อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก
4 ด้านของประเทศไทย ที่นำไปสู่ 4 อุตสาหกรรมระดับโลกระบุภาคเศรษฐกิจที่เป็นจุดแกร่งของประเทศ พบว่า ประเทศไทยมีจุดแกร่ง 4 ด้าน ซึ่งผมเรียกว่า Thailand’s Niches ประกอบด้วย อาหาร การท่องเที่ยว สุขสภาพ (wellness) และการอภิบาลคนชรา (elderly healthcare)
เหตุผลสำคัญที่ 4 อุตสาหกรรมนี้เป็นจุดแกร่งของประเทศไทย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ ไม่ต้องกระโดดไกล แต่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมต่อยอดจากฐานเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิมในประเทศ
ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎีลิงกระโดดต้นไม้ ของศาสตราจารย์ริคาร์โด้ เฮาส์แมนน์ (Ricardo Hausmann) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศเวเนซูเอล่า และอาจารย์ที่ Harvard Kennedy School ซึ่งที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นเพื่อนร่วมงานวิจัย
ศาสตราจารย์เฮาส์แมนน์ ได้อธิบายว่า ลิงจะพยายามกระโดดไปยังต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ข้อจำกัด คือ หากต้นไม้นั้นห่างไกลกันเกินไป ลิงจะกระโดดไปไม่ถึง
เช่นเดียวกับประเทศที่จะปรับเปลี่ยนไปยังสินค้าที่มูลค่าสูงได้ยาก คือ ประเทศที่สินทรัพย์ (Assets) และความสามารถ (Capability) ที่มีอยู่ ห่างจากสินทรัพย์ (Assets) และความสามารถ (Capability) ที่ต้องการในการผลิตสินค้ามูลค่าสูงที่เป็นเป้าหมายมากเกินไป
ประเทศที่จะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตได้รวดเร็ว เพราะเริ่มต้นจากการมีสินทรัพย์และความสามารถที่จะ “กระโดด” ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงได้ง่าย
ดังนั้นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่ไกลเกินไปที่จะไปถึงได้นั้น จึงไม่ควรนำมาเป็นจุดแกร่งของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในระดับที่สูงมาก เพราะประเทศไทยยังขาดความสามารถผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้จริง และการพัฒนาความสามารถนั้นต้องใช้เวลายาวนานมาก
ผมจึงเสนอให้ประเทศไทยกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายบน 4 จุดแกร่งดังกล่าว เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น โดยผมเสนอให้พัฒนาประเทศเป็น “เมืองหลวงโลก” หรือสร้างความเอกอุหรือโดดเด่นระดับโลกใน 4 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย
1) เมืองหลวงอาหารโลก เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย สินค้าอาหารของไทยที่ส่งออกอันดับต้นๆ ของโลก เช่น ทูน่า ข้าว ไก่ สับปะรด กุ้ง และผลไม้เขตร้อน
ขณะที่เมนูอาหารไทยมีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้านรสชาติ ความหลากหลาย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยอาหารหลายชนิดเป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น ต้มยำกุ้ง ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย โดยเฉพาะแกงมัสมั่นที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก เป็นต้น
2) เมืองหลวงการท่องเที่ยวโลก เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรท่องเที่ยวหลากหลาย ธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และหลากหลาย อาหารอร่อย ผู้คนมีอัธยาศัยดี ต้อนรับคนต่างชาติ และมีใจบริการ
สังคมไทยมีอิสระเสรี การท่องเที่ยวมีความคุ้มค่า และแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองน่าเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น
3) เมืองหลวงสุขสภาพโลก เนื่องจากไทยมีชื่อเสียงด้านการแพทย์ ระบบสาธารณสุขถูกจัดเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย (2019 Global Health Security Index) มีผู้ป่วยเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์นับล้านคนในแต่ละปี
บริการทางการแพทย์ของไทยมีคุณภาพ บริการน่าประทับใจ เทคโนโลยีทันสมัย บุคลากรมีคุณภาพ จำนวนโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน JCI มากเป็นอันดับ 4 ของโลก
ไทยยังมีชื่อเสียงในบริการด้านศัลยกรรม ความงาม การชะลอวัย การป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพ รวมทั้งบริการสุขภาพทางเลือก อาทิ การนวดแผนไทย แพทย์แผนไทย และสมุนไพรไทย เป็นต้น ขณะที่ต้นทุนการให้บริการย่อมเยากว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
4) เมืองหลวงการอภิบาลคนชราโลก เนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สังคมหลังเกษตรกรรมและเป็นครอบครัวเดี่ยว ลูกหลานไม่มีเวลาดูแล จึงต้องส่งผู้สูงอายุไปให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุช่วยดูแล อย่างไรก็ดี บริการดูแลผู้สูงอายุในประเทศพัฒนาแล้วมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจไม่ได้รับการดูแลที่ดี เพราะคนขาดใจบริการ
ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยต่ำกว่า คนไทยมีใจบริการ สุภาพอ่อนโยน มีน้ำจิตน้ำใจ และเคารพผู้อาวุโส นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีบริการทางการแพทย์และพยาบาลที่ดีเลิศ
อ้างอิงจาก: Featured Image:Tom yum photo created by jcomp – www.freepik.com