดใจยอมรับค่ะ’ แก้วเจ้าจอมส่ายหัว
‘แก้วมีความสุขเวลาแก้วได้พูดคุยกับอังเดรค่ะ แล้วอีกอย่างแก้วไม่คิดว่าผู้ชายอย่างพ่อเลี้ยงเทวินทร์จะทำให้แก้วมีความสุขได้ เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายที่แก้วอยากจะฝากชีวิตด้วยแต่แรก’
รติชาทอดสายตาเห็นใจมองเจ้าของใบหน้าชื่นบานยามเอ่ยถึงชื่อคนรัก ในชั่วพริบตาถัดมาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองยามเอ่ยถึงชื่อของอีกคนหนึ่งขึ้นมาแทน...
เห็นได้ชัดว่าแก้วเจ้าจอมปักใจรักในตัวของแฟนหนุ่มมากกว่าคู่หมั้นคู่หมาย...ที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่ชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า อย่างไรทุกอย่างก็ยังคงดำเนินการต่อไปตามทิศทางของมัน แก้วเจ้าจอมไม่มีทางหลีกหนีวิวาห์คลุมถุงชนครั้งนี้ไปไหนได้ ยกเว้นเสียแต่ว่า ความคิดเห็นของสองคนจะตรงกัน...
---------------------------------------
รติชาขลุกตัวเองอยู่ตรงซุ้มอาหารจนกระทั่งทุกอย่างเรียบร้อย และเพราะทำงานจนเพลินนี้เอง ทำให้หญิงสาวลืมเรื่องแผ่นกระดาษในกระเป๋ากางเกงเสียสนิท คนส่งสารพอส่งเสร็จก็มีธุระด่วนต้องเร่งออกมาจัดการข้างนอกเลยไม่ได้ติดตามผล ส่วนเจ้าของแผ่นกระดาษใบจิ๋วก็เอาแต่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ภายในห้องส่วนตัว คิดเอาไว้ว่าพอถึงเวลา รติชาต้องคอยช่วยเหลือเธอได้อย่างแน่นอน...
ตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อคนสนิทของทางฝั่งเจ้าสาว ต่างทยอยเข้ามาในงานเลี้ยงเรื่อยๆ หญิงสาวกวักมือเรียกพนักงานหญิงคนหนึ่ง ซึ่งทางโรงแรมเป็นผู้จัดส่งมาให้คอยดูแลเรื่องอาหารโดยเฉพาะ ซักถามถึงรายละเอียดเพิ่มเติม จนแน่ใจจะไม่เกิดข้อผิดพลาด
รติชาจึงขอตัวเดินมาตรวจความเรียบร้อยยังโต๊ะนั่ง โดยหญิงสาวกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด ตรงระเบียงตึกชั้นสองของตัวบ้าน มีเจ้าของใบหน้าคมคายทว่ากลับมีดวงตาดุดันภายใต้คิ้วหนาเข้มดูโดดเด่นมากสุดบนใบหน้าคมคายนั้น...เขากำลังจับจ้องอยู่ที่ตนเองเป็นระยะ ...
เขาคนนั้นคือพ่อเลี้ยงเทวินทร์ สินธปกรณ์ เจ้าของปางไม้อันโด่งดังจากเชียงรายและยังเป็นถึงว่าที่เจ้าบ่าวคนสำคัญของงานเลี้ยงเล็กๆ คืนนี้ด้วย
ชายหนุ่มเดินทางมาถึงที่พักซึ่งเป็นบ้านของตัวเจ้าสาว ผู้หญิงที่เขาจะต้องแต่งงานด้วยเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน...แต่งเพราะหน้าที่ไม่ใช่เพราะความรัก มันเป็นสิ่งที่เทวินทร์ต้องตอบแทนต่อผู้มีพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถึงจะต้องฝืนใจตัวเองก็เถอะนะ...
เทวินทร์เม้มริมฝีปากเข้าแล้วก็คลายออกแล้วก็เม้มกลับเข้าไปใหม่ เขาทำกิริยานี้ซ้ำอีกหลายครั้ง มือทั้งสองข้างกำแน่นอยู่ตรงขอบระเบียง ตอนเห็นมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาคอยหมั่นแวะเวียนเข้ามาทักทายผู้หญิงตรงซุ่มงานเลี้ยงนั่น...บ่อยจนใจเขาชักร้องระอุ...
“เสน่ห์แรงเสียจริงนะแม่คุณ” .
พ่อเลี้ยงแห่งปางไม้ทุบมือลงบนราวระเบียง แน่นอนว่ามันเกิดจากความไม่พอใจจนใกล้จะแตะคำว่าหงุดหงิดเข้าไปทุกที...
-------------------------------
สามารถเข้าอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่(readAwrite) ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ - https://www.readawrite.com/a/1c1348c4092753913eb62f3cabb66bc4
แฟนเพจ: กนกรส https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/
อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1477755