สวรรค์..นั้นมีอยู่จริง
สวรรค์..นั้นมีอยู่จริง ? เรื่องนี้..เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากมายในวงกว้าง เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตหลังความตาย โดยบางคนมีความเชื่อกันว่า "ตายแล้วสูญ" คือ ตายแล้วตายเลยไม่ได้ไปเกิดใหม่อะไรที่ไหน ส่วนบางรายก็เชื่อกันว่า "เมื่อตายแล้วจะได้ไปพบพระเจ้า" ในศาสนาของตนเอง
บทความนี้ ทางผู้เขียนยังสองจิตสองใจว่าจะเล่าให้ฟังกันดีหรือเปล่า แต่ก็ได้คิดทบทวนดูดีแล้วว่า ถ้าเล่าเรื่องนี้ออกไป แล้วมีคนทำดีกันมากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อสังคม และทำให้โลกใบนี้น่าอยู่
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น ในวัย 17 ปีของผู้เขียนเอง ซึ่งในสมัยนั้นยังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ กล่าวคือ ทางโรงเรียน ฯ ได้มีการจัดกิจกรรม การอบรมและเข้าค่ายพุทธศาสนานอกสถานที่ ซึ่งเป็นวิชาบังคับที่นักเรียนทุก ๆ คนต้องเข้าร่วม มิฉะนั้นจะศึกษาไม่จบ โดยสถานที่ ๆ ใช้ในการฝึกอบรม คือ สำนักสงฆ์สังฆทาน ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นวัดสังฆทาน ในจังหวัดนนทบุรี
การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน โดยต้องพักที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ห้ามออกไปไหนเลย กิจกรรมในทุก ๆ วันก็จะมีการอบรมหัวข้อธรรมะต่าง ๆ , ฝึกนั่งสมาธิ และเดินจงกรม สลับกันไปตามสมควร
และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง..ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นกับผู้เขียน กล่าวคือ ในระหว่างเดินจงกรม (ไม่หลับตา ภาวนาพุทโธ สติอยู่ที่ปลายเท้า) อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าปรากฏต่อหน้า แล้วก็ปรากฏรูปภาพต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในอดีตของผู้เขียนที่เคยทำมา ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีก็ตาม ภาพเหล่านั้นจะแสดงออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ ซึ่งในขณะนั้นทางผู้เขียนเองได้คิดว่าฝันไปหรือเปล่า ? พอตั้งสติได้สักพักใหญ่ ๆ ก็รู้ว่า ไม่ได้ฝันไปจริง ๆ แต่นี้มันเป็นเหตุการณ์อะไรกัน !! ทำไมรอบ ๆ ข้างตัวเราถึงหยุดนิ่งไปหมด ผู้เขียนเห็นแม้กระทั่งตัวเองหยุดนิ่งอยู่ในท่าเดินจงกรม ตกใจอยู่ได้ไม่นาน ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า "ให้เดินตามมา" ซึ่งผู้เขียนเองก็เดินตามไปเรื่อย ๆ ทางที่เดินไป สดใสสวยงามตระการตา คล้ายอยู่บนท้องฟ้าก็หาไม่ แสงยิบยับคล้ายเพชรนิลจินดา แบบที่ไม่เคยปรากฏบนโลกนี้มาก่อน แต่ที่น่าแปลกใจ คือ เท้าของผู้เขียนไม่ติดพื้นเลย เดินไปตามทางจนถึงสถานที่ ๆ หนึ่ง มีลักษณะคล้ายโบสถ์ในศาสนาพุทธ เหล่าบรรดาชายหญิงชุดขาวห่มขาวได้เดินเข้ามาต้อนรับ และทักทาย นับได้ประมาณ 20 กว่า ๆ เห็นจะได้ หนึ่งในนั้นคือญาติของผู้เขียนเองซึ่งตายไปได้หลายปีแล้ว ซึ่งก็เข้ามาทักทายเช่นกัน
เวลาผ่านไปสักพัก ทางผู้เขียนได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า "หมดเวลาแล้ว !! กลับกันได้แล้ว." ทางผู้เขียนจึงรีบตั้งสติ และเดินกลับไปตามเสียงนั้น จนกระทั่งแสงสว่างเหล่านั้นได้นำพาผู้เขียนกลับเข้ามาสู่ร่างของตนเอง หรือว่า นี่อาจจะเป็นการถอดจิต เพื่อไปดูสวรรค์กันแน่
ในเย็นวันนั้นเอง ทางผู้เขียนได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้พระที่สอนกรรมฐานฟัง ท่านได้บอกกับทางผู้เขียนไว้ว่า อย่าตกใจไปเลยน่ะโยม เหตุการณ์ที่โยมได้เจอนั้น เหล่าทวยเทพเทวดาที่สถิตย์อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ท่านได้ดลบันดาลให้คนดี ๆ ที่รักษาศีล และปฏิบัติธรรม ได้รับรู้ความจริงของธรรมชาติ ที่ว่า "ตายแล้วไม่สูญไปไหน" "วัฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง" "เพราะฉะนั้นอย่าประมาท หมั่นทำความดีให้เยอะ ๆ" เพราะสักวัน ณ ที่แห่งนั้น คือ จุดหมายปลายทางของเราเอง .. สาธุ