หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เขียนไปเรื่อย

โพสท์โดย mpn29

  .••   การเติบโตมาของแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง  มีความสุข ใช้ชีวิตสนุกดีใช่ไหม ส่วนตัวเรานั้นกับรู้สึกว่าเราเติบโตมาในเวลาที่พ่อแม่เริ่มจากศูนย์ เริ่มชีวิตครอบครัวในขณะที่มีเราเป็นลูกคนแรก  เราเห็นพ่อแม่ทำงานมาตลอดตั้งแต่เราจำความได้  ท่านตื่นเช้าไปทำงานกลับถึงบ้านก็เย็นหรือค่ำ  ชีวิตส่วนใหญ่ในตอนนั้นจึงดูเหมือนว่าเราอยู่กับคุณตาคุณยายมากกว่าอยู่กับพ่อแม่  หรือในวันที่ต้องไปโรงเรียนพ่อแม่จะไปส่งเราที่โรงเรียนทุกเช้า  ทุกวันนี้ยังจำได้อยู่เลยว่าครั้งแรกที่ไปเรียนชั้นอนุบาลเราร้องตามพ่อแม่กลับบ้านไม่อยากไปเรียน ร้องแบบนานมากๆ หลังจากนั้นคือมีคุณครูใจดีท่านหนึ่งเป็นคุณครูผู้หญิงผิวขาวผมยาวสวย  ได้มาอุ้มเราแล้วโอ๋จนเราหยุดร้อง  ความคิดตอนนั้นคือเหมือนพ่อแม่เอาเรามาปล่อยทิ้ง รู้สึกถูกทิ้ง จึงฝังใจมากกับเหตุการณ์นั้นเราจึงจนจำภาพตอนนั้นได้แม่นมาก

...  การไปโรงเรียนครั้งแรกของเราดูจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบมากในตอนนั้น   จนนานเข้าก็เริ่มจะใช้ชีวิตในโรงเรียนได้เหมือนเพื่อนๆปกติ  โรงเรียนที่เราเรียนคือโรงเรียนขนาดกลางๆที่อยู่ในตำบลมีตั้งแต่ชั้นอนุบาล1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3   ในตอนนั้นก็ยังคงเป็นเด็กเล็กมากแต่ก็ยังคงจำอังคารเรียนหลังเก่า โรงอาหารเก่า บ้านพักครูที่มีอยู่ในโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันก็หายไปตามกาลเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารที่จะพัฒนาให้โรงเรียนดีขึ้น   พูดถึงโรงเรียนแล้วคิดถึง เพราะช่วงเวลานั้นคือช่วงชีวิตหนึ่งของตัวเราเลยที่เติบโตมาในรั้วของโรงเรียนที่มีทั้งคุณครูและเพื่อน พี่ น้องๆ ที่ดี ความทรงจำที่มีก็มากจนบางครั้งคิดถึงแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา     จริงๆตอนเรียนเราก็ไม่ได้มีเพื่อนมาก และก็ไม่ได้มีเพื่อนคนสนิทเหมือนคนอื่นๆเขา   การอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่เด็กจนโตถ้าจำไม่ผิดคือเราไม่เคยที่จะสร้างเรื่องราวให้พ่อแม่ต้องมาพบอาจารย์ เราไม่สร้างปัญหาให้พ่อแม่เราต้องมาหนักใจเพราะเราเลย  เราเป็นคนเรียนไม่เก่ง รู้สึกเหมือนเรารู้สึกช้ากว่าคนอื่นด้วยซ้ำเนื่องจากจะอายุน้อยกว่าเพื่อนๆในห้องหนึ่งปี  การเรียนรู้ของเราจึงต้องทำความเข้าใจให้มากกว่าคนอื่น เพื่อให้ทันคนอื่น  เราเคยรู้สึกว่าเราเหมือนเป็นจุดที่ด้อยค่าที่สุดในห้องเรียน  จึงทำให้การเรียนเราไม่ดีในช่วงป.1-ป.2 จำได้ว่าตอนป.2 เราสอบได้ที่ 9 นั่นคือที่ที่มากที่สุดที่สอบได้จนกระทั่งขึ้นชั้นป.3 - ป.6 เราพยายามที่จะเรียนให้ดีขึ้นจึงสอบได้ที่ 3 ที่4 ที่3 ที่4  ถ้าจำไม่ผิด แต่เราเรียนดีขึ้นมากในช่วงเวลานั้น  แต่ก่อนเราเคยเก็บสมุดที่มีผลการเรียนไว้แต่ตอนนี้หายไปหมด เรารู้สึกแย่มากๆเลยนะเราตั้งใจเก็บมาแต่สุดท้ายคือหายไป  หายไปแบบมีคนตั้งใจทำให้หายไปด้วย  เขาเกลียดเรามากเลยนะ เขาไม่ต้องการเห็นเราได้ในสิ่งที่ดีกว่าเขา   ม.1 ม.2 ม.3  เป็นช่วงเวลาที่ต้องคิดแล้วนะว่าหลังจะจบจากโรงเรียนแห่งนี้ไปเราจะไปเรียนต่อที่ไหน   เริ่มมีการพูดคุยกันมากในเพื่อนๆบางคนก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนในตัวจังหวัดตั้งแต่ป.6 บางคนก็เลือกที่จะเรียนให้จบ ม.3ก่อน แล้วไปเรียนต่อในสายอาชีพบ้าง สายสามัญบ้าง  ส่วนบางคนก็ไม่ได้เรียนต่อ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เมื่อจบ ม.3แล้วจะไม่ได้ไปเรียนต่อเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ  เราไม่อาจรู้เหตุผลว่าทำไมพ่อแม่ถึงไม่ให้เราเรียนต่อในตอนนั้น   เราน้อยใจพ่อแม่มาก จนมารู้ในตอนหลังคือคุณตาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย  พ่อแม่จึงให้เราดูแลคุณตา   คุณตาไปผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อหยุดการเติบโตของก้อนเนื้อ  เราคิดว่าท่านต้องหายแน่ๆ ท่านหายจากก้อนเนื้อร้ายนั่น  แต่กลับมาเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองซึ่งคุณหมอบอกว่าคุณตาจะอยู่ได้อีก2 เดือน  เราที่ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งชนิดนี้เลย   ช่วงนั้นเราขอพ่อแม่เรียนต่อ  ความคิดตอนนั้นคืออยากรักษาคุณตาให้หาย แต่เรายังไม่มีความรู้มากตึงอยากที่จะเรียนต่อ  ตอนนั้นพ่อแม่ก็ให้เรียนด้วยอาจจะด้วยสภาวะทางจิตใจในตอนนั้นเราจึงได้ไปเรียนต่อที่การศึกษานอกระบบ    เรียนทุกๆเสาร์และอาทิตย์  ความรู้ในตอนนั้นคงจะเป็นการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต  เราได้ความรู้จากที่ได้อ่านนำมาปรับใช้ รักษา ดูแล คุณตา เลือกอาหารที่ดี  เน้นผัก ไข่ ไม่เน้นเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่  อาหารที่ดีต้องสะอาด  พยามที่จะไม่สร้างเรื่องหนักใจให้ท่านคิดมาก  ให้ท่านมีความสุขกับชีวิตเห็นท่านหัวเราะบ่อยๆ เราก็สบายใจมากๆในตอนนั้น เราตั้งใจที่จะเรียนให้จบ และก็จบภายในสองปี   ต่อเข้ามหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งซึ่งจริงๆแล้วเราตั้งใจจะเรียนเกี่ยวกับที่จะมารักษาคุณตา แต่ในปีนั้นหลักสูตรนั้นยังไม่เปิดให้ลงเรียนเราจึงเลือกเรียนไปอีกสาขาหนึ่งซึ่งเราเองก็ชอบรองลงมาจากสาขาแรกที่ไม่ได้ลงเรียน 

       เทอมแรกของการอ่านหนังสือเราจำได้ว่าเราอ่านให้คุณตาฟังและเทอมนั้นก็สอบผ่านทุกวิชาเลย  เรารู้สึกมีกำลังใจในการเรียนมาก  จนเริ่มเข้าเทอมสองคุณตาเริ่มมีอาการทรุดลงเรื่อยๆ อาการปวดตามตัวเริ่มมากขึ้นต้องวิ่งไปกลับรักษาตัวที่กทม. การให้คีโม ทำให้ผมของคุณตาร่วงบางลงมาก เรารับรู้ถึงความเจ็บปวดของท่านในตอนนั้นแต่เราก็ทำได้แค่ร้องไห้แต่ต้องไม่ให้ท่านเห็น  ทุกครั้งที่ให้คีโมเราและพ่อแม่ จะไม่ได้เข้าไปในห้อง  ทุกครั้งที่กลับมาอาการไม่ได้ดีขึ้นมาก  แค่อาจจะหายเจ็บปวดในช่วงขณะหนึ่ง  คุณตาเป็นคนที่เข้มแข็งมากท่านเป็นคนจิตใจดีมีอารมณ์ขัน  และกำลังใจจากคนรอบข้างที่ส่งให้ท่าน เพราะทุกคนต่างมีความหวังว่าท่านจะหายเป็นปกติ 

   แต่แล้ววันหนึ่งก็มาถึงวันที่คุณตาท่านได้จากพวกเราทุกคนในครอบครัวไป  (จะมาต่อนะ)

เนื้อหาโดย: 🤍
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mpn29's profile


โพสท์โดย: mpn29
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งกรรมการสอบ ปมไอลอว์ตั้งคำถามเล่มจบ ป.เอกของ "สว.สมชาย" ข้อความคล้ายหลายแหล่งโควิด-19 อีกแล้ว!!!"หนุ่ม กรรชัย" ลั่น! ไม่ทะเลาะกับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ไม่แน่..หลังต้องอ่านข่าวลัทธิเชื่อมจิตคดีฆ่ๅชำแหละยัดถุงดำ เป็นฝีมือชาวญี่ปุ่นความลับเกือบถูกเปิดเผย เมื่อครูทักทายลูกศิษย์อยู่ข้างนอกเขมรเตรียมฉาย หนังบางระจันเวอร์ชั่นเขมร อ้างหมู่บ้านบางระจันมีที่มาจากกัมพูชา!ชี้ช่องทางลดค่าไฟ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเปิดลงทะเบียนค่าไฟฟ้า เช็กเงื่อนไขที่นี่😆 มาดูภาพถ่ายชีวิตในเมืองในมุมมองของช่างภาพแนว Street photo (1/2) 😉คนยิ่งเย็น..โลกยิ่งร้อน ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งกรรมการสอบ ปมไอลอว์ตั้งคำถามเล่มจบ ป.เอกของ "สว.สมชาย" ข้อความคล้ายหลายแหล่งราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในประเทศสมาชิกอาเซียนคนยิ่งเย็น..โลกยิ่งร้อน ?ชี้ช่องทางลดค่าไฟ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเปิดลงทะเบียนค่าไฟฟ้า เช็กเงื่อนไขที่นี่
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เมื่อหนุ่มทำพัดลมไอเย็นเอง..ว่าแต่มันคลายร้อนได้จริงหรือ ?หากโลกนี้มีเวทมนต์จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแมคโดนัลด์เป็นอะไร..ทำไมถึงมีโลโก้กลับหัวสาววิศวะลาออกมาเป็นนักชิม..ตะลุยกินอาหารทั่วประเทศจีน
ตั้งกระทู้ใหม่