บันทึกกรรม ป้อม - ตู่ คำพูดย้อนฆ่าตัวเอง หมดราคาคุณค่าทางการเมือง

เมื่อ8 มีนาคม 2566 เป็นวันสตรีสากล หลายพรรคออกมา แสดงวิสัยทัศน์ในการปกป้องสิทธิสตรี นับว่าเป็นก้าวแรกของสังคม อาทิเช่น อุ๊งอิ๊ง พิธา วราวุธ คุณหญิงสุดารัตน์ และ ลุงตู่ลุงป้อม 

สาระสำคัญ ในฟากฝั่ง อุ๊งอิ๊ง กับ พิธา คือการมองถึงสวัสดิการผู้หญิงการฉีดวัคซีน HPV การแจกผ้าอนามัย และการส่งเสริมระบบสาธารณสุข รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนผู้หญิงในระบบการเมืองที่เน้นความเท่าเทียมมากขึ้น 

แต่ที่ตลกที่สุด คือการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชาหรือบิ๊กตู่ ออกมาแถลงการณ์เนื่องในวันสตรีไทยประจำปีนี้ ชาวเน็ตวิจารณ์เหมือนพูดขอไปที ไม่มีแก่น ไม่มีสาร พูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง เพราะที่ผ่านมาพูดดูถูกผู้หญิงตั้งแต่กรณีนักท่องเที่ยวโดนฆ่าข่มขืน ว่าเป็นเพราะผู้หญิงแต่งตัวยั่ว อีกทั้งด่าผู้หญิงแต่งตัวช่วงสงกรานต์หาว่าไม่เหมาะสม สมเพศในความไม่กระดากปาก ถึงพูดเรื่องสตรีเลย 

ในส่วนของลุงป้อม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ใน Fanpage facebook "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" ได้โพสต์ต่อเนื่องกันประมาณ 5 โพสต์ที่ทำโลกตะลึงมาก เพราะ เป็นโพสต์ที่ ตัวเองเข้าใจเรื่องทางการเมืองเข้าใจคนรุ่นใหม่แต่ตลอด 8 ปีที่ผ่าน ลุงป้อมตอบแต่ คำว่า "ไม่รู้ ไม่รู้" ออกแต่หน้าสื่อ ซ้ำกว่านั้นยังดูถูกเด็กราชภัฏอีกต่างหาก 

ลองดูก็แล้วกันครับว่า ความปลอมของคนที่อยากจะเป็นนายก ที่จะมาใช้กลไก ประชาธิปไตยในการขอคะแนนเสียง แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเที่ยวดูถูกประชาชน ดูถูกนักการเมืองด้วยกันว่าเลว แต่ปัจจุบันพรรคของตัวเองก็มีแต่นักการเมืองที่ตัวเองเคยว่าเต็มพรรค 

และอีกคนที่เกือบจะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกุล ที่ออกชูสโลแกนนโยบายสาธารณสุข ฟอกไตฟรี มะเร็งฟรี ดูแล้วก็ได้แต่เบ้ปาก เพราะช่วงการระบาดโควิด - 19 รัฐมนตรีสาธารณสุข ก็ออกมาพูดว่า โควิดเป็นแค่ไข้หวัด โควิด กระจอก จนมีคนนอนตายข้างถนนมาแล้ว ไหนจะการนำเข้าวัคซีนที่เป็นประเด็นอีก นับว่าน่าอมพระมาพูดก็ยากที่จะเชื่อยากที่จะให้ราคา แล้วสำหรับเสี่ยหนูและพลพรรคภูมิใจไทย ที่โดนชูวิทลากมาเชือดคากระทรวง

แลดูเป็นบันทึกกรรม แลดูเป็นกรรมที่ติดจรวด และมาไวเพียงแค่ 4 ปี เป็นกรรมที่คนทั้งประเทศมองออกว่าความหน้าด้านเป็นยังไง เพราะเป็นการสร้างภาพที่เกินจริงจากตัวตนตัวเองคงใช้ไม่ได้ในยุคที่ทุกก้าวย่างมี digital footprint หรือมีข้อมูลจากทุกสำนักข่าวคอยขุดคอยคุ้ยมาโจมตีตลอดที่คอยทิ้งค้างให้ผู้อ่านได้ขุดคุ้ยมาประจาน กันไม่รู้จบ หรือความกระหายการสืบทอดอำนาจของพวกโลภในอำนาจเป็นยังไง ก็คงรู้เช่นเห็นชาติแล้ว ณ เวลานี้.