7ภาษาที่เรียนยากที่สุดในโลก
1. ภาษาจีน (CHINESE)
อันดับ 1 ของภาษาที่ยากต่อการเรียนมากที่สุดในโลกได้แก่ภาษาจีนนั่นเอง เนื่องจากเป็นภาษาที่มีตัวอักษรมากถึง 300 ตัวอักษร สามารถสร้างสรรค์คำศัพท์ได้มากมาย แต่ความยากของภาษาจีนอีกหนึ่งด้านนั่นคือมีสำเนียงท้องถิ่นที่แตกต่างจนในบางครั้งไม่สามารถแปลความหมายได้เลย ภาษาจีนจึงจัดเป็นภาษาที่มีความยากที่สุดในโลกนั่นเอง
2. ภาษาบาสก์ (BASQUE)
ภาษาบาสก์เป็นภาษาพื้นเมืองของชาวบาสก์ ที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาพีเรนีส ประเทศสเปน รวมไปถึงบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ภาษาบาสก์จัดเป็นกลุ่มภาษาเดี่ยวที่ ไม่มีความใกล้เคียงกับภาษาใดเลย และยังมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก จึงได้รับอันดับ 2 ของภาษาที่ยากที่สุดในโลก
3. ภาษาฮังการี (HUNGARIAN)
ภาษาฮังการีนิยมใช้ในแถบประเทศฮังการี โรมาเนีย สโลวาเกีย ยูเครน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โครเอเชีย ออสเตรีย และสโลวีเนีย ซึ่งความยากของภาษาฮังการีคือภาษาเฉพาะที่ไม่มีรากฐานจากภาษาใดเลย ซึ่งต่อให้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ ในสหภาพยุโรปก็ไม่สามารถใช้ร่วมกับภาษาฮังการีได้นั่นเอง
4. ภาษาโปแลนด์ (POLISH)
ภาษาโปแลนด์จัดได้ว่าเป็นภาษาที่ยากต่อการออกเสียง เนื่องจากมีการสนทนาที่รวดเร็วจึงทำให้จับคำได้ยาก นอกจากนี้ยังมีตัวอักษรและไวยากรณ์ที่แปลกจากภาษาอื่นๆ ค่อนข้างมาก หากน้องๆ คนไหนกำลังสนใจในภาษาโปแลนด์ควรปล่อยใจให้โล่งๆ แล้วเริ่มต้นเรียนรู้จะทำให้การฝึกฝนง่ายขึ้น
5. ภาษาญี่ปุ่น (JAPANESE)
หนึ่งในภาษาที่ยากติดอันดับโลกอย่างภาษาญี่ปุ่น มีจุดเด่นตรงที่มีระดับของภาษาในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิท พ่อแม่ หรือแม้กระทั่งในระดับทางการก็ย่อมมีคำศัพท์ที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังมีตัวอักษรที่ยากต่อการจดจำอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอักษรคันจิ หรือคาตาคานะก็ตาม
6. ภาษารัสเซีย (RUSSIAN)
อดีตสหภาพโซเวียตมีอาราเขตที่กว้างขวางและครอบคุลมหลายประเทศในปัจจุบัน ทำให้ภาษารัสเซียมีผู้ใช้ภาษานี้ในวงกว้าง แต่กลับมีความยากในเรื่องของโครงสร้างภาษาทั้งในเรื่องของการทำความเข้าใจ การอ่านออกเสียง และการเขียนนั่นเอง
7. ภาษาเยอรมัน หรือด๊อยช์ (GERMAN)
ภาษาเยอรมัน หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าภาษาด๊อยซ์ที่เป็นหนึ่งในภาษาแม่ของสหภาพยุโรปก็ว่าได้ ซึ่งภาษาเยอรมันมีความคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษแต่จะมีแบ่งในเรื่องของเพศของคำศัพท์ที่มากถึง 3 เพศอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหลักไวยการณ์ที่บางครั้งคำกริยาก็อยู่ด้านหลังประโยค แถมคำกริยาและคุณศัพท์ยังต้องผันตามเพศของคำนามอีกด้วย