หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นิทานพื้นบ้านจากภาคเหนือ

โพสท์โดย Meme888

ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนชอบเล่านิทานพื้นบ้านให้ลูกหลานฟัง ด้วยเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะชั้นดีที่เป็นเนื้อหาสาระ คติสอนใจ แถมได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินไปในเวลาเดียวกัน โดยในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยก็มีนิทานพื้นบ้านแต่ละภาคที่แตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะสำคัญของภูมิภาคนั้น ๆ และในวันนี้กระปุกดอทคอม ขอนำเสนอ นิทานพื้นบ้านจากภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตำนานของสถานที่ต่าง ๆ หรือความเป็นมาและสาเหตุของสถานที่เหล่านั้นเล่าสืบต่อกันมาช้านาน เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และได้สาระที่เป็นคติสอนใจ อาทิ ความดี ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รวมถึงยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นภาคเหนืออีกด้วย

          สำหรับนิทานพื้นบ้านทางภาคเหนือ ที่เป็นที่นิยมเล่าสืบต่อกันมามีหลายเรื่องเลยทีเดียวที่สนุกสนาน ดังเรื่องราวที่ยกมาต่อไปนี้

          1. นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง ลานนางคอย จังหวัดแพร่

          ถ้ำผานางเป็นถ้ำสวยงามอยู่ในจังหวัดแพร่ ปากถ้ำอยู่ภูเขาสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เมตร มีบันไดไต่เลียบเลี้ยววกขึ้นไปจนสุดทาง บันไดเป็นดินและหิน มีลานกว้างเป็นที่นั่งพัก ก่อนจะเข้าสู่ถ้ำด้านขวามือเป็นซอกเขา มีทางขึ้นไปไม่สูง ข้างบนมีลานหินเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่นั่ง เรียกกันว่า ลานนางคอย

          เรื่องถ้ำผานางและลานนางคอยมีอยู่ว่า ครั้นอาณาจักรแสนหวียังเจริญรุ่งเรือง เจ้าผู้ครองนครมีราชธิดาผู้สิริโฉมงดงามมาก นามว่านางอรัญญนี วันหนึ่งนางเสด็จประพาสโดยเรือพระที่นั่งเกิดมีพายุใหญ่พัดกระหน่ำมา ทำให้เรือพระที่นั่งพลิกคว่ำนางอรัญญนีพลัดตกลงในน้ำ ฝีพายหนุ่มคนหนึ่งได้กระโดลงไปช่วยชีวิตนางไว้ได้ ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองคนก็ได้ลอบติดต่อรักใคร่กันโดยปิดบังไม่ให้พระราชบิดาของนางล่วงรู้

          จนนางอรัญญนีตั้งครรภ์ขึ้น พระราชบิดาของนางกริ้วมาก สั่งให้โบยนางและกักขังไว้ แต่คนรักของนางก็ได้ลอบเข้าไปหาถึงในที่คุมขัง และพานางหลบหนีไป เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกนางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ

          นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชายหนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น ลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลานนางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานาง

          2. นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์

          เมืองลับแลเป็นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล

          มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ แล้วก็เข้าไปในเมืองด้วยความสงสัย ชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบ เพราะชายหนุ่มแอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก

          ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ ล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่มเกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน

          วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้เลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้ว ๆ" มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก

          จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้น เรื่อย ๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดินทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิมบรรดาญาติมิตรต่างก็ ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา

          ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไม้หมดแล้ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตาม

  3. นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา

          มียายแม่หม้ายคนหนึ่ง มีลูกสามคน ทีแรกนั้น ยายแม่หม้ายคนนี้จะข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง ทีนี้ก็ข้ามไม่ได้ มีพญาขี่เรือมา ขอข้ามไปกับพญา พญาก็ไม่ให้ข้าม พระพายเรือมาอีก ขอข้ามกับพระ พระก็ไม่ให้ข้าม ทีนี้ก็มีลัวะพายเรือมาอีก ขอข้ามกับลัวะ ลัวะก็ไม่ให้ข้ามก็เลยผูกเวรไว้ว่า ขอภาวนา (ผาถะนา) มีลูกสามคนให้

          คนหนึ่งไปแกล้งพญา

          คนหนึ่งไปแกล้งพระ

          คนหนึ่งไปแกล้งลัวะ

          ต่อมา ยายแม่หม้ายคนนั้นเกิดมาอีกชาติหนึ่ง ได้แต่งงานอยู่กินกับสามี จนมีลูกด้วยกันสามคน ผัวตายทิ้ง เลยเป็นยายแม่หม้าย ลูกคนหัวปี ของนางแม่หม้าย ก็ได้ไปแกล้งพญา ดังคำสาปแช่งที่นางแม่หม้ายได้อธิษฐานไว้ เมื่อชาติปางก่อน โดยลูกคนนี้ท่องเที่ยวไปวัน ๆ เจอใครก็โกหก หลอกเล่นไปเรื่อย คนอื่น ๆ เห็นว่า "เออ?หมอนี่สมควรไปอยู่กับพญา มันพูดตลกขบขันดี" พญาก็เอาไปอยู่ด้วย พญาบ้านเป็นทัพเมืองเป็นศึก ต่อมาต้องไปออกศึก พญาจึงได้สั่งกับเซี่ยงเมี่ยงว่า "เซี่ยงเมี่ยง ให้มึงอยู่บ้านนะ"

          เซี่ยงเมี่ยงก็อยู่เฝ้าบ้าน แต่เซี่ยงเมี่ยงหลับเล่นชู้กับเมียพญา เมียพญาก็เล่นคบชู้กับมัน จนไม่รู้จะทำยังไง พญามารู้ว่ามันเล่น มันก็ว่ามันไม่ได้เล่น "ผมไม่ได้เล่น ผมไม่ได้ทำจริง ๆ" พญาถามว่า "ก็มึงมีหลักฐานเหรอ"เซี่ยงเมี่ยงตอบว่า  "มีสิ .. ถ้าผมได้เสพได้สู่กับเมียพญา ดูผมนี่เถอะ" เอาปลาร้าปลาสร้อยเข้าพอกหัวแหละ "ดูสิ" กลิ่นสาบตลบอบอวน พญาก็เลยเชื่อมัน ว่าไม่ได้มีชู้กับเมียจริง จึงให้ไปเลี้ยงม้าพญา "เลี้ยงม้า? น้อย?นอย..นอย.. ถ้าไม่มีปลาร้าปลาสร้อยเซี่ยงเมี่ยงก็ตาย"

          ต่อมาเซี่ยงเมี่ยงก็ยังไปหลอกคนอื่นสารพัด พญาว่า "มันเป็นยังไง?หมอนั่นหลอกเก่ง มึงลองหลอกกูดูซิ" พญาขี่ม้ามา มันไปอยู่สนามนู่น หลอกคนทั้งหลาย ใครก็ว่าเซี่ยงเมี่ยงเนี่ยช่างหลอก พญาขี่ม้าไป "อะ?เซี่ยงเมี่ยงมึงช่างหลอก หลอกกูดูซิ" เซี่ยงเมี่ยงตอบไปว่า "ก็จะไปหลอกได้ยังไง พญาอยู่บนหลังม้า ถ้าจะให้ข้าหลอก ต้องลงมาจากม้าทางนี้สิ ลงมาอยู่ใกล้ ๆ จะหลอกได้"

          พอพญาก็กระโดดลงหลังม้า เซี่ยงเมี่ยงรีบบอกว่า "เอ้า?หลอกได้แล้ว ก็หลอกพญาลงม้านั่นแล้วไง"พญาเลยบอกว่า "เอ้อ? ตกลง หลงคำหลอกจริง" อยู่มาอีก ทีนี้มันก็พยายามแกล้งพญาเรื่อย ๆ ผลสุดท้ายพญา ก็เกลียดมัน มันแกล้งพญาเหลือร้าย พญาจะฆ่ามันโดยการเอายาพิษใส่น้ำ เอาให้เซี่ยงเมี่ยงกิน ก็กินจริง เพราะไม่รู้ แต่ก่อนที่มันจะตาย มันก็ได้บอกให้เมียมันว่า "ถ้าข้าจะตาย ถ้าข้าตายไปแล้วละ ให้เองเอาข้าใส่ในอู่ ไกวเสียแล้วก็เอาหนังสือวางลง ส่องหน้าให้ข้าอ่านนะ"

          พอเซี่ยงเมี่ยงตายแล้ว เมียก็ทำตามที่บอก เอาเซี่ยงเมี่ยงใส่ในอู่ไกว พญามาแอบมาดู "หา?เซี่ยงเมี่ยงเนี่ยมันยังไง กินยานี้ไม่ตายหรือนี่ ยานี้ไม่มีพิษเหรอ" พญาก็มาชิมยาดู พญาก็เลยตายด้วย เรื่องก็จบลงเท่านี้

          4. นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง ปู๋เซ็ดค่ำลัวะ

          เรื่องปู๋เซ็ดค่ำลัวะ ก็คือว่า ลูกคนสุดท้องของยายนั่นแหละ (นางแม่หม้าย) ส่งให้มา มาแกล้งลัวะ มันจะไปพยายามแกล้งลัวะทุกทางเลย ทีนี้ก็ พวกลัวะทั้งหลาย ลูกเล็กเด็กแดงลูกลัวะ เล่นกับมัน มันก็เล่นด้วย แกล้งด้วย เขกหัวเขกเหอ ทำสารพัด มันกำลังจะโกหก หลอกว่า "ใคร?ใครไม่ไปตกเบ็ดเหรอ ตกเบ็ดปลากินดีนะ" "เอาอะไรตก เอาอะไรทำเหยื่อ"

          ปู๋เซ็ดก็บอกว่าเอาไข่ "ต้มไข่สักรังเอาไป แล้วก็ เอาเกาะเบ็ด มันได้อยู่แล้ว"

          หมอนั่นว่ามันจะบอกให้พ่อมัน หมอนั่นมันจะบอกให้พ่อมัน มันจะบอกให้พ่อเราไปตก ว่าเสร็จ ปู๋เซ็ดนั้นมันก็ "ก็พวกเองจะไปตกเบ็ด บอกให้พ่อเองไปตกเบ็ดเมื่อไร" "วันพรุ่งนี้" (รุ่งขึ้น) ปู๋เซ็ดก็ไปซ่อนอยู่ใต้วังน้ำ ถ้าเขาตกเบ็ดมามันก็เอาไข่เสีย ตกเบ็ดมามันก็เอาไข่ ไข่ใส่เบ็ดตก ได้มาก็เอามากิน จนกระทั่ง มันได้ลูกได้เมีย ก็หากิน เอามาให้ลูกมัน มากินอวดลูกลัวะลูกลัวะถาม "ไอ้นี่ เอ็งไปเอาไข่ที่ไหนมากิน" "พ่อข้าไปเป็นปลาอยู่ในวัง ไปเอาไข่มากิน"

          ทีนี้ เด็กลูกลัวะมาบอกให้พ่อแม่ พ่อแม่มัน "ฮึ?ปู๋เซ็ดจริง ๆ ด้วย ที่มันมากินไข่เราเนี่ย ไม่ใช่ปลา ทีนี้ นะเราจะไปกินไข่ปู๋เซ็ดบ้างล่ะ" บอกให้ลูกปู๋เซ็ดแหละ หมู่เด็กบอกว่า "ไอ้นี่ วันพรุ่งนี้ บอกให้พ่อเองไปตกเบ็ดนะ เอาไข่ไปตกสิ พ่อข้าเขาจะเปลี่ยนจากตกเบ็ด?พ่อข้าเขาจะไปเป็นปลา พ่อเองไปตกเบ็ดบ้าง"(พูด)เสร็จ ทีนี้ก็ไปตกเลย มันไม่ได้ใส่ไข่เยอะ ใส่ไข่นิดเดียว ทำเบ็ดคมแล้วก็คมอีก ตกไปงั้น ลัวะมันไม่ได้ฉลาดเหมือนคนเมืองเรา ลัวะสมัยเมื่อก่อนน่ะ?. พอตกเบ็ดก็ตะครุบคาบ ปู๋เซ็ดลากคอมาตีเสีย ตกเบ็ดไปก็คาบ ก็ลากคอมาตี ตายหมดจนเป็นครึ่งหมู่บ้านแล้วสิ

          พอเบื่อ เลยมาหาวิธีแกล้งอย่างอื่นอีก? คิดอะไรไม่ออกแล้วแกล้งทำเป็นไม่สบาย ปู๋เซ็ดแกล้งทำเป็นไม่สบาย อำพรางที่จะไปฆ่าลัวะ มาหาเอ่อ?ไปถามยามที่ลัวะ "โห!?มันไม่สบายอย่างนี้ ก็ต้องไปเซ่น ผีไม้หลวงกลวงไม้ใหญ่ก่อนน่ะ จะหาย" ทีนี้ก็ปู๋เซ็ดมันเข้าไปอยู่กลวงไม้นู่น พอพวกลัวะเอาไก่เอาอะไร มาเซ่น "เอ้อ?นี่นะผีไม้หลวงกลวงไม้ใหญ่ เอามาเซ่นมาบูชา ลูกเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้"

          เอ้อ!?วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง ลัวะมันกลัว ปู๋เซ็ดเอาไก่มาให้ลูกมันกินไป (กิน) อวดลัวะ ทีนี้ลูกลัวะเห็นก็หือ? ร้องไห้อยากจะกิน ก็ถามว่า "เองเอาไก่ไหนมากิน" "อึม?พ่อข้าเป็นผีอยู่..เอ่อ..ต้นไม้หลวงกลวงไม้ใหญ่ ได้ไก่ต้มมากิน" ลัวะพูดว่า "วันพรุ่งนี้ให้ปู๋เซ็ดไปเซ่นบ้างนะ ไก่น่ะ" ลัวะทั้งหลายก็ ปู๋เซ็ดนี่ก็แกล้งไม่สบาย มาถามยามที่ลัวะ อีกน่ะแหละ "ให้ไปเซ่นผีไม้หลวงกลวงไม้ใหญ่เอะ จะหาย เอาไก่ไปเยอะ ๆ" มันก็ว่า "เอ้อ?ดีละ ต้นไม้กลวงมันมีนั่นต้นหนึ่งแล้วนี่"

          พวกลัวะก็ไปอยู่ในกลวงไม้นั่น ก็ในกลวงไม้ ปู๋เซ็ดก็เอาไก่ไปเอาหมูไป แกล้งตีหมูให้ร้อง อู๊ด!..อู๊ด!..อู้ด!..อู้ด!.. มันไม่ได้ตีให้ตาย พวกลัวะก็พากันดีใจว่าจะได้กินเนื้อไก่ เนื้อหมู มันหักเอาเศษไม้ เอาเศษหญ้าเอาอะไรเข้ายัดข้างใต้ ก็ไฟเข้าหวดให้เขา ตายกันหมดบ้านหมดเมืองลัวะ อีกซ้ำยังไม่พอ กะโหลกหัวปู๋เซ็ดนั้นที่เรี่ยอยู่ มันตายแล้วมันเรี่ยอยู่นั่น พวกลัวะที่หลงที่เหลือยังอยู่นั้น ไปขี้ใส่กะโหลกหัวมัน "เจ็บใจ มันแกล้งทั้งโคตรพ่อโคตรแม่" "เฮ่อ? ปู๋เซ็ดนี่ กะโหลกหัวมันก็ยังดุอยู่เลยว่ะเฮ้ย" นี่แหละ?จบเท่านี้เรื่องปู๋เซ็ด

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: dek9.com
- nitarn.com
- นิทานพื้นบ้าน.whitemedia.org
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Meme888's profile


โพสท์โดย: Meme888
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ไม่ควรกิน "อาหาร" แบบนี้ในตอนเช้าแต่ส่วนใหญ่กลับกินกันบ่อย!!"กาบหมากคาบต้น" ความเชื่อโบราณของดีหาดูยาก โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก?ภาพที่เห็นไม่ใช้เส้นมาม่า..แต่มันคือต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า! ทำให้เห็นระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุของต้นไม้จากรากสู่ใบโมเมนต์นสุดฮาสาวสองอึ กลางป่าชาวเน็ตเอาไปทำมีมผีกระสือโครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาท ซื้อมือถือได้จริงหรือไม่? มาไขข้อข้องใจกัน!ไทยอาจจะไม่ใช่ เจ้าตลาดของทุเรียนอีกต่อไปเมื่อการ์ตูนโดเรม่อนกลายเป็นคนจริงๆเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ น้ำปลา เครื่องปรุงรสที่ผู้คนมากมาย ขาดไม่ได้เลยจริงๆสิ่งที่คนญี่ปุ่นได้เรียนรู้และอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนไทยที่คุณอาจจะไม่รู้มาก่อน!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"สารวัตรเพียว" ชี้ "โน้ส อุดม" ทำคนไทยไม่ลืมวาทกรรม ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป.รู้หรือไม่...กาแฟขี้ช้างไทย ณ ตอนนี้คือกาแฟที่แพงที่สุดในโลกโมเมนต์นสุดฮาสาวสองอึ กลางป่าชาวเน็ตเอาไปทำมีมผีกระสือโครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาท ซื้อมือถือได้จริงหรือไม่? มาไขข้อข้องใจกัน!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
นักยิงปืนหนุ่มกินพยาธิสดๆ โชว์..ทำเอาชาวเน็ตแทบอ้วก!ป่าลึกลับเพราะอากาศร้อนจัด ขนาดโซลาร์เซลล์ยังเอาไม่อยู่..ทำเอาไฟลุกพรึบทันที
ตั้งกระทู้ใหม่