เผยนิสัยและพฤติกรรม การชอบใช้ความรุนแรง จากเคสกรณีเน็ตไอดอลถูกแฟนทหารฆ่า
จากเหตุการณ์ที่เน็ตไอดอลถูกแฟนทหารฆ่าตายแล้วนายทหารคนนั้นก็ฆ่าตัวตายตามเป็นกรณีที่เกิดจากความรุนแรงในส่วนนี้เกิดจากความหึงหวงและนำไปสู่การกระทำที่เกิดขึ้นปัญหาทั้งหมดอาจเป็น อาจเป็นเพราะความรุนแรงที่มีผลกระทบมาตั้งแตในสมัยเด็กจนถึงปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมทั้งหมดนั้นอาจเป็นจากการปลูกฝังหรือเห็นความรุนแรงต่างๆจนกระทั่งซึมซับมาตลอด
โดยความรุนแรงนั้นอาจเกิดได้หลายรูปแบบโดยมีรูปแบบหลักๆอยู่สองรูปแบบคือ1. พฤติกรรมความรุนแรงด้านร่างกายเช่นการทุบตีทำร้ายเตะต่อยและใช้อาวุธทำร้ายร่างกายที่นำไปสู่การเจ็บทั้งร่างกายจนกระทั่งเสียชีวิต
- สองพฤติกรรมความรุนแรงทางด้านจิตใจจะเป็นการใช้ความรุนแรงที่เป็นการใช้คำพูดหรือกักขังที่ทำให้กระทบกระเทือนทางด้านจิตใจเช่นถูกด่าถูกบูลลี่ ถูกหึง หวงเหยียดหยามกลั่นแกล้งกักขังควบคุมไม่ให้แสดงความคิดเห็น
สาเหตุสำคัญของคนที่ใช้ความรุนแรงซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติของคนที่จะมาทำร้ายกันส่วนใหญ่แล้วจนเกิดมาจากสามกรณีดังนี้
- ครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงคือครอบครัวที่มีพฤติกรรมการแก้ปัญหาด้วยการทะเลาะบอกแว้งการตีหรือการใช้ความรุนแรงอื่นๆจนทำให้เด็กซึมซับพฤติกรรมนี้ขึ้นมาเรื่อย ๆ
- โรงเรียนที่มีการชกต่อยครูตีนักเรียนซึ่งในรูปแบบนี้เป็นการซึมซับโดยไม่รู้ตัวเพราะสังคมที่โรงเรียนไม่ใช่แค่กว่าการ ความรุนแรงที่ ทำร้ายร่างกายแต่ยังมีความรุนแรงการทำร้ายจิตใจ เช่นการถูกบูลลี่เรื่องหน้าตาหรือร่างกายการถูกกันแกล้งโดยพฤติกรรมเหล่านี้จะกระทบจิตใจในระยะยาวจนนำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
- สังคมที่ทำงานยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดชัดเช่นในแวดวงทหารจะมีการใช้คำสั่งลงโทษผู้ที่มียศสูงกว่าจะดุด่าว่ากล่าวด้วยวาจารุนแรงกับผู้ที่มียศสูงกว่าซึ่งความรุนแรงในสังคมการทำงานทำให้เกิดความเก็บกดจนสู่ความรุนแรงในที่สุด
ดร.ศรีดา ตันทะอธิพาณิชย์กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยได้กล่าวว่า ความรุนแรงทั้งสามสาเหตุนี้นำไปสู่ความรุนแรงทางเพศยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเน็ตไอดอลที่โดนแฟนหนุ่มยิงและฆ่าตัวตายตามที่คอนโดนั้นเป็นความแดงที่เกิดจากการกระทำแห่งความหึงหวงจนนำไปสู่ความรุนแรงที่พรากชีวิต ซึ่งผมมาจากความนิยมของแฟนตนเองซึ่งมีคนมากมายต่างส่งของมาให้เธอจนทำให้ฝ่ายชายเกิดความหึงหวงแต่ตนไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้หรือห้ามไม่ให้ใครมายุ่งกับแฟนตนได้เลยนำความรุนแรงนี้มาลงกับแฟนของตนเองจนเป็นเหตุน่าเศร้าที่เกิดขึ้น
โดยส่วนใหญ่วัยที่ใช้ความรุนแรงจะเป็นช่วงตอนปลายคืออายุเราราว 18 ถึง 10 ห้าปีเป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายซึ่งเป็นวัยที่สมองด้านอารมณ์ความรู้สึกเริ่มโตเร็วขึ้นทำให้กระตุ้นและเสริมสร้างความรุนแรงมากขึ้นและองค์ประกอบความรุนแรงสามอย่างที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ความรุนแรงทั้งหมดออกมาและมีวิธีการใช้ความรุนแรงที่หลากหลายเพราะเป็นช่วงเวลาที่เติบโตมีพละกำลังทำให้ใช้ความรุนแรง
เค้าแนะนำเกิดคนที่ได้รับความรุนแรงควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ตูนโดนความรุนแรงด้วยการนี้หรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะสายเกินแก้เพราะความรุนแรงไม่ได้จบแค่การเจ็บตัวแต่นำไปสู่การเสียชีวิต เลยก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศด้วยการไม่เดินไปที่เปลี่ยวไม่แต่งตัวล่อแหลมหรือไม่อยู่ในสถานที่ที่อาจเกิดการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตามการให้ใช้ความรุนแรงนั้นจะต้องเกิดที่การปลูกฝังตั้งแต่เด็กเพราะปัจจัยสำคัญคือสภาพแวดล้อมของตัวบุคคลถ้าตอนเด็กไม่ได้ถูกปลูกฝังความรุนแรง แต่ถูกปลูกฝังด้วยความรักและการเอาใจใส่นั้นจะทำให้ความรุนแรงไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป