เปิดรายได้พนักงานGoogle(กูเกิ้ล)และสวัสดิการที่ดีมาก
กูเกิลก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ขณะที่ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2541 ในโรงจอดรถของเพื่อนที่ เมืองเมนโลพาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เพิ่มมูลค่าของบริษัท 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากนั้นทางกูเกิลได้มีการขยายตัวตลอดเวลาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่และการซื้อกิจการอื่นรวมเข้ามา เช่น กูเกิล ดีปไมด์ รวมถึงก่อตั้งบริษัทลูกอย่างกูเกิล เอกซ์กูเกิลได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยนิตยสารฟอร์จูน ซึ่งมีคติพจน์ประจำบริษัทคือ Don't be evil อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการละเมิดข้อมูลส่วนตัว การละเมิดลิขสิทธิ์ และการเซ็นเซอร์ในหลายส่วน
อันดับที่ 20. Associate, online sales and operations (ผู้ช่วยและดำเนินการฝ่ายการขายออนไลน์)
รายได้ต่อปี: $50,200 (1,606,400 บาท)
อันดับที่ 19. AdWords associate (ผู้ช่วยฝ่าย AdWords)
รายได้ต่อปี: $56,400 (1,804,800 บาท)
อันดับที่ 18. Account manager (ผู้จัดการฝ่ายบัญชี)
รายได้ต่อปี: $71,080 (2,274,560 บาท)
อันดับที่ 17. Software engineer intern (วิศวกรซอฟท์แวร์ฝึกหัด)
รายได้ต่อปี: $70,000 ถึง $90,000 (2,240,000 – 2,880,000 บาท)
อันดับที่ 16. Senior account manager (ผู้จัดการฝ่ายบัญชีระดับสูง)
รายได้ต่อปี: $93,237 (2,983,584 บาท)
อันดับที่ 15. Database administrator (ผู้บริหารจัดการระบบฐานข้อมูล)
รายได้ต่อปี: $100,327 (3,193,910 บาท)
อันดับที่ 14. Financial analyst (นักวิเคราะห์ทางการเงิน)
รายได้ต่อปี: $103,244 (3,303,808 บาท)
อันดับที่ 13. Business analyst (นักวิเคราะห์ทางด้านธุรกิจ)
รายได้ต่อปี: $104,389(3,340,448 บาท)
อันดับที่ 12. User interface designer (นักออกแบบระบบ Interface ต่างๆ)
รายได้ต่อปี: $105,474(3,375,168 บาท)
อันดับที่ 11. Network engineer (วิศวกรระบบเครือข่าย)
รายได้ต่อปี: $107,534 (3,441,088 บาท)
อันดับที่ 10. User experience researcher (นักวิจัยเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ใช้)
รายได้ต่อปี: $112,536 (3,601,152 บาท)
อันดับที่ 9. Product marketing manager (ผู้จัดการเรื่องการตลาดของผลิตภัณฑ์)
รายได้ต่อปี: $118,217 (3,782,944 บาท)
อันดับที่ 8. Software engineer (วิศวกรซอฟท์แวร์)
รายได้ต่อปี: $118,994 (3,807,808 บาท)
อันดับที่ 7. Sales engineer (วิศวกรด้านการขาย)
รายได้ต่อปี: $119,603 (3,827,296 บาท)
อันดับที่ 6. Site reliability engineer (วิศวกรด้านความเสถียรและนาเชื่อถือของหน้าเว็บ)
รายได้ต่อปี: $124,194 (3,974,208 บาท)
อันดับที่ 5. Software research engineer (วิศวกรวิจัยด้านซอฟท์แวร์)
รายได้ต่อปี: $126,916 (4,061,312 บาท)
อันดับที่ 4. Research scientist (นักวิทยาศาสตร์เพื่อการวิจัยต่างๆ)
รายได้ต่อปี: $135,785 (4,345,120 บาท)
อันดับที่ 3. Product manager (ผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์)
รายได้ต่อปี: $138,951 (4,446,432 บาท)
อันดับที่ 2. Research engineer (วิศวกรด้านการทำวิจัยค้นคว้าต่างๆ)
รายได้ต่อปี: $140,039 (4,481,248 บาท)
อันดับที่ 1. Senior software engineer (วิศวกรซอฟแวร์ระดับสูง)
รายได้ต่อปี: $152,985 (4,895,520 บาท)
- สวัสดิการด้านการเดินทาง – Google มีรถรับส่งให้พนักงานจากย่านที่อยู่อาศัยของพนักงานมาจนถึงออฟฟิศเลย ทำให้พนักงานไม่จำเป็นต้องเสียค่าเดินทาง หรือเสียเวลาขับรถเอง แล้วระหว่างที่อยู่บนรถก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานให้ด้วย
- มีอาหารให้ฟรี 3 มื้อ – โดยอาหารทั้ง 3 มื้อนั้นก็เป็นอาหารที่มีความหลากหลาย สารอาหารครบถ้วน ไม่ซ้ำซากจำเจ รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพของพนักงานทุกคน
- Minibar – Minibar ของ Google มีทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ หรือของว่างให้กินได้ตลอดเวลา
- Ergonomic Office Stuff – ไม่ว่าจะเป็นทั้งโต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อช่วยให้พนักงานได้ทำงานตามหลักสรีระศาสตร์ที่ถูกต้อง นอกจากความเป็นอยู่ของพนักงานต้องดีแล้ว สุขภาพกายระหว่างการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน
- ห้องบริการต่าง ๆ – เช่น ห้องนอน ถ้าหากพนักงานต้องการงีบระหว่างวัน ก็สามารถมานอนได้ทุกเวลา, ห้องอาบน้ำ ที่มีอุปกรณ์ครบทั้งผ้าเช็ดตัว สบู่ หรือแม้แต่อุปกรณ์ของผู้หญิงเองก็ตาม, ห้องนวด ใครที่ปวดเมื่อยเนื้อตัวหรืออยากผ่อนคลาย
- ประกันชีวิต – ถ้าหากพนักงานเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายเงินเดือนให้ผู้รับผลประโยชน์ถึง 10 เท่า ให้เรามั่นใจได้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ครอบครัวจะได้รับเงินดูแลและไม่ลำบากแน่นอน
- ประกันสุขภาพแบบพรีเมียม – นอกจากให้ตัวพนักงานแล้วก็ยังให้คู่สมรส (โดยไม่จำกัดเพศ) ได้รับสิทธิ์แบบเดียวกันกับที่พนักงานได้ทุกอย่าง
- เงินเดือนสำหรับบุตร – บุตรของพนักงานจะได้รับเงินเดือนเดือนละ 1,000 ดอลลาร์ จนถึงอายุ 19 ปี
- สิทธิ์ลาคลอด – ให้ลาไปเลี้ยงดูบุตรได้ทั้งพ่อและแม่ (บางแห่งจำกัดให้แม่ลาเพียงคนเดียว)
- มีเงินสนับสนุนในช่วง Work From Home – บริษัทสนับสนุนเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์ เพื่อให้พนักงานไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มความสะดวกให้กับการทำงานที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ IT, โต๊ะ, เก้าอี้ และอื่น ๆ
- Hybrid Working – ให้เข้าออฟฟิศ 3 วัน และ Remote Working 2 วัน (สามารถเลือกวันเองได้) เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานและสร้างความ Productive ให้กับพนักงานมากขึ้น
- ทุนการศึกษา – เงินสนับสนุนให้พนักงานได้เรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตัวเอง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ศึกษาในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ถ้าหากคุณเป็น Engineer แต่อยากไปเรียนดำน้ำ บริษัทจะช่วยออกค่าเรียน 1/3 แต่ถ้าศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น การบริหาร การโค้ดดิ้ง การฝึกพูดในที่สาธารณะ สามารถเบิกได้ 2/3 เพื่อนำมาพัฒนางานหรือโปรเจกต์ได้มากขึ้น